บทที่ 5 เหตุผลที่ต่างกัน
พรรณเรศกอดรับอีกฝ่ายไว้แน่น เผยอริมฝีปากแล้วจ้องมองเขาส่งสายตาพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน
“ฉันคิดถึงคุณมากนะคะ” เธอเพ้อออกมา แล้วรั้งใบหน้าอีกฝ่ายให้เข้ามาหา
สำหรับพลรบแล้ว นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขามี หากเธอต้องการให้ทำอะไรเขายินดี ริมฝีปากหนาถูกแนบชิดอย่างรวดเร็ว เลือดในกายชายหนุ่มร้อนฉ่า โน้มกายเข้าหาร่างบางมอบจุมพิตดูดดื่มเร่าร้อน พรรณเรศลืมสิ้นทุกสิ่ง เวลานี้เธอมีความสุข ไม่รับรู้สิ่งใด สติเลือนหาย ร่างกายโปร่งเบาราวกับอยู่บนปุยเมฆ ทำไมถึงรู้สึกดีได้ขนาดนี้
สัดส่วนงดงามถูกลูบไล้ กายสาวบิดเร้าไปตามแรงปรนเปรอ ร่างกายเธอกำลังร้อนขึ้นทุกขณะ ริมฝีปากบางกัดกันแน่นเพื่อลดทอนความเสียวซ่านภายใน เขาเลื่อนไล้ริมฝีปากไปตามเนื้อนวลก่อนปลดเสื้อผ้าออกจากร่างงาม จนเหลือชิ้นส่วนติดกายเพียงแค่สองชิ้น เสียงหอบหายใจหนักดังฟังชัด พลรบดวงตาทอประกาย ก้มลงกดจุมพิตตรงเนินอกอวบด้วยความกระหาย
“อ๊ะ!” เธอเผลอร้องคราง
แล้วโอบรัดร่างหนาไว้แนบแน่น ราวกับไม่ต้องการหนีหายไปไหน
“คุณสวยเหลือเกินเรศ...” เขาเพ้อออกมา
พลรบสำรวจทุกสัดส่วน แล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องสองชิ้นส่วนสุดท้ายออก ดวงตาคมเบิกกว้างมองอย่าชื่นชม แล้วรีบโน้มกายลงฉกชิมทรวงงามอย่างหื่นกระหาย
“อืม...” คนใต้ร่างครางแผ่วในลำคอด้วยความพึงพอใจ
มือหนาลูบไล้ บีบเคล้นอย่างจงใจ สำรวจเนื้ออณูรับรู้ว่าเธอพรั่งพร้อมสำหรับเขาแล้ว ชายหนุ่มไม่รอช้าสลัดอาภรณ์ออกจากเรือนกายแล้วทาบทับเข้าหา
เรียวเล็บจิกลงบนแผ่นหลัง เมื่อสองร่างสอดผสาน จังหวะเคลื่อนกายทำเอาเธอแทบคลั่ง กัดริมฝีปากไว้แน่น แรงปรารถนาพุ่งทะยาน เธอไม่อาจอดทนต่อความต้องการ ปล่อยใจและกายให้เป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ เมื่อใกล้ถึงฝั่งฝันฝ่ายรุกเริ่มเดินเกมหนัก จังหวะหนักหน่วงถูกซัดเข้าหาอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งซุกซบใบหน้าลงกับทรวงงามหอบหายใจด้วยความอิ่มเอม
แสงลอดหน้าต่างเข้ามา ร่างบางขยับกายค่อยๆ เปิดเปลือกตา มือยกกุมขมับเพราะรู้สึกปวดขึ้นมา ไม่นานเท่าใดนักสติสัมปชัญญะกลับคืน เธอดีดตัวขึ้นนั่งกวาดตามองรอบๆ แล้วหยุดที่ใบหน้าชายหนุ่มซึ่งกำลังหลับใหล
นี่มันอะไรกัน! เธอทำอะไรลงไป!
พรรณเรศรีบหอบเสื้อผ้าตนเองที่ตกเกลื่อนตามพื้น พาร่างกายอ่อนแรงเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว หญิงสาวยืนมองตนเองในกระจก ความรู้สึกมันยังชัดเจน เมื่อคืนเธอกับพลรบเกินเลยกันไปถึงไหน น้ำตาไหลรินออกมารีบยกมืดปาดมันออก เธอทำผิดกับธัช เรื่องนี้จะต้องไม่มีใครรู้มันต้องเป็นความลับตลอดไป
ประตูห้องน้ำเปิดออก หญิงสาวชะงักจ้องมองคนตัวใหญ่ยืนกอดอกส่งสายตามาหา พรรณเรศเม้มริมฝีปาก แล้วออกจากห้องของเขา เห็นกระเป๋าสะพายตัวเองอยู่บนโต๊ะเลยหยิบมาเดินไปยังหน้าประตู แต่เรียวแขนกลับถูกคว้าไว้
“จะไม่พูดอะไรกับผมสักคำเลยเหรอ!” เขาถามสีหน้าไม่พอใจ
พรรณเรศเบี่ยงกายหนี แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย
“จะให้ฉันพูดอะไร!”
“เรื่องระหว่างเราไง เมื่อคืน!”
ริมฝีปากถูกกัดแน่น เธอตวัดสายตามองเขาสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา!”
คิ้วเข้มขมวด ขบกรามแน่นสีหน้าไม่พอใจ
“ผมเพิ่งรู้นะว่าคุณนอนกับใครง่ายๆ แบบนี้” เขาเยาะ แล้วสบตา
มือบางสั่นเทา พยายามควบคุมอารมณ์อ่อนไหวของตนเอง เพราะความเสียใจทำให้เธอพลาดไป ถ้าหากธัชรู้เรื่องคงต้องรังเกียจเธอแน่
“แล้วแต่คุณจะคิด!” หญิงสาวสะบัดเรียวแขนเพื่อหนี อยากออกไปที่นี่แล้วจบทุกอย่างเอาไว้ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อย “ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย!”
“นี่คุณต้องการอะไร เรื่องที่มันเกิดขึ้น เราทั้งสองคนต่างเมาด้วยกันทั้งคู่ คุณควรหยุดแค่นี้ดีกว่าไหม!” หญิงสาวเตือน แววตาไม่พอใจ
พลรบยืนนิ่ง “แล้วถ้าผมไม่หยุดล่ะ”
คิ้วบางขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น
“นี่คุณอย่าบอกนะว่าคุณรักฉัน พลรบดาราเจ้าเสน่ห์คนนั้นกำลังหลงรักคนอย่างฉันนะเหรอ!” เธอแกล้งประชดเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย แต่เขากลับไม่หวั่นไหวกับคำพูดแม้แต่น้อย
คนถูกเย้ยกระตุกยิ้มมุมปาก รู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไร คงต้องการให้เขาปล่อย คนอย่างพลรบไม่เคยกลัวเสียหน้า แต่กลัวเสียโอกาสสำคัญมากกว่า
“ถ้าผมตอบว่าใช่ แล้วคุณจะว่ายังไง”
คนถูกย้อนชะงัก สีหน้าเครียดขึ้นทันที พยายามบิดเรียวแขนให้พ้นการเกาะกุม
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ!”
“เรื่องเมื่อคืนเราไม่ได้ล้อเล่น คุณกับผมเรานอนด้วยกันจริง!”
ผิวแก้มคนฟังแดงจัด เรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด ลำพังพ่อคนรักก็เกลียดเธออยู่แล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้แดงขึ้นมา ตาแก่นั้นคงเป่าหูธัชให้เลิกรากับเธอแน่ คนสวยเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายแววตาจริงจัง ต้องจบทุกอย่างตรงนี้
“ฟังนะคุณพลรบ ฉันมีคนรักแล้ว และฉันก็รักเขามาก เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ คุณเข้าใจหรือยัง!”
“ลูกชายของเศรษฐีใหญ่ธเนศนะเหรอ หนุ่มเนื้อหอมสาวๆ รุมตอม คุณก็คงเป็นหนึ่งในนั้นสินะ” เขาเยาะ
คนถูกเยาะตวัดสายตามอง “ฉันไม่เหมือนคนอื่น ธัชยกย่องฉัน!”
“ยกย่องทำไมป่านนี้คุณถึงไม่ได้ออกหน้าออกตาว่าเป็นว่าที่สะใภ้ของตระกูลกันเล่า” พลรบหัวเราะในลำคอ ทำเอาคนฟังไม่สบอารมณ์
หญิงสาวกัดฟันแน่น เก็บความเจ็บช้ำไว้ในอก
“จะยกย่องหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว ปล่อยฉันได้แล้ว!”