บทที่ 4 เหตุผลที่ต่างกัน
เสียงรถยนต์จอดเทียบ เจ้าของบ้านวางแก้วกาแฟขมวดคิ้ว ไม่นานนักเห็นสุรชัยเดินเข้ามา แล้วหยุดยืนตรงหน้าเขา สีหน้าลูกน้องดูเคร่งเครียด ทำเอาธเนศต้องขบกราม สิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลได้มากที่สุด คือการที่ลูกชายโง่เง่าไม่รู้อะไรเลย
“ใครมา!”
“คุณธัชครับ”
“มากับใคร!”
“เอ่อ...” สุรชัยอึกอัก ไม่กล้าเอ่ยปาก
ธัชพลจับมือคนรักเข้ามา แล้วมาหยุดยืนตรงหน้าบิดา พรรณเรศยกมือกระพุ่มไหว้ในทันที สุรชัยยังไม่ทันได้ตอบคำถามเลยเดินเลี่ยงออกมาเพื่อให้เจ้านายได้จัดการปัญหา ธเนศไม่ได้รับไหว้ กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของแฟนลูกชาย แล้วยิ้มเหยียด
“แกมีอะไรถึงได้พาแฟนแกมาที่นี่ เพราะฉันจำได้ว่าสั่งห้ามแกไว้แล้ว!”
คนเป็นลูกชะงัก แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ
“ที่ผมกับเรศมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอกกับพ่อครับ”
ธเนศชะงัก เห็นสีหน้าแววตาลูกชายแล้วทำเอาเขารู้สึกสังหรณ์ชอบกล
“เรื่องสำคัญอะไรก็ว่ามา ฉันมีธุระต้องไปทำ!”
“เรศท้องครับ!” เขาโพลงออกมา
ชายชราชะงัก ทอดสายตามองบุตรชายและผู้หญิงที่ยืนเตียงข้าง แล้วขบกรามแน่น พยายามระงับโทสะที่กำลังพลุ่งพล่าน
“ท้องงั้นเหรอ?” ธเนศเปรยเสียงเย็น “ฉันไม่เข้าใจทำไมเธอถึงปล่อยให้ตัวเองท้อง เป็นดาราไม่ใช่หรือไง ไม่คิดรักษาหุ่นหรือหน้าที่การงานของตัวเองเลยเหรอ แต่งงานก็ยัง แล้วท้องแบบนี้ ไม่อายแฟนคลับ อายเพื่อนร่วมงานบ้างหรือไงกัน!”
คนฟังหน้าชา เม้มริมฝีปากด้วยความเจ็บแค้น
“เรศรักคุณธัชค่ะ!”
“เลยปล่อยให้ตัวเองท้อง รักหรืออยากมีลูกไว้จับไอ้ธัชกันแน่!”
“พ่อครับ อย่าพูดแบบนี้กับเรศเลย เราสองคนรักกันจริงๆ นะครับพ่อ!” ชายหนุ่มรีบแก้ต่าง
“รักกันก็ไปอยู่ด้วยกันเลยสิไป ไปตัวเปล่านี่แหละไอ้ธัช!”
ธัชพลชะงัก แล้วหันมองคนรัก พรรณเรศกำมือแน่น ขนาดเธอกำลังจะมีหลานให้ ยังไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนลงแม้แต่น้อย แล้วต้องทำยังไงถึงจะยอมรับเธอ
“พ่อครับ ในท้องเรศคือหลานของพ่อนะครับ พ่อไม่สงสารหลานบ้างเหรอ”
ธเนศเงยหน้า แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
“จะให้ฉันสงสารได้ยังไง ฉันยังไม่รู้เลยว่าในท้องแฟนแกมันใช่หลานฉันหรือเปล่า เป็นดาราเจอผู้ชายเยอะยิ่งกว่าเดินตามถนนเสียอีก ไม่รู้ว่ามั่วกันไปถึงไหน จะให้ฉันเชื่อใจว่าแฟนแกมีแกคนเดียว ไม่มีวันเสียหรอก!”
“เรศมีคุณธัชแค่คนเดียวนะคะ เรศไม่เคยทำตัวมั่วกับใครที่ไหน!” พรรณเรศโพลงออกมาทั้งน้ำตา
“ฉันจะไปเชื่อได้ยังไง ลูกชายฉันมันก็ไม่ได้ไปนอนเฝ้าเธอทุกวันเสียหน่อย เธอจะนอนกับใครเมื่อไหร่มันก็มีโอกาสไม่ใช่หรือไง!”
“ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ เรศกำลังท้อง แทนที่พ่อจะยอมรับพวกเรา พ่อกลับซ้ำเติมให้พวกเราเจ็บปวด!” ชายหนุ่มตัดพ้อ
“เรศไม่ได้มีคนอื่นอย่างที่คุณพ่อกล่าวหานะคะ เรศซื่อสัตย์กับธัชแค่คนเดียว!” พรรณเรศปล่อยโฮออกมา
ชายชราจ้องมองสองคนนิ่ง
“รอลูกคลอด แล้วตรวจดีเอ็นเอ ฉันถึงจะยอมรับ”
“อะไรนะครับพ่อ!”
“ฉันยอมรับหลานได้ แต่กับผู้หญิงอย่างเธอฉันไม่ยอมรับ!” ชายชราประกาศกร้าว
“พ่อทำแบบนี้ไม่ได้ ผมรักเรศ เราสองคนจะแต่งงานกัน!”
ธเนศสบตาบุตรชาย แววตาแข็งกร้าว เขาไม่มีวันให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้วก่อนมาเจอกับธัช พรรณเรศประวัติไม่ดีอยู่แล้ว นั่นทำให้เขายิ่งรู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก
“ถ้าแกคิดจะแต่งกับผู้หญิงคนนี้ ก็เตรียมตัวเตรียมใจออกจากตระกูลฉันไปได้เลย ฉันจะไม่ให้แกสักแดง อยากจะรู้นักว่าผู้หญิงที่แกรักนักรักหนา มันจะเลี้ยงแกได้ไหม!”
ชายหนุ่มชะงักสบตาคนรัก พรรณเรศน้ำตานองหน้าเจ็บปวดไปทั้งใจ ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก
“คุณพ่อไม่ต้องไล่ธัชออกจากที่นี่หรอกนะคะ เรศจะไปเองค่ะ!” พรรณเรศบอกเสียงสั่น แล้ววิ่งหนีออกมาทันที
“เรศ!”
ธัชพลวิ่งตามออกมา แต่รถกลับเคลื่อนออกจากตัวบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มยืนนิ่งน้ำตาคลอ หลับตาลงเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้ภายใน เขาควรเลือกทางไหนดี ถ้าหากพ่อยอมใจอ่อน ทุกอย่างคงดีกว่านี้
ปัง!
ประตูปิดลงอย่างแรง ร่างบางก้าวเข้าด้านในผับหรูย่านกลางกรุง แล้วทรุดกายลงบนเก้าอี้ตรงบาร์ มือบางยกกุมขมับกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ ในเมื่อเธอและลูกไม่มีความหาย ก็ช่างหัวมัน! ตาแก่นั้นต้องได้รับรู้รสชาติความเจ็บปวดในสักวัน เธอจะทำให้มันกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
“ขอวอดก้าแก้วนึง!” เธอสั่ง
วอดก้าถูกนำมาเสริฟ์ตรงหน้า เธอยกกระดกดื่ม แล้วเม้มริมฝีปากกัดฟันแน่น
“มาคนเดียวเหรอครับ”
เสียงทักทายดังขึ้น พรรณเรศหันมองสบตาคนทัก เห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเขา
“พลรบ” เธอละเมอออกมา
“ครับ ผมพลรบเอง”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอ “มาได้ยังไงคะนี่”
“วันนี้ไม่มีคิวเลยมาครับ นั่งๆ นอนๆ ในห้องคนเดียวมันเบื่อ”
เธอจ้องลึกในดวงตาอีกฝ่าย ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำให้สติเธอพร่าเลือน ทำไมวันนี้เขาดูหล่อเหลากว่าทุกวัน
“ทำไมไม่หาคนนอนด้วยล่ะคะ จะได้ไม่เหงา”
เขายกยิ้ม “ไม่ล่ะครับ ถ้าไม่ถูกใจผมก็ไม่อยากได้คนมานอนด้วย ยกเว้น...” ดวงตาคมจ้องมองอย่างมีความหมายไปถึงอีกคน “คนที่ผมพอใจ อย่างเช่นคุณ”
พรรณเรศหัวเราะในลำคอ ก่อนหันไปมองบาร์เทนเดอร์
“ขอวอดก้าอีกแก้วค่ะ”
เขาฉงน จ้องมองด้วยความแปลกใจ
“ทำไมดื่มวอดก้าล่ะครับ มันแรงนะ เดี๋ยวจะเมาเอา”
เธอหันมามองเขาแววตาหม่น มือถือดังขึ้น เจ้าของเลยล้วงกระเป๋าจ้องมองหน้าจอแล้วตัดสินใจกดปิดเครื่อง พลรบมองด้วยความแปลกใจ
“คืนนี้ฉันอยากเมา ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”
“ได้สิครับ สำหรับคุณผมพร้อมเสมอ”
แก้วน้ำสีอำพันถูกวางตรงหน้าชายหนุ่ม เขายกแล้วชนกับอีกฝ่าย ต่างคนต่างพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เธอต้องการลืมเรื่องราวอันเจ็บปวดให้หมด ขอแค่เพียงความสบายใจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
วอดก้าแก้วที่สามถูกกระดกดื่ม คนดื่มเริ่มสติพร่าเลือน มองภาพรอบกายพร่ามัว ร่างกายแทบทรงไม่อยู่ จนฟุบหน้ากับบาร์ พลรบชะงักแล้วจับไล่มนเขย่าเบาๆ
“คุณเรศครับ” เขาร้องเรียก “ได้ยินผมไหม”
“คุณพล ฉันดื่มไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอบอกเสียงเบา แล้วเอียงหน้ามามอง ผิวแก้มกำลังแดงปลั่ง
“ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ฉันไม่อยากกลับบ้าน ขอฉันนอนที่นี่สักครู่นะคะ”
พลรบระบายลมหายใจ “ไม่ได้หรอกนะครับ เดี๋ยวเขาต้องปิดร้านกัน”
“ฉันขอนอนก่อนนะคะ” เธอฟุบหน้าลงตามเดิม
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ แล้วตรงเข้าช้อนร่างบาวไว้ในอ้อมแขน พรรณเรศตระหนกตกใจโอบรอบคอเขาไว้มั่น สีหน้าตื่นตระหนก
“ทำอะไรคะคุณพล!” เธอร้องถาม
“พาคุณออกไปจากที่นี่ไงครับ”
“แต่ฉันยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้นี่คะ” พรรณเรศบอกเสียงสั่น น้ำตาเอ่อคลอ
“ไปพักที่ห้องผมก่อนก็ได้”
หญิงสาวชะงัก แต่ทว่าหัวสมองกลับมึนงงสับสน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ เธอไม่ได้เอ่ยคำใดนอกจากซบหน้ากับอกกว้างเท่านั้น คนเมาถูกวางไว้ตรงเบาะหน้า พลรบคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย แล้วขับเคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้น ดวงตาคมจ้องมองไปยังเธอบ่อยครั้ง เห็นกำลังหลับพริ้ม
แปลกใจ... ที่โอกาสมาหาเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้
รถจอดตรงลานกว้าง พลรบเปิดประตูฝั่งคนนั่งแล้วค่อยๆ พยุงร่างบางออกมา คนเมาโซเซจนเขาต้องคอยประคองไม่ห่าง จนกระทั่งสองคนมาถึงห้องพัก เขารูดคีย์การ์ดดันประตูให้เปิด แล้วแทรกกายเข้าด้านใน เมื่อเห็นคนเมาไม่ได้สติเลยช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน มาถึงห้องนอนแล้ววางร่างนั้นบนเตียง แต่ทว่าคนเมากลับโอบรัดรอบคอแน่นไม่ยอมปล่อย
“เรศ.. คุณกำลังเมามากนะ” เขาพยายามเตือน