บทที่ 3
@ หลายวันต่อมา
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ผมวางปากกาในมือลงก่อนเงยหน้าขึ้นมามองแขกผู้มาเยือน
“บอสค่ะ น้องคัพเค้กมาแล้วค่ะ น้องมาแนะนำตัว พรุ่งนี้ถึงจะมาฝึกงานวันแรกค่ะ” ลักยิ้มเดินเข้ามาผมฟังเธอพูดไม่มากนัก ก่อนพยักหน้าเป็นการอนุญาตให้เด็กฝึกงานเข้าพบ
เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบกับพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะ เรียกร้องความสนใจของผมได้เป็นอย่างดี ผมเงยหน้ามองไปยังเจ้าของเสียงฝีเท้านั่น ก่อนมันจะเงียบลงที่ด้านหน้าห่างโต๊ะทำงานของผมเพียงสามก้าว
“สวัสดีค่ะ คัพเค้กค่ะ” เธอก้มหน้ายกมือไหว้ผมอย่างอ่อนน้อม สมกับเป็นเด็กที่คุณแม่เอ่ยชมว่ามารยาทดี ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มหวานมาให้
เชี้ย!! สวย!! ผมทำปากกาในมือหล่นลงบนโต๊ะทำงาน ดังปลั๊ก!! ผมรีบก้มหยิบปากกาที่หล่นทันที กลืนน้ำลายลงคอที่อยู่ๆ มันก็เหือดแห้งซะงั้น หญิงสาวตรงหน้าสวมชุดนักศึกษาพร้อมกระโปรงจีบพลีสยาวคลุมเข่าเล็กน้อย แต่เสื้อนักศึกษาดูจะขัดตาผมหน่อย มันตัวเล็กหรือว่า ตรงนั้นของเธอมันใหญ่ถึงได้รัดแน่นขนาดนั้นกันนะ
“วันนี้หนูมารายงานตัวค่ะ เรียกว่าเค้กเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
ผมวางปากกาลงอีกครั้ง ก่อนทำหน้านิ่งขรึม มองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ก่อนอื่น มาทำงานที่นี่ ไม่ต้องสวมชุดนักศึกษามา และชุดที่สวมมาต้องสุภาพเรียบร้อย ส่วนงานที่คุณจะได้เรียนรู้ เลขาของผมจะเป็นคนจัดการให้”
เธอเอียงคอฟังผมเล็กน้อย พร้อมยิ้มส่งมาให้
“ค่ะ”
“มีคำถามอะไรอีกไหม”
“เรียกพี่ได้ไหมคะ”
“ผมไม่มีน้องสาว” ผมลุกเดินเข้าไปหาเธอ “ผมรู้ว่าคุณเป็นเด็กฝาก ผมไม่สนใจ คุณจะได้เรียนรู้งานเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่มีความเหลื่อมล้ำ”
“ค่ะ ฉันก็ไม่อยากมีพี่ชายเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นสนใจจะเป็นไหมคะ” เธอสาวเท้าก้าวเข้ามาประชิดตัวผม จนแทบตั้งตัวไม่ทัน “ว่าไงคะ สนใจไหมคะ” เธอเอียงคอถามผมพร้อมรอยยิ้มยียวนกวนประสาท
“หึ ยังไม่ทันได้เริ่มงาน ออกลายซะแล้วนะ”
“ทำไมคะ คุณพูดเองไม่ใช่หรือไงว่าไม่มีความเหลื่อมล้ำ”
เด็กแสบ!! ยอกย้อนเก่งจริงๆ ใบหน้าใสซื่อ แต่วาจาไม่เบาเลยทีเดียว เธอคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าสบตาผม และกล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว
“ว่าไงคะ ไม่เห็นตอบ ฉันรอฟังคำตอบอยู่นะคะ” เธอถอยออกไปหนึ่งก้าว ก่อนหมุนตัวอยู่หลายรอบ “ฉันก็สวยนะ คุณไม่ชอบฉันเหรอ”
อิหยังวะ!! ใครงงเหมือนผมบ้างอยู่ๆ เด็กบ้านี่ก็ชมตัวเองซะงั้น เกิดมาโตขนาดนี้พึ่งเคยพบเคยเจอผู้หญิงแบบนี้ แค่นั้นยังไม่พอ เธอยังยืนกอดอกทำตาปริ่มๆ ยิ้มหวานๆ แบบกวนๆ ส่งมาให้ผม
“ออกไป!!”
“ไม่ไปค่ะ พี่เลขาบอกว่าให้เวลา 20 นาที ให้ฉันได้ทำความรู้จักและแนะนำตัว ตอนนี้ยังไม่ถึง 10 นาทีเลยค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งหน้าตาเฉย
“ผมบอกให้คุณออกไป หมดธุระแล้ว ผมมีแขก”
“ยังไม่ให้คำตอบเลยค่ะ ถ้าไม่ได้คำตอบฉัน..ก็...ไม่...ไป” เธอเน้นย้ำน้ำเสียงแข็งใส่ผม
“ผมไม่ชอบเด็ก อีกอย่างผมมีแฟนแล้ว กรุณา อย่าได้พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผมอีก ผมจะถือว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” ผมเดินกลับมานั่งประจำที่ของตัวเองอีกครั้ง
“ฉันชอบคุณค่ะ” เธอขยับเก้าอี้มานั่งโต๊ะตรงข้ามกันกับผม พร้อมเอามือเท้าคางจ้องมองผมด้วยรอยยิ้ม “เตรียมตัวและเตรียมใจเอาไว้ได้เลยนะคะ ฉันจะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการฝึกงานในครั้งนี้อย่างเต็มที่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” เธอพูดปนหัวเราะ “หล่อจัง เขาจองแล้วนะตัวเอง^^”
คำผู้สุดท้ายก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง ทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัว เกิดมาพึ่งเจอผู้หญิงรุกนักขนาดนี้ ผมมองชะตากรรมพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปได้ไม่ยาก
ก๊อก ก๊อก
“บอสค่ะ คุณหญิงมาค่ะ ท่านให้แจ้งบอสว่า ตอนนี้รออยู่ด้านล่างค่ะ"
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย แม่ผมมาทำอะไรที่บริษัทฯ ปกติมาแล้วจะขึ้นมาหาผมที่ห้อง แต่วันนี้มาแปลก ผมวางงานในมือรีบลงไปด้านล่างหามารดา
“ทางนี้จ๊ะ” แม่ผมกวักมือเรียก ท่านนั่งอยู่กับเพื่อนสนิทของท่าน ที่ผมรู้จักดี ก่อนที่ผมจะยกมือไหว้กล่าวคำทักทาย
“เป็นไงบ้างทัพ น้องดื้อไหม” ผมปรายตาไปมองเด็กสาวข้างกายแม่ของผม เล็กน้อย
“ไม่ครับ น้องพึ่งมาแนะนำตัวกับผมเมื่อครู่ครับ พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มฝึกงาน”
“ไปทานข้าวกัน นานๆ จะได้เจอกัน หนูเค้กก็ไปทานข้าวกับป้านะลูก ทัพมีงานเร่งไหมลูก” แม่หันมาถามผม จะให้ตอบว่าไม่อยากไปก็คงเป็นการเสียมารยาท ผมอาสาเป็นคนขับรถให้ และตรงไปร้านอาหารร้านประจำของแม่ที่ชอบมาทานบ่อยๆ
อาหารไทยต้นตำรับชาววัง แม่ของผมชอบมาก และรสฝีมือของแม่ผมก็อร่อยมากเช่นกัน นานๆ ทีแม่จะโชว์ฝีมือของตัวเองทำอาหารให้ผมและพ่อทาน หัวเข่าของแม่ไม่ดี ยืนนานไม่ได้ พ่อเห็นว่ามันลำบากจึงสั่งห้ามให้แม่เข้าครัวหรือนานๆ ครั้งจะทำอาหารที
“กินเยอะๆ นะหนูเค้ก ร้านนี้เป็นร้านโปรดของป้าเลยนะ”
แม่ผมตักอาหารใส่จานให้กับเด็กสาวที่นั่งข้างๆ กันกับผมเต็มจาน ส่วนคนเป็นลูกอย่างผมได้แต่มองตาม จะรักใคร่อะไรกันขนาดนั้น ถ้าแม่รู้ว่าเธอทำอะไรพูดอะไรกับผมไว้บ้าง แม่ยังจะมองเธอเป็นเด็กดีอยู่ไหมผมอยากรู้จริงๆ
“ว่าแต่ทัพมีแฟนหรือยังลูก” ป้ากรีนถามผมขึ้น
“ผมมีคนที่ชอบแล้วครับ ถ้าว่างผมจะพามาเปิดตัวแน่นอนครับ” ผมตอบพร้อมตักข้าวเข้าปาก
“เสียดายจังนะ ฉันอยากได้มาเป็นหลานเขยจริงๆ” ถ้าจะกระซิบกันก็ทำให้มันเบากว่านี้หน่อยได้ไหมครับ ผมได้ยินแทบสำลักข้าวที่กำลังกลืนลงคอ แม่ของผมหัวเราะชอบใจ ส่วนคนนั่งข้างเธอเอาแต่ยิ้มและทานอาหารตรงหน้า
“เสียดายจริงๆ ฉันก็อยากเป็นดองกับเธอเหมือนกันนะ แต่ลูกชายของฉันมีคนที่ชอบแล้วนี่สิ เฮ้ย...ฉันนะอยากรีบอุ้มหลาน” แม่ของผมพูดต่อ ดูเหมือนทั้งสองคนจะคุยกันถูกคอเสียจนลืมไปแล้วว่ามีผมและหลานสาวสุดที่รักมาด้วย
เธอดูเงียบกว่าปกติ จนน่าแปลกใจ ผมเริ่มหันไปมองคนข้างๆ แล้วต้องตกใจ ผิวขาวเนียนตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ตายแล้ว!! หลานฉันแพ้ปู หนูกินไปเยอะไหมเค้ก ตอนนี้เป็นไงบ้าง” ป้ากรีนวางช้อนในมือลง ก่อนรีบเดินตรงมาหาหลานสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเผลอกินไปแค่คำเดียว กินยาเดี๋ยวก็หายค่ะ” เธอหยิบยาในกระเป๋าออกมาทาน
“ป้าขอโทษนะจ๊ะ ป้าไม่รู้ว่าหนูแพ้ปู” สีหน้าของแม่ผมเป็นห่วงไม่แพ้กัน
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณป้า ทานไปแค่นิดเดียวเอง อีกอย่างมันเป็นความสะเพร่าของหนูด้วย ทานยาแล้ว เดี๋ยวผื่นพวกนี้ก็หายค่ะ”
“ไปหาหมอหน่อยไหมลูก ป้าจะได้สบายใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ป้าแก้วไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ ปกติหนูก็มักแพ้ง่าย พกยาติดตัวตลอด หนูโอเคค่ะ” เธอตบมือลงบนหลังมือแม่ของผมเบา แม่ผมมีสีหน้าคลายกังวลลงไปมาก
“ทัพไปส่งน้องที่บ้านให้แม่ด้วยนะ ทานข้าวเสร็จแม่ต้องไปธุระต่อ ทัพเอารถไปส่งน้องเลยนะลูก”
“ครับ” อยู่ๆ ผมก็เหมือนถูกโยนภาระมาให้ยังไงบอกไม่ถูก แต่คงทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวผมก็เป็นห่วงเช่นกัน ผืนแดงยังไม่จางหายไปไหน มันยังแดงอยู่เหมือนเดิม ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม