ตอนที่ 6 | ขับรถประสาอะไร
โรงพยาบาล วรเชษ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ธามไทปรายตามองบานประตูที่ถูกผลักเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วกลับไปสนใจงานบนโต๊ะทำงานเช่นเดิม พยาบาลสาวเดินเข้ามาพร้อมกับดอกกุหลาบสีขาวช่อโต และ ถุงกระดาษใส่กล่องอาหาร
“จากคู่หมั้นคุณหมอค่ะ ให้วางไว้ตรงไหนดีคะ”
ธามไทละสายตาออกจากเอกสารบนโต๊ะทำงานอีกครั้ง มองไปที่สองสิ่งในมือของพยาบาลสาว แล้วพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ “วางไว้บนโต๊ะตรงโซฟาก็ได้ครับ”
“ค่ะ” แพรปั้นหน้าบูดทันทีที่หันหลังเดินไปวางถุงอาหารและช่อดอกไม้บนโต๊ะกระจกตรงโซฟา หลังจากรู้ว่าหมอหนุ่มที่หมายปองมีคู่หมั้นแล้วเธอทั้งผิดหวังและเสียดาย แต่เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ หมอสุดฮอตเจ้าของโรงพยาบาลต้องเป็นผู้ชายของเธอให้ได้
“คุณหมอรับกาแฟเพิ่มไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ค่ะ” แพรกัดปากล่างอย่างไม่ชอบใจ หมอหนุ่มไม่แม้จะปรายตาขึ้นมามอง ขณะเดียวกันประตูก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง ปรากฏร่างสูงอยู่ในชุดกาวแพทย์ หมอเจ้าของใบหน้าหล่อ คิ้วเข้ม อยู่แผนกอายุรกรรม
ธามไทปรายตามองเพื่อนสนิทแวบหนึ่งอย่างไม่สนใจอะไรมากมาย ส่วนพยาบาลสาวก็เดินออกจากห้องทำงานหมอหนุ่ม
“จะเที่ยงแล้วยังไม่วางมืออีกเหรอไอ้หมอ” ชาญกระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามธามไท เอ็นหลังพิงกับพนักพิงเก้าอี้ ก่อนจะเอี่ยวหน้ามองไปที่สิ่งของบนโต๊ะกระจก
“งานยังไม่เสร็จ”
“สาวที่ไหนส่งดอกไม้มาให้วะ”
“อาหารในถุงกระดาษนั่นมึงเอาไปกินได้เลยนะ กูไม่หิว” ธามไทตั้งหน้าตั้งตาจดจ่ออยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงาน โดยไม่ได้ตอบคำถามของชาญ แต่กลับบอกกล่าวแทนด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“หึ” ชาญผุดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงไปหยิบช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ขึ้นมาอย่างไม่ได้ขอเจ้าของก่อน จากนั้นจึงกรวดสายตาอ่านข้อความบนการ์ดที่ติดมากับดอกไม้ (สำหรับคุณหมอธามสุดหล่อค่ะ จากเยว่ซินคู่หมั้นคุณหมอธามไท)
“ว้าวว ส่งมาจีบมึงซัด ๆ ไอ้หมอ จะไม่สนใจของที่น้องเยว่ซินส่งมาหน่อยเหรอวะ”
ธามไทกรอกนัยน์ตาไปมองช่อดอกกุหลาบ ที่ชาญวางบนโต๊ะใกล้ ๆ มือ แววตานิ่ง ๆ
“ถ้ามึงไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว กูจะทำงาน”
“จะเย็นชาไปไหนวะไอ้สัส!” ชาญเหยียดยิ้มพลางส่ายหน้า “ตกลงเที่ยงนี้จะไปกินข้าวไหม”
“งานเสร็จเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นแหละ”
“เออ ๆ แล้วอาหารในถุง ให้กูจริง?”
“อือ ฝากเอาดอกไม้นี่ไปทิ้งด้วย”
“คู่หมั้นอุตส่าห์ส่งมาให้ ก็รักษาน้ำใจคนให้หน่อยสิวะ”
ธามไทไม่พูดอะไรแต่ใช้สายตาแสดงความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้แทน
“โอเค ทิ้งก็ทิ้ง” ชาญจิ๊ปากใส่ธามไทอย่างหมั่นไส้ พลางคว้าช่อดอกกุหลาบจากบนโต๊ะเพื่อนำไปทิ้ง และ ไม่ลืมที่จะเดินไปหยิบถุงอาหารติดมือออกไปด้วย โดยมีสายตาของธามไทมองตามหลังไป จนกระทั่งบานประตูปิดสนิท
ธามไทพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นการ์ดที่มาพร้อมกับช่อดอกไม้ตรงหน้า ซึ่งชาญเป็นคนวางแยกกับช่อดอกไม้ มือหนาเอื้อมไปหยิบขึ้นมามองนิ่ง
ร้านเสื้อ Moonlight
23:00 น.
“โอ๊ย!เหนื่อยซะมัด” น้ำหวานทิ้งตัวนั่งบนโซฟาพร้อมกับเยว่ซินด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ทั้งวันพวกเธอแทบไม่ได้นั่งพักอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะต้องวิ่งงานถึงสามงานวันเดียว อีกทั้งยังวุ่นหาตัวนางแบบมาแทนนางแบบที่ป่วยกะทันหัน
“แกกลับบ้านก่อนก็ได้นะ ฉันขอเคลียร์งานอีกสักหน่อย”
“วันนี้ทั้งวันยังไม่เหนื่อยอีกหรือไงยะ!”
“ก็เหนื่อยแหละ แต่อยากแก้ชุดให้เสร็จเลย พรุ่งนี้จะได้ว่างทั้งวัน”
“พรุ่งนี้ไม่เข้าร้านว่างั้น?”
“อือ”
“จะไปเฝ้าพี่หมอธามไทของแกอีกล่ะสิ”
เยว่ซินจิ๊ปากใส่เพื่อนสาวที่รู้ทันอย่างหมั่นไส้ ระบายลมหายใจออกมา แล้วเอ็นศีรษะพิงกับขอบโซฟามองเพดานแล้วอมยิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนกขยับพึมพำเบา ๆ “อยากเจอจัง”
“อะไรนะ?”
“หืม?”
“เมื่อกี้แกพูดอะไรฉันฟังไม่ชัด อะไรอยาก ๆ”
“บ่นไปเรื่อยแหละ” เยว่ซินตีหน้าซื่อพลางเบนสายตาหลบแววตาจับผิดของน้ำหวาน
น้ำหวานพยักหน้าอย่างรับรู้ “งั้นฉันกลับก่อนนะ อยากอาบน้ำจะแย่”
“เคจ้ะ ขับรถกลับดี ๆ นะ”
“เช่นกันแก บ้าย~” น้ำหวานผุดตัวลุกขึ้นพร้อมทั้งคว้ากระเป๋าสะพายข้าง โบกมือลาเพื่อนสนิทแล้วเดินออกจากร้านไป โดยมีสายตาของเยว่ซินมองออกจากกระทั่งลับตา
“นอนหรือยังน้า?” ล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง กดเปิดหน้าจอแล้วจิ้มนิ้วลงบนอัลบั้มรูปภาพ หน้าจอสี่เหลี่ยมปรากฏภาพของคู่หนุ่มซะส่วนใหญ่ มีภาพตั้งแต่เด็กจนโต เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นติ่ง ชื่นชอบไอดอล แต่โชคดีไปกว่านั้นเขาคือคู่หมั้นเธอ
จุบ~ริมฝีปากอวบอิ่มแนบชิดแก้มเนียนของคู่หมั้นหนุ่มบนหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ
“คิดถึงที่สุดเลย พรุ่งนี้เจอกันนะคะพี่หมอ” เยว่ซินยิ้มแก้มปริ ในหัวจินตนาการเรื่องที่ทำให้มีความสุข
เธอจะวางโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกตรงหน้าโซฟา แล้วดันตัวลุกขึ้นไปทำงานที่ค้างให้เสร็จ…..
#สองชั่วโมงต่อมา
“ฟู่~” พ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อตัดเย็บชุดคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์เสร็จสมบูรณ์ “เรียบร้อย”
…
“ฮื้อฮือ ๆ ” เยว่ซินฮัมเพลงที่เปิด พลางบังคับพวงมาลัยรถ เมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอขับรถบนท้องถนนอย่างใจเย็น ไม่เร่งรีบ ซึ่งถนนค่อนข้างโล่ง เนื่องจากดึกมากพอสมควร หมดเวลาของคนทำงานกลางวัน เป็นเวลาของคนเที่ยวกลางคืนเสียมากกว่า
เอี๊ยดด! ตึก!
“กรี๊ดด!!” แต่ระหว่างนั้นรถคันด้านหน้ากลับเบรกกะทันหัน ดีที่เธอขับไม่เร็วมากและเบรกได้ทัน ทำให้ชนท้ายรถคันดังกล่าวไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้ช่วงหน้ารถชำรุดไม่มากก็น้อย
“ขับรถประสาอะไรเนี่ย!” ใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เธอทั้งหัวเสีย ทั้งเสียขวัญในเวลาเดียวกัน
ขณะเดียวกันรถสปอร์ตหรูสีแดงคู่กรณีตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง เยว่ซินไม่ลังเลที่จะขับตาม
ปึก!
“แม่จะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลยคอยดู” เยว่ซินเปิดประตูเดินลงจากรถอย่างมุทะลุเอาเรื่อง เป็นจังหวะเดียวกันกับคนขับรถสปอร์ตสีแดงเปิดประตูก้าวขายาวลงมาพอดี
ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อมือ ปลดกระดุมถึงสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแกร่งขาว ๆ ปล่อยชายเสื้อออกมานอกกางเกงสีดำหนึ่งข้าง ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคม ตาสองชั้น จมูกโด่ง ทรงผมมีหน้าม้าราวกับอปป้าเกาหลี
“ขับรถประสาอะไรของนาย คิดจะเบรกก็เบรกเลยอย่างนั้นเหรอ?” เยว่ซินประจันหน้ากับชายหนุ่มร่างสูง เท้าสะเอวพลางเชิดหน้าแหวใส่อย่างใจกล้า โดยไม่เกรงกลัวผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่า
“หึ”
“…” หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อชายหนุ่มคนดังกล่าวเหยียดยิ้มมุมปาก พลางปราดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท่าคล้ายกำลังดูถูกทางสายตา อย่างไร้ซึ่งจิตสำนึก
“ไม่เคยมีใครสอนเรื่องมารยาทหรือไง ว่าอย่ามองผู้หญิงด้วยสายตาแบบเนี่ย!”
“ปากดีจังเลยนะครับคุณผู้หญิง”
เยว่ซินม่านตาเบิกกว้าง เธอรีบเอ็นศีรษะหนี เมื่อร่างสูงย่อตัวลงมาให้เท่ากับเธอ แล้วยื่นใบหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้ จนได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ค่อนข้างรุนแรง แต่เพราะได้มองความหล่อเหลามีออร่าราวกับพระเอกเกาหลีใกล้ ๆ ทำให้ใบหน้าเธอเห่อร้อนขึ้นมา เผลอหลุดเข้าภวังค์ไปชั่วขณะ
“อยากได้ค่าเสียหายเท่าไหร่ โทรมานะครับ วันนี้ผมรีบ” ร่างสูงยัดนามบัตรใส่ในมือบาง ดึงสติเยว่ซิน
“นี่!” ครั้นจะตามไปเอาเรื่อง ทว่ากลับไม่ทันคนขายาวที่ก้าวขาขึ้นรถไปซะก่อน แล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูง
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เยว่ซินกำหมัดแน่นพลางตะโกนออกไปสุดเสียงด้วยความโมโหและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน เมื่อไม่อาจด่าชายหนุ่มคู่กรณีได้สมใจอย่างที่คิด
“…”