
บทย่อ
“ตื่นแล้วเหรอ” คำถามที่ดังมาจากหน้าประตู ทำให้แสนรักมุดหน้าลงใต้ผ้าห่มด้วยความเขินอาย เขาออกไปไร่ตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ “ทำอะไรน่ะ อยากอาบน้ำไหม” เพราะเห็นว่าเธอยังอยู่ในชุดเดิม ต้นหมื่นจึงถาม “ไม่ไปทำงานเหรอคะ” เสียงอู้อี้ที่ดังมาจากใต้ผ้าห่ม ทำให้ต้นหมื่นหัวเราะให้กับความน่ารักของเธอ จะอายอะไรอีกเขาเห็นจนหมดแล้ว “ไปแล้ว แล้วก็กลับมาแล้ว ผมเป็นห่วงคุณ” ตอบจากใจจริง เพราะกังวลว่าเธอจะคิดมาก “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ คุณกลับไปทำงานเถอะ” “ไม่เอา ไม่ไปแล้ว ไหนดูสิว่าตัวร้อนหรือเปล่า เจ็บแขนมากไหม” เดินมาข้างเตียงแล้วตลบผ้าห่มออก นางอายที่ซ่อนตัวอยู่ใต้นั้นตาโต เมื่อผ้าที่เธอใช้เป็นโล่กำบัง ร่อนลงไปกองอยู่ข้างเตียง “คุณต้น อย่าแกล้งสิคะ” ทั้งตัวของเธอมีแค่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่เขาใส่ให้เมื่อตอนเช้ามืด ส่วนท่อนล่างนั้นไม่มีอะไรปกปิดเลยสักชิ้น
ตอนที่1.ต้นหมื่น
ตาคมเข้มมองโฉนดที่ดินในมือ ก่อนจะกวาดตามองไปยังพื้นที่รกร้างตรงหน้า ที่ดินผืนนี้สวยมาก ด้านหน้าติดกับถนนสาธารณประโยชน์ ด้านหลังติดแม่น้ำสายหลัก และที่สำคัญที่แปลงนี้อยู่ติดกับที่ดินของเขา
“ตรวจสอบเอกสารดีแล้วใช่ไหม” ถามรุ่นน้องที่เขาสั่งให้ไปจัดการเอกสารเพื่อทำการซื้อขาย
“โฉนดเป็นของจริงครับพี่ต้น เจ้าของชื่อนางสาวแสนรัก บูรณาการ คนเดียวกับดาราที่ชื่อแสนรักนั่นแหละครับ มีใบมอบอำนาจ และลายเซ็นของเธอระบุมาในสำเนาบัตรประชนชัดเจน คนขายเป็นป้าแท้ ๆ ของเธอ ชื่อคุณอำภา คุณอำภาแจ้งว่าที่คุณแสนรักขาย เพราะเธอกำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศครับพี่” คำตอบของวิชัยทำให้พี่ต้นหรือต้นหมื่นยกยิ้มมุมปาก ธรรมดาของคนรวยที่ทำตัวไม่ต่างกับไก่ได้พลอย มีของดีอยู่ในมือแต่กลับไม่เห็นคุณค่า สุดท้ายก็ขายทิ้ง ผลประโยชน์จึงตกไปเป็นของนายทุน จับที่ดินสวย ๆ ราคาถูกไปขายต่อ คนขายตั้งราคาที่สิบล้าน ราคาประเมินไม่สูงมาก เพราะตัวบ้านที่ตั้งอยู่ผุพัง ธนาคารจึงประเมินเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ถ้าปรับภูมิทัศน์อีกนิด ที่แปลงนี้สามารถทำราคาได้อีกมาก แค่ซื้อไว้ก็ได้กำไรเป็นล้าน
“รีบขายขนาดนั้นเลย” เดาว่าที่เธอขายทิ้ง เพราะข่าวประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบของอดีตแฟนหนุ่ม หลังจากที่เธอและเค้าแถลงข่าวลดสถานะจากคนสนิทเป็นพี่น้องร่วมช่อง ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น
“ตามข่าวนั่นแหละพี่ คงเสียใจที่ผู้ชายจะแต่งงาน” วิชัยเห็นด้วยกับความคิดของรุ่นพี่
“อืม...ถ้ามึงแน่ใจว่าเอกสารถูกต้อง ก็ซื้อเลย นัดวันโอนมาก็แล้วกัน” ไม่เสียเวลาคิดนาน เขาเกิดและทำมาหากินที่นี่ จะได้รวมที่ดินของบรรพบุรุษให้เป็นผืนเดียวกัน สงสัยมานานแล้วว่าทำไมที่ดินของดาราสาว ถึงอยู่ระหว่างกลางที่ดินของตระกูลเขา เมื่อถามถึงที่มาก็รู้คร่าว ๆ ว่า ปู่ทวดของเขาแบ่งขายที่ดินให้เพื่อน ๆ ทำกิน เมื่อสิ้นคนรุ่นเก่าลูกหลานจึงขายต่อไปเป็นทอด ๆ เมื่อคุณอำภามาเสนอขายให้ ต้นหมื่นจึงสั่งให้คนตรวจสอบ เพราะเห็นว่าคนขายกับเจ้าของที่เป็นคนละคนกัน เมื่อมีใบมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของมาแสดงอย่างชัดเจน จึงนำสำเนาโฉนดไปตรวจสอบที่กรมที่ดิน เมื่อเห็นว่าที่แปลงนี้ไม่ติดจำนอง หน้าและหลังโฉนดถูกต้องจึงตกลงซื้อเอาไว้
“พี่ต้นจะทำอะไรกับที่แปลงนี้ ขยายเป็นแปลงเมล่อนหรือจะปลูกอย่างอื่นพี่” วิชัยถามเพราะจะได้ดำเนินการขั้นตอนต่อไป
“ยังไม่มีแผน ไถปรับหน้าดินไว้ก่อนก็แล้วกัน อ่อ...เอาต้นมะกอกป่ากับต้นมะขวิดตรงหน้าบ้านไว้นะ”
“อ้าว”
“ให้ช่างมาดูโครงสร้างบ้านด้วย ถ้าพอรีโนเวทได้ก็ไม่ต้องรื้อทิ้ง ขุดบ่อข้างหน้าแล้วถมดินให้สูงเท่าถนน”
“ด้านหลังติดแม่น้ำ ผมว่าพี่รื้อตรงนี้ออกแล้วไปปลูกติดแม่น้ำดีกว่านะ” วิชัยเสนอเพราะไม่อยากให้ที่เสีย ถ้าไถให้เป็นผืนเดียวกัน จะได้ที่ทำแปลงเกษตรเพิ่มขึ้น บ้านหลังนี้อยู่ตรงกลาง มองยังไงก็ขวาง บ้านสวยก็จริงแต่เก่าและทรุดโทรมมาก รื้อทิ้งแล้วสร้างหลังใหม่น่าจะดีกว่า
“ทำตามที่สั่งก็พอ” อยู่ ๆ ก็นึกเสียดายบ้านชั้นเดียวทรงโบราณที่อยู่กลางสวนขึ้นมา เจ้าของเก่าสร้างเอาไว้พักผ่อน บ้านหลังนี้อายุน่าจะเกินห้าสิบปี เพราะเกิดมาเขาก็เห็นแล้ว เคยสวยและทันสมัยมาก โดยเฉพาะรั้วเหล็กดัดที่สร้างล้อมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ แค่ราคารั้วก็มหาศาล ถูกเจ้าของปล่อยทิ้งร้างพอนานเข้าขโมยก็ตัดไปขาย ที่เหลือก็ปล่อยทิ้งจนผุพัง
....................................................................................
“เศรษฐีภูธรโอนเงินมายังแม่ มีเงินจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่ไม่น่าขายให้มันเลย ขายให้คนอื่นป่านนี้ได้เงินครบแล้ว” คำถามที่มาพร้อมกับร่างอวบอัดที่เดินนวยนาดลงมาจากบันได ทำให้คุณอำภาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย ต้องตาลูกสาวคนเดียวของนาง ยังบ่นเรื่องที่นางขายที่ให้ต้นหมื่นไม่จบไม่สิ้น ที่นางขายให้ต้นหมื่นเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ตกลงซื้อโดยไม่ต่อราคาสักบาท
“รออีกสองอาทิตย์”
“อะไรนะอีกสองอาทิตย์! ทำไมนานขนาดนี้ แม่ก็รู้ว่าหนูต้องใช้เงิน คุณต้นหมื่นอะไรนั่น มีเงินจริงหรือเปล่า ไม่ใช่พวกนายหน้ามาหลอกกินเปอร์เซ็นนะแม่”
“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงหรอก ว่าแต่แกเถอะเอาโฉนดไปไว้ให้ยายแสนหรือยัง แน่ใจนะว่ายายแสนจะไม่จับได้น่ะ” คุณอำภายังกังวลไม่หาย เพราะสิ่งที่ตัวเองกับลูกสาวร่วมมือกันทำเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร ถ้าถูกจับได้คงติดคุกหัวโต
“นางแสนมันโง่จะตาย มันไม่สนใจโฉนดหรอก อีกอย่างมันลืมไปแล้วมั้งว่ามีที่แปลงนั้นอยู่ เสียดายมีแค่แปลงเดียว มันเซ็นบัตรประชาชนกับใบมอบอำนาจให้ตั้งหลายใบ ดูสิว่าจะเอาอะไรของมันไปขายได้อีก” พูดพร้อมกับครุ่นคิด ว่ายังมีสมบัติของแสนรักหลงเหลืออีกหรือไม่ รถคันที่แสนรักให้มาใช้ ก็ขายไปแล้ว
“พอเถอะยายตา แม่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่าเอาอะไรของยายแสนไปขายอีกเลย” พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด โทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี ต้องตาถึงได้เป็นแบบนี้ สมบัติและข้าวของที่แสนรักหามาให้ถูกขายไปจนหมด เพราะต้องตาไม่ทำงาน นางเองก็มีส่วนร่วมกับลูกเพราะจุดเริ่มต้นของเรื่องมาจากความคิดนาง
“แสนมันเป็นดารา มันรวยจะตาย มันไม่มาสนใจกับของแค่นี้หรอกแม่ ถ้าแม่ขอเงินมันเราก็คงไม่ต้องเอาที่ของมันไปขาย อย่าคิดมากเลยแม่ ถ้ามันว่าอะไรแม่ก็ทวงบุญคุณสิ ถ้าไม่มีแม่มันจะมีวันนี้ไหม แสนรักดารานางแบบ นี่ถ้านักข่าวรู้ว่ามันปล่อยให้ผู้มีพระคุณลำบาก คงโดนทัวร์ลง”
“อย่าทำอะไรน้องนะยายตา สิ่งที่น้องเจอก็แย่พอแล้ว แม่สงสารน้อง”
“แล้วมันสงสารเราไหม ปล่อยให้อยู่แบบอด ๆ อยาก ๆ ยืดคอเป็นนางพญาที่แท้ก็แค่ผู้หญิงผัวทิ้ง” ข่าวของแสนรักสร้างความสะใจให้ต้องตาไม่น้อย สวย เก่งแล้วไง สุดท้ายผู้ชายก็ไม่เอา
“ไม่คุยกับแม่แล้ว ถ้าได้เงินโอนเข้าบัญชีหนูด้วยนะ รอบนี้คงไปหลายวัน” พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป คุณอำภาส่ายหัวไปมา ถ้าต้องตาขยันได้ครึ่งของแสนรัก ครอบครัวของนางคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
“ป้าขอโทษนะแสน” นึกถึงเรื่องที่เอาที่ดินของแสนรักไปขายก็รู้สึกผิด ที่แปลงนั้นพ่อของนางตั้งใจยกให้พ่อของแสนรัก เมื่อน้องชายเสียชีวิตจึงตกไปเป็นของหลาน แสนรักเป็นดาราหาเงินง่าย เลยไม่สนใจข้าวของที่หามา นางและลูกสาวจึงขโมยไปขายอยู่บ่อยครั้ง
