ตอนที่6.ฉันจะอยู่ที่นี่
โฉนดที่ดินสองใบถูกกางออกพร้อมกัน เมื่อต่างคนต่างก็ยืนยันว่าตัวเองมีหลักฐาน ต้นหมื่นขมวดคิ้วมุ่น โฉนดของดาราสาวใหม่ก็จริงแต่คนปลอมก็ตั้งใจทำมาก มิน่าเธอถึงได้มั่นใจว่าของเธอเป็นของจริง
“ผมมีหลักฐานซื้อขายชัดเจน นี่ใบมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของคุณ ดูให้เต็มตา!” ถึงแม้จะมั่นใจว่าโฉนดของตัวเองเป็นของจริง แต่เมื่อเห็นเอกสารที่ต้นหมื่นนำมาแสดง แสนรักก็หน้าเสีย บัตรประชาชนกับลายเซ็นเป็นของเธอจริง ๆ แต่เธอไม่เคยขายที่ให้เขา
“คุณอำภาเสนอขายให้ผมสิบล้าน ผมก็ซื้อเอาไว้ ยังมีหลักฐานที่กรมที่ดินอีก ถ้าอยากดูผมจะพาไป”
“ฉันต้องไปกรมที่ดินอยู่แล้ว จะได้พิสูจน์ว่าของใครจริงของใครปลอม”
“อยากไปก็ไป จะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่โกหก”
“ฉันจะโกหกได้ยังไง ที่นี่เป็นบ้านของฉัน ที่ดินแปลงนี้คุณปู่ท่านยกให้ฉัน คุณมีหลักฐานฉันก็มีหลักฐานเหมือนกัน”
“คือคุณแสนรักครับ” วิชัยเอ่ยขึ้น เมื่อเรื่องราวกำลังจะบานปลายไปใหญ่โต
“ที่ดินแปลงนี้พี่ต้นได้มาอย่างถูกต้องครับ ผมเป็นคนตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ก่อนจะมีการโอน ถ้าคุณแสนยืนยันว่าไม่รู้เรื่องและไม่ได้ขายที่แปลงนี้ คุณแสนลองถามคุณอำภาดูนะครับ เพราะมีใบมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนถูกต้อง กรมที่ดินจึงดำเนินการให้เรา ผมว่าคุณแสน...”
“พวกคุณเป็นพวกเดียวกันจะพูดยังไงก็ได้ เอกสารพวกนั้นเป็นของปลอม กรมที่ดินอยู่ไหน ฉันจะไปกรมที่ดิน” ถึงแม้คำพูดของวิชัยจะมีน้ำหนัก แต่แสนรักก็ยังดื้อดึง ยิ่งเห็นแววตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมาก็ยิ่งโมโห เขากำลังท้าทายเธอ
เมื่อตกลงกันไม่ได้ ทั้งสามคนจึงเดินทางมายังกรมที่ดิน เพื่อตัดสินว่าโฉนดของใครเป็นของปลอม
“เมื่อคุณทั้งสองยืนยันว่าโฉนดที่ดินเป็นของจริงทั้งคู่ มันก็ต้องเข้ากระบวนการพิสูจน์หลักฐาน รอประมาณสามเดือนนะครับ ทางเราจะมีหนังสือแจ้งกลับไป” เจ้าหน้าที่บอกกับคนทั้งสอง
“สามเดือนเลยเหรอคะ!” แสนรักโวยวาย ในขณะที่ต้นหมื่นยังเฉย
“ครับมันต้องใช้เวลา”
“ระหว่างรอฉันอยากให้เค้าย้ายออกจากบ้านของฉัน”
“เรื่องอะไรล่ะคุณ ผมหมดเงินไปเท่าไร ทั้งซื้อที่ทั้งรีโนเวทบ้าน คุณกลับไปดีกว่าอีกสามเดือนเจอกัน”
“ไม่! ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณนั่นแหละที่ต้องย้ายออกไป!”
“ประสาท!”
“คุณว่าใคร!”
“อยู่กันแค่นี้ ผมว่าเจ้าหน้าที่มั้ง”
“ไอ้!”
“คือ...ผมว่าคุณสองคนไปตกลงกันเอาเองนะครับ ทางเรารับเรื่องไว้แล้ว จะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างที่บอกเอกสารราชการคงต้องใช้เวลาพิสูจน์นานหน่อย เชิญคุณสองคนครับ” เจ้าหน้าที่ไล่ต้นหมื่นและแสนรักออกจากห้อง เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองตกลงกันไม่ได้
“ฉันจะไปแจ้งความ!” แสนรักพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำออกไป
“ผมไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะคุณดารา เสียเวลาชะมัด” ต้นหมื่นหัวเสียเมื่อแสนรักพูดไม่รู้เรื่อง งี่เง่าแบบนี้นี่เล่าถึงได้ถูกแฟนทิ้ง
“ได้! งั้นคุณก็ออกไปจากบ้านหลังนั้น รอจนกว่าทางกรมที่ดินจะพิสูจน์ได้ว่าที่แปลงนั้นเป็นของใคร”
“ผมว่าคุณกลับไปถามญาติคุณดีกว่า ผมซื้อที่แปลงนั้นมาจากคุณอำภา เอกสารทุกใบมีการตรวจสอบชัดเจน เอาเวลาไปถามคนใกล้ตัวคุณเถอะ ถ้าคุณไม่ได้เซ็นบัตรประชาชนกับใบมอบอำนาจให้พวกเค้า แล้วมันจะมาได้ยังไง” คำพูดของต้นหมื่นทำให้แสนรักหยุดคิด ตอนที่เธอเข้าวงการใหม่ ๆ มีข่าวว่าเธอเป็นหนี้รายวัน และใช้เครดิตซื้อของมากมาย จนกระทั่งมารู้ทีหลังว่าต้องตาเอาชื่อของเธอไปแอบอ้าง แต่นั่นมันเล็กน้อยถ้าเทียบกับการปลอมแปลงเอกสารซื้อขายที่ดิน ต้องตาคงไม่กล้าทำเพราะมันผิดกฎหมาย
“มีสติหน่อยสิคุณ สำเนาบัตรประชาชนกับลายเซ็นนั่น ไม่ใช่ของปลอมคุณก็รู้” ต้นหมื่นหว่านล้อมเมื่อเห็นแสนรักเงียบไป
“อย่ามาชักใบให้เรือเสีย ยังไงฉันก็จะรออีกสามเดือน ถ้าคุณไม่ย้ายออกไป ฉันจะเป็นคนย้ายเข้ามาเอง ฉันมีสิทธิ์เพราะฉันเป็นเจ้าของ!”
“ได้ไงล่ะคุณ ผมจ่ายสิบล้านรีโนเวทอีกเป็นล้าน คุณจะเข้ามาอยู่ได้ยังไง”
“งั้นคุณก็ย้ายออกไป!” กอดอกเชิดหน้าอย่างท้าทาย โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นของเธอ สร้างความปั่นป่วนให้ต้นหมื่นไม่น้อย โดยเฉพาะปากสีชมพูอิ่มที่เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ที่มองที่ไรใจต้องสั่นทุกที
“โอ้ย! ฟังที่ผมพูดไม่เข้าใจหรือไง”
“ตราบใดที่ยังไม่มีคำตัดสินจากกรมที่ดิน ฉันก็ยังเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น ฉันจะอยู่ที่นั่น ถ้าคุณไม่สะดวกก็ออกไป”
“เออ!...ให้มันได้อย่างนี้สิ” เพราะไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ ต้นหมื่นจึงตกลงกับเธอดี ๆ แต่แสนรักไม่คุยดี ๆ กับเค้า ยังคงยืนยันจะอยู่บ้านหลังนั้นให้ได้ เป็นดารามีชื่อเสียง กล้าย้ายเข้ามาอยู่บ้านผู้ชาย ไม่กลัวเป็นข่าวหรือไง แต่ก็อย่างว่าภาพโป๊เปลือยเธอหลุดออกมาให้ดูรายวัน คงไม่กลัวเสียชื่อแล้วมั้ง
เมื่อตกลงกันไม่ได้ ต้นหมื่นก็ขับรถหนี ทิ้งแสนรักไว้ที่กรมที่ดิน มีหรือที่คนอย่างแสนรักจะยอม เขาหนีเธอก็กลับไปที่เดิม ปักหลักรอที่หน้าบ้าน จนกว่าผู้ชายคนนั้นจะย้ายออกไป
“อะไรนะพี่ต้น! คุณแสนรักจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน!” เมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ ต้นหมื่นก็เรียกคนสนิทมาปรึกษา ข่าวการมาของแสนรักทำให้คนงานของเค้าตื่นเต้น โดยเฉพาะแม่ยกฟันปลอมที่ชื่นชอบผลงานของเธอ ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในออฟฟิศ เขาก็ได้ยินแต่ชื่อของเธอ ทั้งชื่อจริงและชื่อที่ใช้ในการแสดง
“ปวดหัวจะตายแล้วเนี่ย ไหนมึงว่าตรวจสอบดีแล้วไง ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ดูเหมือนยายนั่นจะไม่รู้เรื่องขายที่จริง ๆ” ท้ายเสียงมีความเห็นใจอยู่ในนั้น เพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ แสนรักก็น่าสงสารมาก
“ผมตรวจสอบแล้วพี่ เอกสารถูกต้อง โฉนดที่พี่ถือเป็นของจริง งานนี้น่าจะมีคนถูกหักหลัง คุณอำภาน่าจะรู้ดีที่สุด”
“กูก็คิดแบบนั้น”
“แล้วพี่จะเอาไงต่อ”
“จะให้ทำไง ยืนยันจะเข้าไปในบ้านให้ได้ กูไม่เปิดให้ก็รอที่หน้าประตู หน้าด้านจริง ๆ”
“แต่สวยนะพี่ นมก็สวย”
“ทะลึ่ง คนยิ่งเครียด ๆ อยู่” ดุให้รุ่นน้องที่เล่นไม่ดูเวลา
“ให้อยู่ไปเถอะพี่ ผมว่าเธอน่าสงสารนะ คงมีปัญหาแหละถึงได้ดั้นด้นมาถึงที่นี่ ช่วยเอาบุญสักครั้ง ถ้าเป็นผมผมไม่คิดนาน”
“จะบ้าเหรอ! ผู้ชายกับผู้หญิงจะอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไง”
“โบราณแบบนี้ไงถึงไม่มีเมีย ถ้าเธอดึงดันว่าจะอยู่จริง ๆ ก็ให้อยู่ไป พี่ก็ออกมาอยู่ออฟฟิศ หรือไม่ก็บ้านพักท้ายไร่ แค่สามเดือนเอง บางทีอาจจะไม่ถึงสามเดือนก็ได้ ให้นอนสักคืนขี้คร้านจะรีบเผ่น”
“ง่ายแบบนั้นก็ดีสิ” ต้นหมื่นกลับไม่คิดแบบนั้น ผู้หญิงคนนั้นกำลังเอาความวุ่นวายมาให้เขา โดยเฉพาะความสวยของเธอ นอกจากที่ดินที่ติดกันแล้ว อีกเหตุผลที่เขาตัดสินใจซื้อที่แปลงนั้นก็คือชื่อเจ้าของ แสนรัก บูรณาการ ชื่อนี้ยังติดอยู่ในใจของเขา แสนรักนางเอกตาสวย เขาเคยดูผลงานของเธอ ตอนที่เธอแสดงละครย้อนยุค ยังแอบคิดเลยว่าตัวเองคือพี่หมื่น ขนลุกทุกครั้งที่ได้ยินเธอเรียกพี่หมื่นขา
“เอาไงพี่ต้น คิดนานจัง”
“ให้คนไปดูหน้าบ้านสิ ว่ากลับไปหรือยัง”
“ไม่กลับง่าย ๆ หรอกพี่ ดูก็รู้ว่าเธอตั้งใจมา”
“เฮ้อ...หัวจะปวด” พูดจบก็หงายหลังลงไปนอนบนเก้าอี้ที่นั่งทำงาน
“เอาน่า มีคนสวยมาอยู่ด้วย ฝนตกอากาศในบ้านคงดี” วิชัยยังยุไม่เลิก
“ทะลึ่ง” ก่นด่ารุ่นน้องก่อนจะยกมือคลึงขมับและหว่างคิ้ว มันใช่เรื่องตลกที่ไหนกัน ต้องรอตั้งสามเดือนกว่าจะรู้ผล ถ้าเกิดเธออยู่ยาวขึ้นมาเขาจะทำยังไง
