บทที่ 12
“โชคดีนะ” ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ กับการตัดสินใจของตัวเอง ก่อนจะพูดกับเขาแล้วหันหลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน ขอถามอะไรหน่อย” ฉันหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้า แต่ไม่หันหลังมามองเขา เพราะกลัวจะทนมองสายตาที่ไหวระริกนั่นของเขาไม่ไหว
“ต้องเลิกกันแบบนี้เจ็บปวดไหม” เขาถามเสียงเบาหวิว คำถามของเขาแน่นอนว่าฉันย่อมเจ็บปวด ฉันเงยหน้ามองบนเพดาน เพื่อที่จะไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
“อืม เจ็บสิ”
“เจ็บแล้วทำไมไม่กลับมา”
“เพราะการคบกับนายมันทำให้ฉันเจ็บมากกว่า” จบคำพูดของฉันทุกอย่างก็เงียบอีกครั้ง
“แล้ว... แล้วแหวนนั่นล่ะ แหวนอะไร ทำไมต้องใส่นิ้วนางข้างซ้ายด้วย”
“แหวนหมั้น!” พูดจบฉันก็ไม่รีรออะไรอีก เพราะตอนนี้น้ำตาที่กักเก็บไว้มันจวนจะไหลเต็มทน ฉันรีบเดินออกจากห้องเรียนรวมก่อนที่เขาจะเห็นความอ่อนแอของฉัน เมื่อออกมาถึงหน้าห้องฉันก็เห็นเพื่อนของฉันและเขายืนรออยู่
ฉันมองหน้าเพื่อนทั้งสาม ก่อนที่น้ำตาที่กักเก็บไว้จะพรั่งพรูออกมา
“ฮึก ฮือ... แก มันเจ็บ ฮึก” ฉันร้องออกมาอย่างไม่อายใคร เพราะที่ตรงนี้ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพวกฉัน ส่วนเพื่อนของเขาก็เดินเข้าไปในห้องเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรนะแก ไม่เป็นไร”
“ฮึก ฮือ... ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่เลย ฮึก ฮือ”
ฉันยืนร้องไห้กับเพื่อน ๆ โดยมีพวกมันกอดปลอบไม่ไปไหน
ภาพที่ฉันกับเขาเคยกอดกัน ภาพการจับมือ หยอกล้อระหว่างที่เราคบกัน หลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ ภาพความสุขที่เราสองคนเคยมีมันตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่มี...
“ฮึก ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม ฮึก เจ็บ ฮือ...”
ภาพความสุขที่เคยได้รับแปรเปลี่ยนไปก่อนจะเป็นภาพของเขาที่เดินห้างกับใครอีกคน ใครคนนั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้
ดาริน!
“ถ้าเจ็บทำไมแกไม่ให้โอกาสพี่เขาล่ะ ฉันดูแล้วพี่เขาค่อนข้างจะรักแกมากนะเว้ย”
“ฮึก ฉันก็อยากให้โอกาสเขา แต่ฉัน ฮึก ฮือ.. อึก ฉันทำไม่ได้ ฮึก ฮือ”
“...”
“เขาตัดเด็กนั่นออกจากชีวิตเขาไม่ได้ ฮึก ถ้าฉันให้โอกาสเขา สุดท้ายก็เป็นฉันที่เจ็บ”
“...”
“ชีวิตรักมันควรจะมีแค่สองคน ไม่ใช่สามคนแบบนี้ ฮึก ถึงเขาจะไม่คิดอะไรกับมัน แต่เด็กนั่นไม่ใช่”
“ใจเย็น ๆ ทิพย์ หยุดร้องก่อน”
“หยุดไม่ได้อะพิ้งค์ มันเจ็บไปหมดเลย ฮือ อึก ตอนแรกฉันคิดว่าผ่านมาหลายเดือนแล้วฉันคงไม่รู้สึกอะไร แต่มันไม่ใช่เลยเว้ย แค่เห็นหน้าเขาฉันก็เจ็บแล้ว ฮือ ฮือ”
“อยากเข้าไปกอดก็ทำไม่ได้ ฮือ อึก ถ้าเมื่อกี้เขาตัดสินใจว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้นฉันคงให้โอกาสเขาไปแล้ว ในเมื่อเขาทำไม่ได้ก็ให้มันเป็นแบบนี้แหละ ฉันไม่อยากต้องทนความเจ็บปวดแค่คนเดียวว่ะ”
ฉันเงยหน้าที่แดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนักมองหน้าเพื่อนทั้งสาม ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลอยู่ออก
“ไม่เป็นไรนะแก พวกฉันอยู่ข้าง ๆ แกเสมอ”
“ขอบคุณนะหวาน พวกแกสองคนด้วยนะ มนต์ พิ้งค์ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้นฉันคงเจ็บมากกว่านี้” ฉันพูดกับพวกมันยิ้ม ๆ วันนี้เป็นที่ฉันรู้สึกว่าฉันร้องไห้หนักมาก แต่ก็สามารถหยุดมันได้อย่างรวดเร็ว
ฉันส่งยิ้มที่คิดว่าสดใสให้กับเพื่อนของฉัน เพื่อไม่ให้พวกมันเป็นกังวล
“เลิกร้องไห้เป็นเด็กขี้แยได้แล้ว น้ำตาไม่ได้เหมาะกับแกเลยสักนิด”
“ใช่ ๆ มนต์พูดถูก แกอะทั้งสวยทั้งรวย อนาคตต้องมีคนเข้ามาในชีวิตแกอีกแน่”
“จริงอย่างที่หวานพูด ยังไงแกก็ต้องมีคนเข้ามาจีบอยู่แล้ว เผลอ ๆ อาจจะหล่อและดีกว่าพี่เหนือด้วยซ้ำ”
“นั่นสิ ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว” ฉันเห็นด้วยกับน้ำพิ้งค์และน้ำหวาน ฉันทั้งสวยและรวย ยังไงก็มีคนมาจีบแน่นอน ไม่เห็นต้องสนใจคนที่ทำให้เรามีความทุกข์เลย!
“แต่ถ้าวันหนึ่งพี่เหนือเขาตัดเด็กคนนั้นได้ แกจะให้โอกาสเขาไหม”
รอยยิ้มของฉันหุบลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของน้ำมนต์ ฉันก้มหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป
“ไม่รู้สิ บอกตรง ๆ ว่าฉันรักเขา แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด ถ้าเขาสามารถตัดเด็กเสแสร้งอย่างดารินได้ เมื่อถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน” ฉันตอบไปอย่างที่คิด เพราะฉันคิดแบบนี้จริง ๆ ถ้าวันนั้นฉันยังไม่มีใครล่ะก็นะ การให้โอกาสเขาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นฉันมีสถานะยังไงด้วย
“แล้วแหวนนี่เขาไม่ถามเหรอ”
“ถาม แล้วฉันก็ตอบไปว่าเป็นแหวนหมั้น แต่ไม่ได้บอกว่าหมั้นกับพี่ไฟ” ฉันตอบน้ำหวานยิ้ม ๆ
หึ! คิดมาถึงตรงนี้ก็สะใจ ตอนที่เขาถามเรื่องแหวน ทำให้ฉันเจ็บมามากเขาเจ็บบ้างจะเป็นไรไป
เมื่อไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ฉันและเพื่อนก็รีบเดินออกจากอาคารกลับคอนโดทันที
อา... การเป็นโสดที่มีสถานะหมั้นหมายมันก็ไม่ได้แย่นักหรอก
น้ำทิพย์มาแล้วค่ะ go on...