2 รักแรกพบ ยามสบตา (2)
“ฉันรอกลับพร้อมพี่ยุอาทิตย์หน้าค่ะ พอดีมีเรื่องที่ต้องทำ...” วริยาฉีกยิ้ม ขณะที่มือทั้งสองข้างจับกันแน่น ยกไหล่ขึ้นอย่างประหม่า แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้วก็ตาม แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็เขินกว่าที่คิด “เกี่ยวกับคุณ” แล้วบอกตบท้ายเสียงแผ่วเมื่อเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างงงๆ
“ท่าทางจะสำคัญ ไปคุยในบ้านดีกว่านะครับ” สาธุพยักหน้า ก่อนจะเดินนำหญิงสาวเข้าไปในบ้าน เพราะบางทีเรื่องที่จะคุย ให้คนอื่นได้ยินอาจจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ “นั่งก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ” วริยาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับกวาดสายตามองภายในบ้านที่ตกแต่งเรียบๆ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย
“น้ำครับ” ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ แล้วทรุดตัวลงนั่งโซฟาตัวเดียวกันแต่คนละมุม “ว่าแต่มีเรื่องอะไรครับ ผมไปทำอะไรให้คุณหรือพี่ชายคุณไม่พอใจหรือเปล่าครับ” เขาถามเข้าประเด็น และคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้แหละ เพราะถ้าเกี่ยวกับสองครอบครัวนี้คงจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ เมื่อวานเหมือนจะเคลียร์กันได้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมันเรื่องอะไรอีก น้องสาวของวายุถึงวิ่งแจ้นมาหาเข้าถึงที่นี่
“ไม่ค่ะ”
สาธุงงหนักเข้าไปใหญ่ ก่อนจะทำหน้าเอ๋อเมื่อได้ยินคำถามต่อมา “ที่บอกว่าคุณโสดจริงหรือเปล่าคะ” วริยาถามแล้วเม้มปากจ้องอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“ก็...ครับ” สาธุหรี่ตามมองหญิงสาวอย่างระแวงระคนสงสัย
“ที่ถามฉันเมื่อวานว่า สนใจสมัครเป็นคนทำให้ผมเลิกโสดไหมล่ะครับ ยังสมัครได้ไหมคะ” ไม่ได้ถามเฉยๆ คราวนี้เธอยังขยับไปจ้องอีกฝ่ายชะใกล้ จนสาธุถึงกับผงะ
“นี่คุณ...กำลังจะบอกอะไรผมหรือครับ” เขาถามกลับอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจกับสิ่งที่หญิงสาวใจกล้าตรงหน้ากำลังจะบอกเขา
“ฉันชอบคุณ”
สาธุถึงกับอึ้งรับประทาน กลอกตาไปมา เลียริมฝีปากที่อยู่ดีๆ ก็แห้งผาดขึ้นมาซะงั้น จู่ๆ ก็โดนสาววิ่งมาบอกรักถึงบ้าน แถมมาแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม เขาควรทำไง
“ผมบอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นล้อเล่น” คือตอนพูดไม่ได้คิดอะไร แค่อยากหยอกสาวสวยที่รู้สึกว่าน่ารักดีเล่นๆ ตามประสา
“คุณล้อเล่นแต่ฉันเอาจริงค่ะ” วริยายังยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจน
“ไม่” สาธุปฏิเสธทันควัน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้จริงจังนักหรอก อาจจะทำเพื่อความสนุกฆ่าเวลาเล่นๆ ระหว่างยังอยู่ที่นี่
“คุณไม่ แต่ฉันจะเอา” วริยายืดตัวนั่งหลังตรงกอดอกหน้าเชิดอย่างถือดี
“เอาอะไร” สาธุย้อนถาม แล้วเขาก็ต้องสำลักน้ำลายเมื่อเจอคำตอบที่ตรงไปตรงมาของหญิงสาวอีกครั้ง
“เอาคุณมาเป็นแฟนไงคะ”
“จะเร็วไปไหนเนี่ย เจอเมื่อวาน วันนี้มาขอเป็นแฟน” สาธุตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก ปรายตามองหญิงสาวแล้วส่ายหน้า
“ถ้าคุณว่าเร็วไป งั้นเราก็ต้องเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายศึกษาดูใจไปก่อน เริ่มจากแลกเบอร์โทร มีเฟสมีไลน์ไหมคะ” พูดเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้วก็เริ่มรุก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เตรียมบันทึกเบอร์แอดเฟสแอดไลน์ของอีกฝ่ายทันที
“มี แต่ไม่ให้” เป็นอีกครั้งที่สาธุปฏิเสธ ทำเอาวริยาถึงกับหน้ายุ่ง ยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงอย่างขัดใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเล่นตัวขนาดนี้
“ทำไม คุณรังเกียจฉันเหรอ หรือฉันไม่สวย เตี้ยไป ดำไป หรืออ้วนไป” ลุกขึ้นก้มมองตัวเอง ซ้ายขวาหน้าหลังอย่างเริ่มไม่มั่นใจกับคำว่าเธอสวยน่ารักจากคนรอบข้างมาตลอด
“ไม่ใช่สักอย่าง”
“งั้นทำไมล่ะคะ แฟนไม่มีหรือว่า...” วริยาฉุกคิดถึงเหตุผลบางอย่างขึ้นมาได้แล้วทำตาโต ชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่ม แล้วโพล่งมันออกไป “แอบเป็นกิ๊กกับเมียชาวบ้าน”
“เลอะเทอะแล้ว ไม่ให้ก็คือไม่ให้” สาธุส่ายหน้า พูดแต่ละอย่างชวนให้ปวดหัวจริงๆ เลยผู้หญิงคนนี้นี่
“คนไม่มีเหตุผล ไม่ยอมรับหรอก ฉันจะเอาทุกอย่าง” บอกอย่างเอาแต่ใจระคนหงุดหงิดที่สุดท้ายการมาที่นี่วันนี้ก็ไม่ได้อะไรกลับไปเลย
“อะไรคือทุกอย่าง” สาธุเลิกคิ้ว
“ก็ทั้งเบอร์มือถือ เฟส ไลน์ แล้วก็คุณ เตรียมใจไว้เลยพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่” พูดจบเธอก็สะบัดหน้าเดินออกจากบ้านไป
สาธุได้แต่มองตามแล้วส่ายหน้า สรุปเขาต้องเตรียมรับมือแม่สาวชาวกรุงใจกล้าคนนี้เหรอ แล้วพรุ่งนี้จะมาไม้ไหนล่ะเนี่ย
“เอามาฝากค่ะ” สายๆ ของวันรุ่งขึ้นวริยาก็มาหาสาธุพร้อมกับถุงใบใหญ่ ที่ข้างในมีขนมขบเคี้ยวอยู่เป็นสิบถุง
“เห็นผมเป็นเด็กหรือไง” สาธุมองสิ่งที่ยื่นมาตรงหน้าแล้วถอนหายใจ จะเอาขนมมาล่อเขาเหรอ คิดอะไรอยู่ยายผู้หญิงคนนี้นี่
“ถ้าเห็นเป็นเด็กอุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
คำพูดแก่นเซี้ยวนั้นทำเอาสาธุถึงกับกุมขมับ หัวเราะในลำคอน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ ยกถุงขนมที่ถูกยัดเยียดให้ในมือขึ้นมาดู “ขอบคุณ ผมให้เด็กพวกนี้นะ”
“ค่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะกินอยู่แล้ว แค่คิดว่ามามือเปล่าคงดูไม่ดี”
สาธุส่ายหน้า เดินถือถุงขนมไปแจกเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกหลาน ของเหล่าคนงาน แล้วเดินกลับมายืนกอดอกตรงหน้าหญิงสาวสวย น่ารัก และใจกล้ามาก เพราะเธอเพิ่งบุกมาสารภาพรักเขาเมื่อวานนี้เอง “แล้วตกลงคุณมาทำไมเนี่ย”
“เอ้า ก็บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ว่าจะมา สิ่งที่ฉันอยากได้ยังไม่ได้สักอย่าง” วริยาลอยหน้าลอยตาพูดยิ้มๆ
“ผมไม่มีเวลามาดูแลคุณหรอกนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะไม่กวนคุณระหว่างทำงานเด็ดขาด” หญิงสาวให้คำมั่น แต่สาธุไม่อยากจะเชื่อเอาเสียเลย “ทำไมมองเหมือนไม่เชื่ออย่างนั้นละคะ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
“ถ้าเป็นเด็กจะจับตีให้ก้นลาย”
“โตแล้วก็จับได้ค่ะ ฉันยอม” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังเดินเข้าไปกระแซะชายหนุ่มซ้ายทีขวาที
“คุณนี่มัน อย่าเที่ยวไปพูดแบบนี้กับคนอื่นเชียว” สาธุเตือนด้วยความเป็นห่วง แล้วเขาก็ต้องหน้าเหวอเมื่ออีกฝ่ายตีความหมายไปอีกทาง
“อะๆ เป็นห่วงล่ะซี่”
“ไปกันใหญ่แล้ว ผมไปทำงานดีกว่า” สาธุเดินผละออกไปที่โถงกว้าง ซึ่งอยู่ในอาณาเขตเดียวกับตัวบ้าน ทว่าแยกห่างออกไปเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกกับการทำงาน ของทั้งคนงานคัดเกรดและรถที่รับดาวเรืองจากไร่มาส่งที่นี่ รวมไปถึงรถที่มารับไปขายต่ออีกทอด กิจการของเขาไม่เล็ก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ทว่าก็สร้างรายได้พอสมควร และที่สำคัญทำให้ชาวบ้านในละแวกนี้มีรายได้ด้วย
วริยาเดินตามสาธุไปทุกที่ ไม่มีการก่อกวน มีถามบ้างในสิ่งที่อยากรู้หรือสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการพูดหยอดนิดหยอดหน่อยตามประสา และเป็นแบบนี้ทุกวันจนกลายเป็นภาพคุ้นตา คนงานที่เคยแซวก็แซวจนเลิก
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับกรุงเทพแล้วนะคะ” วริยาเอ่ยขึ้นขณะลงจากรถหลังจากกลับมาจากไร่ดาวเรืองพร้อมสาธุ
“ครับ” สาธุตอบรับสั้นๆ เช่นเคย ทุกวันนี้เขาค่อนข้างสงวนคำพูด เพราะพูดยาวไปเหมือนจะโดนอีกฝ่ายย้อนและจะต้อนเขาทุกครั้งไป
“แค่เนี่ย” วริยาออกอาการเซ็งๆ คือเจ็ดวันที่มาอ่อยมาหยอด ได้มาเท่าเนี่ย
“แล้วจะเอาอะไรล่ะครับ” สาธุหันมาถามเสียงยานคาง
“เอาคุณกลับด้วยได้เปล่า” วริยาวิ่งไปยืนดักหน้าชายหนุ่ม แล้วมองเขาตาปริบๆ
สาธุกลั้นยิ้มด้วยการขยับปากไปมา ถอนหายใจส่ายหน้าแล้วเดินหนีเข้าบ้าน “พรุ่งนี้กลับแต่เช้า ยังไงเดี๋ยวฉันจะโทรหานะ รับสายด้วย แอดเพื่อนในเฟสในไลน์ก็รับด้วยละ” วริยาที่เดินตามไปติดๆ บอกเสียงอ้อนนิดๆ
“ไปเอามาจากไหนเนี่ย” สาธุถามขณะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
“อยากรู้เหรอคะ ก็...” วริยาเดินอ้อมไปด้านหลัง วางแขนที่พนักโซฟาใกล้ๆ กับสาธุแล้วฉวยโอกาสหอมแก้มของชายหนุ่มฟอดใหญ่ จากนั้นก็เดินผละออกไป “ฉันตีตราจองแล้วนะคะ ห้ามไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นเชียว ไปละ บ๋ายบาย แล้วเจอกันใหม่นะ” เธอโบกมือให้เขาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง แล้ววิ่งแจ้นจากไป แป๊บเดียวก็วิ่งแจ้นกลับมา “อ้อ ของพวกนั้นฉันขอมาจากพี่เบญค่ะ” และก็ไป สาธุชะเง้อดูอีกครั้งเผื่อจะมีการย้อนกลับมาอีก ทว่ามีสิ่งที่ตอบกลับมาคือเสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือเมื่อมีการขอเป็นเพื่อน
“ยายผู้หญิงจอมเซี้ยวเอ๊ย” บ่นแล้วก็กดรับการขอเป็นเพื่อนของหญิงสาวยิ้มๆ