บทที่ 3
หลังจากโรงเรียนเลิกแชยองก็ไปส่งยูจินที่บ้าน เมื่อยูจินเดินเข้าไปในบ้านแชยองจึงเดินกลับออกมาเพื่อที่จะขึ้นรถกลับบ้านของตัวเอง แต่เดินมาได้สักพักแชยองก็รู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตาม เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่เห็นใครเดินตามมาสักคน แชยองเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นและเมื่อเดินเลี้ยวมาได้ก็รีบหลบมุม ทำให้พวกที่เดินตามมาพยายามมองหาเธอ
“นักเรียนชายโรงเรียนโฮปนี่นา ทำไมคนพวกนี้ถึงได้สะกดรอยตามเรา” แชยองก็ได้ยินนักเรียนชายพวกนั้นพูดกันถึงตัวเธอ
“หายไปไหนแล้วเมื่อกี้ยังเห็นเดินอยู่ข้างหน้าเลยนี่นา ทำไมถึงได้หายตัวไปเร็วนัก” แชยองเดินออกมาจากที่ซ่อนตัวและเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังพวกมัน
“พวกแกสะกดรอยตามฉันมาทำไม”
“เฮ้ย!! มันไปหลบอยู่นี่เองพวกเราถึงมองไม่เห็น” เด็กนักเรียนชายกลุ่มนั้นซึ่งมาด้วนกันสี่คนเดินเข้ามายืนประจันหน้ากับเธอ แชยองเผชิญหน้าพวกนั้นอย่างไม่เกรงกลัว
“ที่พวกแกเดินตามฉันมา...มีปัญหาอะไร”
“พูดตรงดี เราก็จะไม่อ้อมค้อมเมื่อวานเธอกับเพื่อนของเธอ ไปทำความผิดอะไรเอาไว้”
“ทำความผิดงั้นเหรอ? ไม่มีนี่” แชยองตอบกลับไปด้วยท่าทีกวนประสาทพวกมันเช่นกัน
“ใครบอกว่าไม่มีก็เมื่อวานเย็นเธอกับเพื่อนของเธอ ยกพวกไปรังแกนักเรียนโรงเรียนจินยองจำไม่ได้
หรือไง”
“พวกแกพูดบ้าอะไรใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายรังแก...ถ้าจะพูดให้ถูกฉันกับเพื่อนต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกนัก เรียนโรงเรียนจินยองรังแก แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของโรงเรียนจินยองกับโรงเรียนยองซอน พวกนายมาเกี่ยว
อะไรด้วยห๊า” แชยองพูดโต้กลับไปอย่างไม่ลดละหรือเกรงกลัว ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายและคนเยอะกว่า
ก็ตาม
“จะไม่ให้เรายุ่งเกี่ยวได้ยังไง ก็ในเมื่อฉันเป็นพี่ชายของจินอา”
“จินอาคนที่เป็นหัวโจกของกลุ่มน่ะเหรอ”
“ใช่ผู้หญิงบอบบางคนนั้น ที่เธอกับเพื่อนของเธอตะรุมบอลซะจนบาดเจ็บ”
“ห๊า!! นายเรียกยัยจินอาว่าอะไรนะ...ผู้หญิงบอบบาง งั้นเหรอ ไม่ใช่ล่ะมั้งที่ถูกน่าจะเรียกว่า หญิงถึก
สุดโหด จะเหมาะสมกว่านะ”
“นังนี่ปากดีนักอยากเจ็บตัวมากใช่ไหม...รู้เอาไว้ซะด้วยว่าเป็นเพราะพวกแกสองคน ถึงทำให้จินอาบาดเจ็บจนถึงขนาดต้องเข้าไปนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล”
“ขนาดนั้นเลย...แล้วที่พวกแกยกพวกมาวันนี้ ก็เพื่อจะมาแก้แค้นแทนน้องสาวของนายว่างั้นเถอะ”
“ใช่ใครที่รังแกจินอาจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม”
“แกเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าคิดจะรุมผู้หญิงก็ได้ด้วย ฉันว่าพวกแกไปถอดกางเกงแล้วเปลี่ยนมาใส่กระโปรงจะเหมาะกว่านะ”
“อย่ามัวแต่ไปฟังมันพูดอยู่เลยลูกพี่ ลุยเลยดีกว่าปากดีแบบนี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด” และแล้วการตะลุมบอลกันก็เริ่มต้นขึ้น แชยองไม่มีความกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกนักเรียนชายโรงเรียนโฮปเลย ถึงแม้จะรู้ดีว่าตนเองจะต้องตกเป็นฝ่ายรองแต่ก็หากลัวไม่
ในขณะที่กำลังตะรุมบอลกันอยู่นั้น...พวกนักเรียนชายเข้ามาจับตัวของเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้ดิ้น ก่อนที่อีกคนจะต่อยไปที่ท้องของแชยองอย่างแรงจนแทบทรุดลงกับพื้น แต่ดีที่พวกมันสองคนช่วยกันพยุงแขนของเธอไว้ทั้งสองข้าง สติของแชยองเลือนรางเต็มทีเรื่องราวกำลังจะแย่ถ้าไม่มีเสียงขัดขึ้นมาซะก่อน
“พวกนายทำอะไรกัน...น่าไม่อายรังแกได้แม้กระทั่ง...ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้กลุ่มนักเรียนโรงเรียนโฮปหันไปดู แล้วพวกมันก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวสะอาด ริมฝีปากหยักได้รูป จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียว คิ้วเข้มกับดวงตาคมคู่นั้นทำให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรทรงผมด้าน หน้ามีผมปรกตกลงมาปิดบังหน้าผากยืนจังก้าอยู่
“พวกเราจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของเราไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบไปซะอย่ามาเจ๋อเรื่องของคนอื่น”
“ใช่ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบไสหัวไปซะ” แต่หนุ่มคนนั้นหาได้ขยับตัวไปไหน เขากลับสั่งไอ้พวกนักเรียนนักเลงอันธพาลพวกนั้นด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้...ถ้าพวกนายอยากที่จะชกต่อยนักล่ะก็มาสู้กับฉันดีกว่า...ไปรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้แบบนั้นมันจะสนุกอะไร ต้องชกต่อยกับผู้ชายด้วยกันสิถึงจะสนุก”
“ได้ถ้านายอยากลองดีกับพวกเรา แล้วนายจะรู้ว่าตัวเองคิดผิดที่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”
“แล้วผู้หญิงคนนี้ล่ะพี่เอาไงดี”
“ปล่อยมันกองเอาไว้ตรงนั้น” ลูกน้องทั้งสองคนปล่อยตัวแชยองเธอทรุดลงไปกองกับพื้น เธอไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวลุกขึ้นยืน แล้วผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยเธอก็เดินเข้ามาพยุงให้ลุกขึ้นยืน เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ลุกขึ้นไหวไหม” เธอพยักหน้าให้เขาแล้วก็ต้องรีบร้องบอกให้เขาระวัง เพราะพวกนักเรียนโรงเรียนโฮปกำลังจะเล่นงานเขาตอนที่เขาเผลอ
“ระวัง” เขาเบี่ยงตัวหลบจากนั้นการชกต่อยของลูกผู้ชายก็เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด แชยองเดินเลี่ยงไปยืนห่างออกมานิดหน่อยเพื่อสังเกตุการณ์ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน...ทำไมถึงมาช่วยเหลือเธอทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เขาชกต่อยเก่งจริง ๆ
เมื่อแชยองเห็นว่าเขากำลังจะเพลี่ยงพล้ำก็เลยมองหาอาวุธเพื่อช่วยเหลือเขาอีกแรง โชคดีที่แถวนั้นมีท่อนไม้วางระเกะระกะอยู่จึงไปหยิบขึ้นมาอันหนึ่งเลือกเอาอันที่ขนาดเหมาะมือ จากนั้นก็ตะโกนบอกให้ชายคนที่มาช่วยเธอให้หลบไป
“หลบไป...ฉันจัดการเอง” แชยองใช้ไม้ฟาดลงไปโดยใช้แรงทั้งหมดที่มี แต่ว่าเธอกะพลาดคนที่รับไม้หน้าสามอันนั้นกลับกลายเป็นเขาหาใช่คนที่เธอเล็งเอาไว้
“โอ๊ย” แชยองได้ยินเสียงเขาร้องออกมา
“ตายแล้วฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจจะตีคุณ” แล้วก็ต้องตกใจเพราะว่าที่ใบหน้าของเขามีเลือดไหลจากปลายคิ้วและไหลเป็นทางยาวลงมาตามใบหน้า
“อย่ายุ่งหลบไปเร็วเข้าเดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก เรื่องแค่นี้ผมจัดการได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แชยองรีบไปยืนหลบพร้อมกับเอาใจช่วยเขาอยู่ห่าง ๆ เขาเก่งจริง ๆ ด้วย เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถจัดการกับพวกนักเรียนโรงเรียนโฮปซะจนไอ้พวกนั้นสะบักสะบอม วิ่งแตกกระเจิงหนีกันไปคนละทิศคนละทาง แชยองรีบทิ้งไม้หน้าสามแล้วเข้าไปประคองเขาเอาไว้เมื่อเห็นว่าเขาทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นไร”
“ลุกไหวไหมฉันจะช่วยพยุงคุณเองเกาะบ่าของฉันไว้นะ” เธอช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นพอเห็นว่าเขาสามารถพยุงตัวได้แล้ว ก็เดินไปเก็บกระเป๋าและหนังสือเรียนของตัวเอง จากนั้นก็จะมาพยุงตัวเขาอีกแรงแต่
เขาปฏิเสธ
“คุณไม่ต้องช่วยพยุงผมหรอกผมเดินเองได้”
“แผลที่คิ้วของคุณเป็นยังไงบ้างฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลนะ”
“ไม่ต้องหรอกครับแผลเพียงแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกไกลหัวใจนัก”
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ฉันพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล”
“แน่ใจสิ”
“แต่ว่าเลือดคุณไหลเยอะมากจนน่ากลัว” แล้วแชยองก็เปิดกระเป๋าเพื่อหาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีขาวมายื่นส่งให้เขา เพื่อที่จะได้ใช้ซับเลือดที่ใบหน้าของเขา
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ฉันรับรองเรื่องความสะอาดฉันยังไม่ได้ใช้เลยคุณเอาไปเช็ดเลือดที่....” แชยองชี้ไปที่หัวคิ้วของตัวเองเพื่อบอกเขาเป็นนัย ๆ ว่าให้เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดที่ใบหน้า แต่เมื่อเขายังไม่ยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้าที่เธอยื่นให้ แชยองก็เลยจับมือของเขาแบออกแล้ววางผ้าเช็ดหน้าของตัวเองลงไป
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ต้องเกรงใจฉัน” เมื่อเห็นเขายังเฉยเธอก็เลยเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกลับมาเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขาด้วยตัวเอง และในขณะที่กำลังจะทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขากลับขอเป็นคนเก็บไว้ซะเอง
“จะเก็บไว้ทำไมเปื้อนเลือดเยอะขนาดนี้ ซักออกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าคุณไม่เอา...ผมจะขอเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้เอง” จีเฮก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้
ขอผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจากเธอแชยองยักไหล่
“ก็ได้ตามใจคุณ...แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจะเก็บไว้ทำไม” เขาไม่ตอบเธอเพียงแต่ยิ้มมุมปากให้เธอ สาย ตาของเขายามมองมาที่เธอดูอบอุ่น
“ถ้าคุณไม่ยอมให้ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล ก็ให้ฉันเป็นคนทำแผลให้คุณนะ”
“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“ไม่ได้หรอกที่คุณต้องเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะช่วยฉัน...เพราะฉะนั้นฉันควรจะทำแผลให้คุณ” เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
“ดื้อซะด้วย” เขาพูดแต่ยังไม่หยุดยิ้มตายิ่งแพรวพราวกว่าเดิม
“ตกลงคุณยอมให้ฉันทำแผลให้คุณแล้วใช่ไหม ถ้างั้นเดี๋ยวเราแวะร้านมินิมาร์ทข้างหน้านี้ก่อน ฉันจะ
ได้เข้าไปซื้ออุปกรณ์การทำแผลมาทำแผลให้” จากนั้นแชยองก็วิ่งนำเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ต้องการ โดยไม่ลืมที่จะซื้อน้ำดื่มสำหรับตัวเองและซื้อเผื่อแผ่ไปถึงเขาด้วย หลังจากจ่ายเงินเสร็จเธอก็พาเขามาหาที่นั่งทำแผลซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมากนัก แชยองฉุดให้เขานั่งลงจากนั้นก็เริ่มลงมือล้างแผลให้เขาตลอดเวลาที่ทำแผลให้นั้น แชยองทำหน้าราวกับว่าเป็นคนเจ็บซะเอง บางครั้งยังส่งเสียงร้องเบา ๆ ออกมาอีกด้วยอีกทั้งยังชวนเขาคุยในขณะที่กำลังนั่งทำแผลให้อีกด้วย
“คุณไม่เจ็บบ้างหรือไง”
“เรื่องเล็กน้อย”
“นั่นสินะ...ฉันไม่ได้ยินเสียงคุณร้องสักแอะ”
“ก็คุณร้องแทนผมไปแล้วนี่” หญิงสาวหัวเราะแก้เก้อก่อนที่จะชวนคุยต่อ
“ปกติคุณชอบหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้เสมอเหรอ”
“อะไรนะ!”
“ฉันถามคุณจริง ๆ เถอะคุณมาช่วยฉันไว้ทำไม”
“คุณเป็นผู้หญิงที่แปลกดี...พูดกับคนที่มาช่วยคุณเอาไว้จากอันธพาลพวกนั้นแบบนี้นะเหรอ”
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณมาช่วยฉันซะหน่อย”
“คุณกำลังจะบอกว่าผมหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหม” เธอทำหน้ายียวนใส่เขา
“ก็มันจริงไหมล่ะ...ที่คุณมาช่วยฉันอย่าคิดนะว่าฉันจะซาบซึ้ง”
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะซาบซึ้งกับสิ่งที่ผมทำจนถึงกับน้ำตาซึมหรอก” เมื่อแชยองได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็เลยแกล้งกดไปที่แผลของเขาอย่างแรงเป็นการสั่งสอนที่เขากล้าปากดีกับเธอ
“โอ๊ย!! นี่คุณทำแผลให้ผมหรือจะฆ่าผมกันแน่”
“ไหนคุณบอกว่าแผลแค่นี้ไกลหัวใจของคุณยังไงล่ะ...ฉันเผลอทำแรงไปนิด...ก็ทำเป็นสำออยร้องเสียงดังซะจนสามบ้านแปดบ้านได้ยินกันทั่ว ทีตอนที่คุณมีเรื่องชกต่อยกับอันธพาลพวกนั้น ฉันไม่เห็นคุณร้องสักแอะ และคุณอย่าหวังนะว่าฉันจะพูดขอบคุณ เพราะฉันไม่ได้เรียกร้องหรือขอร้องให้คุณมาช่วย”
“ว่าแต่คุณไปมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น เขาถึงได้ยกพวกมาชำระแค้นกับคุณแบบนี้”
“นั่นแน่...คุณกำลังอยากรู้เรื่องของคนอื่นอีกแล้วนะ แต่เอาเถอะเห็นแก่ที่คุณมาช่วยฉันเอาไว้ทั้งที่ฉันก็ไม่ได้ร้องขอคุณเลยสักนิดเดียวฉันก็จะเล่าให้คุณฟัง” เขาก้มหัวลงให้เธอเป็นการล้อเลียน
“ขอบคุณมากครับ...ที่คุณจะกรุณาเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง”
“ที่จริงแล้วผู้ชายตัวโต ๆ คนที่คุณเห็นเป็นลูกพี่นั่นน่ะ มันเป็นพี่ชายของจินอา”
“แล้วจินอาเป็นใคร”
“คุณจะฟังที่ฉันเล่าไหม หรือถ้าจะขัดจังหวะกันแบบนี้อีกล่ะก็ฉันจะได้ไม่เล่าให้คุณฟัง” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นการยอมแพ้
“โอเคผมขอโทษที่ขัดจังหวะคุณ ถ้างั้นคุณเล่าต่อก็ละกันผมกำลังฟังเพลินเลย”