บทที่ 10
“รักแล้วมึงทำให้เขาเสียใจทำไม ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเขาทำไม ปล่อยมือเขาทำไม ไอ้เหนือนะไอ้เหนือ กูว่ามึงพลาดแล้วล่ะ”
“ยังไง” ผมถามไอ้ดินที่ยังคงพูดอะไรกำกวมในประโยคสุดท้าย แต่มันก็ไม่ยอมพูดอะไร ผมจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง
“มึงคิดว่ากูอยากปล่อยมือเขาเหรอ เป็นเขาที่บอกเลิกกู เป็นเขาที่หันหลังให้กู ทุกวันนี้กูก็พยายามตามง้อขอคืนดีอยู่พวกมึงก็เห็น”ผมพูดออกมาอย่างอัดอั้น
ผมยอมรับว่าผมผิดที่ละเลยเธอ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้องดากลับเข้ามาในชีวิตผมใหม่ ๆ ด้วยความที่ผมไปอยู่คอนโดไม่ได้อยู่บ้าน บวกกับการที่ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทำให้น้องดาติดต่อผมไม่ได้
แต่เมื่องานวันเกิดแม่ผมปีนั้นผมกลับไปหาท่านที่บ้าน จึงทำให้เจอน้องดาอยู่ที่นั่นด้วย น้องดาจึงขอแลกเปลี่ยนเบอร์กับผม ผมเห็นว่าเป็นน้องจึงให้ไปด้วยความที่ไม่คิดอะไร หลังจากวันนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันบ่อยขึ้นและก็ทำให้ผมต้องทะเลาะกับน้ำทิพย์อย่างที่ทุกคนทราบนั่นแหละ
“กูถึงบอกไงว่ามึงพลาด” ไอ้ดินยังคงพูดประโยคเดิม
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ กูคงไม่ให้มันเป็นแบบนี้หรอก” ผมพูดเศร้า ๆ กับตัวเอง เพื่อน ๆ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกมันนั่งเงียบ ๆ เท่านั้น
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” ไอ้วินเป็นคนพูด ซึ่งเพื่อนอีกสองคนที่เหลือก็มองผมด้วยสายตาตั้งคำถามไม่แพ้กัน
“ถามได้ กูก็จะไปทวงของของกูคืนสิ” ผมตอบพวกมันด้วยความไม่พอใจ ช่างกล้าตั้งคำถามกับผมจริง ๆ ถามไม่คิด!
“มึงมั่นใจว่าจะทวงคืนมาได้” ผมพยักหน้าให้ไอ้วิน
“แต่น้องทิพย์บอกเลิกมึงนะ”
“แล้วไง ของของกูยังไงก็เป็นของกูอยู่วันยังค่ำ แล้วที่สำคัญน้องมันบอกเลิกกูแต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะเลิกด้วยสักหน่อยนี่” ผมตอบไอ้ดินไปตามที่คิด
“หน้าด้านจริง ๆ” ผมตวัดสายตาไปมองไอ้พายุแล้วสะบัดหน้าหนีมัน
เหอะ ผมควรน้อยใจไหม เพื่อนแต่ละคนช่างให้กำลังใจผมกันเหลือเกิน
“หวังว่าจะทันนะไอ้เหนือ” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ดินด้วยความไม่เข้าใจกับคำพูดของมัน
“พวกมึงหมายความว่ายังไง มีอะไรก็บอกกูมาตรง ๆ ไม่ใช่พูดให้กูสงสัยและไม่เข้าใจแบบนี้”
ผมถามพวกมันด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะพวกมันพูดกำกวมกับผมมาสองครั้งแล้ว เหมือนพวกมันรู้อะไรแต่พวกมันไม่บอกผม
“เอาไว้มึงจะรู้เอง พวกกูไม่พูดหรอก แล้วก็นะ หวังว่ามึงจะมีสติ กูกลับละ ฝันดีนะมึงไอ้เหนือ”
ไอ้วินพูดจบพวกมันก็ออกจากห้องผมไป
เข้าใจถูกแล้ว พวกเราทั้งหมดเข้ามาพูดคุยกันที่คอนโดของผม เมื่อพวกมันได้คำตอบที่มันอยากรู้แล้วก็แยกย้ายกลับไปหาคนที่พวกมันรัก เหอะ อิจฉาจริง!
ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือผมอยู่คนเดียว...
เมื่อไม่รู้จะทำอะไร จึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำก่อนจะกลับออกมานอนที่เตียงกว้างของผม มองไปที่ด้านข้างของเตียงที่เคยมีร่างของใครบางคนนอนอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งคิดถึงคืนวันเก่า ๆ วันที่เรายังคบกันอยู่
แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็จะทวงเธอกลับมาอยู่ข้างกายให้ได้ ต่อให้เธอจะบอกเลิกอีกกี่พันครั้งก็ตาม
ก็อย่างที่ผมเคยพูดกับเพื่อนไป เธอบอกเลิกผมใช่ว่าผมจะเลิกกับเธอสักหน่อย เป็นเธอที่คิดเองเออเอง
ตอนนี้ก็ให้เวลาเธอได้อิสระกับชีวิตบ้าง เพราะถ้าผมได้เธอคืนกลับมาเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะขังเธอไว้ติดกับตัวเองแน่ ผมรับรอง!
คิดได้ดังนั้นจึงหลับไปด้วยความสบายใจ...
เช้าวันใหม่
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสบายใจและสดชื่นเป็นอย่างมาก เพราะผมมั่นใจว่าวันนี้ผมต้องเจอกับน้ำทิพย์อย่างแน่นอน
ผมอาบน้ำกินข้าวก่อนออกจากคอนโดและขับรถตรงไปที่มหาวิทยาลัยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมไม่ได้บ้า เพียงแต่ว่ามันมีความสุขที่กำลังจะได้เจอคนที่ผมรักและคิดถึงเท่านั้นเอง
ถามว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าวันนี้จะเจอเธอ เพราะวันนี้เธอลงเรียนวิชาเลือกไว้ และผมก็เลือกลงด้วยเช่นกัน แม้ว่าผมจะอยู่ปี 4 ที่ต้องออกฝึกงาน แต่อย่าลืมนะว่าปี 4 ก็ยังคงมีคาบวิชาที่ต้องเข้าเรียนเช่นกัน
คาบวิชาเรียนที่ว่าเป็นการเรียนรวมไม่จำกัดระดับชั้น เป็นวิชาเสรี และผมรู้มาว่าในเทอมสองนี้ น้ำทิพย์และเพื่อนได้ลงเรียนวิชานี้ด้วย ซึ่งผมก็ตัดสินใจลงตาม อ้อ ไม่ใช่แค่ผมหรอกนะที่ลงวิชานี้ เพื่อนอีกสามตัวของผมก็เช่นกัน ถึงบางคนคะแนนเกรดจะครบแล้วบ้าง แต่ก็ยังเลือกลงเรียนอยู่ดี
เพราะอะไร? คำตอบคือตามมาเฝ้าแฟน!
เมื่อถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ผมจึงได้เดินไปที่ห้องเรียนดังกล่าว ภายในห้องยังเรียนมีนักศึกษาอยู่สามสี่คน เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาสอนคนยังไม่มาจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ผมเลือกไปนั่งอยู่ด้านหลังห้องมุมลับสายตาสักหน่อย แต่จับจ้องไปทางเข้าประตูได้ง่าย เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการมองหาคนที่ผมแสนคิดถึง
เวลาล่วงเลยเกือบจะถึงเวลาสอน ในที่สุดคนที่ผมเฝ้ารอก็มาถึง เธอเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนผมและเพื่อนเธอ แน่นอนว่าเธอไม่เห็นผม หรือเห็นแต่ไม่สนใจผมก็ไม่สามารถทราบได้
กลุ่มของพวกเธอทั้งหมดไปนั่งช่วงกลางห้อง ผมเห็นข้าง ๆ เธอมีโต๊ะว่างอยู่ จึงได้ทำเนียนเดินเข้าไปนั่งและรวมกลุ่มด้วย
แต่ถึงแม้ว่าผมจะมานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอแล้ว เธอก็ยังคงไม่สนใจผมอยู่ดี ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเสียใจนิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย แค่รู้สึกน้อยใจเล็ก ๆ เท่านั้น
เวลาดำเนินไปเรื่อย ๆ จนอาจารย์ผู้สอนเข้ามาและสอนจนหมดคาบ ผมก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากเธอ!
หมับ!
และเมื่อเห็นว่าเธอลุกจากโต๊ะและกำลังจะเดินออกไปหลังจากที่อาจารย์สอนจบแล้ว ผมจึงได้คว้าหมับที่ข้อมือของเธอ เธอหันมามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าเรียบเฉย ใจผมกระตุกวูบ แต่ก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ
จนกระทั่งสายตาเห็นบางอย่างสวมอยู่ที่นิ้วของเธอ นิ้วนางข้างซ้าย!
คำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกไปกลับถูกกลืนลงลำคออย่างรวดเร็ว มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอสวมแหวนนิ้วนางข้างซ้าย นี่ผมพลาดอะไรไป...