บทที่ 2
จากนั้นสองสาวก็ชวนกันไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า เดินกันไปได้สักพักก็ตัดสินใจว่าจะไปร้องคาราโอเกะกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำแบบนั้นก็ต้องเจอเข้ากับกลุ่มนักเรียนของโรงเรียนจินยอง ซึ่งเป็นคู่ปรับกันมาก่อนดูเหมือนคราวนี้พวกเธอจะเพี่ยงพล้ำ เพราะวันนี้ฝ่ายตรงข้ามพากันมาห้าคน
“เฮ้!!วันนี้ขาใหญ่โรงเรียนยองซอนโดดเรียนงั้นเหรอ” ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะคนเยอะกว่า ก็เลยเริ่มเปิดศึกกับสองสาวของโรงเรียนยองซอนก่อน แต่แชยองมีหรือจะยอมง่าย ๆ จึงโต้กลับไปทันที
“พวกแกก็โดดเรียนมาเหมือนกัน อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลยน่า”
“วอนซะแล้ว!! อยากมีเรื่องใช่ไหม”
“กล้าหรือเปล่าล่ะ...ถ้ากล้าก็เข้ามาเลย อย่ามัวพูดกันให้เสียเวลา” พวกกลุ่มนักเรียนโรงเรียนจินยองเดินมาล้อมพวกเธอเอาไว้ ยูจินกับแชยองยืนหันหลังชนกันยูจินกระซิบแชยอง
“พวกมันคนเยอะกว่าพวกเรา...จะรอดไหมเนี่ย”
“สบายอยู่แล้ว...อย่าลืมสิยูจินว่าเราสองคน...เป็นนักกีฬาเทควันโด้สายดำเชียวนะ”
“ถึงจะสายดำแต่สองต่อห้ามันไม่ยุติธรรม”
“มาถามหาความยุติธรรมอะไรตอนนี้...มันเล่นเราแน่พวกเราต้องเอาตัวให้รอดก่อนจะดีกว่า” จากนั้นการตะรุมบอลก็เริ่มต้นขึ้นสองสาวเจ้าของฉายา "สวย แสบ ซ่าส์ คู่ขา มาเฟีย" มีหรือจะเกรงกลัวคู่ปรับ ถึงแม้ว่าฝ่ายของตัวเองจะน้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามก็ตามที แต่กว่าที่ทั้งสองสาวจะผ่านการตะรุมบอลในครั้งนี้มาได้ก็เล่นเอาเหนื่อย สภาพของเสื้อผ้าหน้าผมดูไม่ได้เอาซะเลย ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนจากการไปร้องคาราโอเกะมาเป็นการหาอาหารมื้อเย็นใส่ท้องแทน ระหว่างที่กำลังนั่งทานกันอยู่นั้นยูจินก็หัวเราะเมื่อหันมาเห็นว่ามุมปากของแชยองยังมีเลือดแห้ง ๆ ติดอยู่แชยองหันไปถามด้วยความสงสัย
“ขำอะไรนักหนา” ยูจินชี้ไปที่มุมปากของตัวเองทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะ แชยองใช้มือป้ายเลือดตรงมุมปาก
“หมดหรือยัง” ยูจินไม่ตอบคำถามแต่กลับใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนเอง เช็ดเลือดที่แห้งติดอยู่ที่มุมปากของเพื่อนเบา ๆ
“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราสองคนจะรอดมาได้”
“แน่นอนอยู่แล้วแต่จะว่าไปเราก็สะบักสะบอมเหมือนกันนะ”
“ใช่...แต่ว่าฝ่ายโน้นอาการหนักกว่าเราสองคนมากนัก”
“นั่นสิฝีมือของเราไม่มีใครเทียมทานอยู่แล้ว” หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แชยองส่งยูจินขึ้นรถเธอโบกมือให้เพื่อนรัก
“กลับบ้านดี ๆ นะยูจิน”
“เธอก็เหมือนกันนะแชยอง...และหวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่ไปโรงเรียนสายอีกนะ...บ๊ายบายแชยอง”
“บายเจอกันพรุ่งนี้นะ” แชยองขึ้นรถกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่รออยู่แล้วแชยองเข้าไปกอดเอวของแม่เอาไว้
“สวัสดีค่ะแม่” คุณนายคิมผลักตัวของลูกสาวเบา ๆ เมื่อเห็นสภาพเสื้อผ้าหน้าผมของลูกสาวตัวเอง ก็ถึงกับต้องอุทานออกมาอย่างแปลกใจ
“ลูกเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนหรือว่ากลับมาจากสมรภูมิรบกันแน่ เฮชานกลับมาบอกแม่ว่าเขาขับรถไปรับลูกที่โรงเรียนแต่ไม่เจอกัน ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแชยองของแม่กันจ๊ะ”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะก็แค่ออกกำลังกายกับคู่ปรับเก่านิดหน่อย...เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนที่จะไปกิน
มื้อเย็น”
“แม่ชักจะไม่ค่อยแน่ใจซะแล้วว่าแม่มีลูกสาวหรือลูกชายกันแน่”
“ลูกสาวสิคะ...แหม! ลูกสาวของแม่ออกจะสวย แม่พูดแบบนี้ดีสเครดิตกันนี่นา” แชยองรีบโวยวายออกมา
“พูดถึงเฮชาน...แม่ให้เขาไปส่งหนูแค่ตอนเช้าก็พอนะคะ ไม่ต้องให้ไปรับด้วยหรอกค่ะเพราะว่าเผื่อหนูจะมีธุระที่จะต้องไปทำ เขาจะได้ไม่ต้องไปรับเก้อแบบวันนี้อีก”
“เอาแบบนั้นเหรอลูก”
“ค่ะตกลงตามนี้นะคะ”
“ตามใจแล้วแม่จะสั่งเฮชานอีกทีพรุ่งนี้เช้า ว่าแต่ลูกกินอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะหนูกินกับยูจิน”
“ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”
“ก็เหมือนปกติล่ะค่ะ” แต่แอบพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “น่าเบื่อเป็นปกติ”
“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำซะจะได้พักผ่อน”
“ค่ะแล้วพ่อยังไม่กลับเหรอคะ”
“ยังจ๊ะเห็นบอกแม่ว่าคืนนี้จะกลับดึก”
“หนูกับพ่อไม่ค่อยจะได้เจอกันเลยทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อจะยังจำหน้าของลูกสาวคนสวยของพ่อได้อยู่หรือเปล่านะ” แชยองจูบแก้มคุณนายคิมก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน ทิ้งข้าวของและหนังสือไว้ที่ห้องนั่งเล่นคุณนายคิมส่ายหน้าบ่นเบา ๆ ปนเอ็นดู
“ขี้ลืมจริงลูกคนนี้” เธอหยิบของใช้ของลูกสาวขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะในห้องนอนของลูก แต่ไม่พบเจ้าตัวได้ยินแต่เสียงฮัมเพลงของลูกสาวในห้องน้ำ ทำให้ผู้เป็นแม่อดยิ้มไม่ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นแชยองก็ไปโรงเรียนและใช้ชีวิตตามปกติ (ก็คือไม่สนใจเรียนตามปกตินั่นแหละ) โดยที่ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าพวกเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แชยองกับยูจินนั่งเรียนด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ในตอนบ่ายยูจินชวนแชยองโดดเรียนไปหลบอยู่ในห้องสมุด และถามแชยองว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือเปล่า พอพูดถึงเรื่องนี้แชยองก็ทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“คุณคิมและคุณนายคิมต้องเคี่ยวเข็ญให้ฉันไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เขาต้องการอยู่แล้ว เธอล่ะยูจินคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ฉันก็คงจะไม่ต่างจากเธอนะแชยอง แต่มันคงจะดีนะถ้าเราได้มีโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน”
“นั่นสิเราจะได้ไปสร้างตำนาน สวย แสบ ซ่าส์ คู่ขา มาเฟีย ที่นั่นด้วยกัน”
“เอาจริงอ่ะ...แล้วหนุ่มคนไหนจะกล้าเข้ามาจีบสาวแสบอย่างพวกเรา”
“ไม่เห็นแคร์เลย ฉันไม่สนใจผู้ชายคนไหนทั้งนั้นล่ะนอกจาก...”
“นอกจากอะไรเธอคงไม่ได้หมายถึงพี่จีเฮของเธอหรอกนะ”
“ยูจินเธอเข้าใจไม่ผิดหรอก” เมื่อแชยองพูดถึงเรื่องนี้ทีไรนัยน์ตาของเธอจะเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องมันตั้งนานมาแล้วเธอยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ ฉันว่าป่านนี้เขาคงจะลืมเธอไปแล้วล่ะมั้ง เธอเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเองไม่ใช่เหรอว่า ตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย ที่สำคัญก่อนที่เขาจะไปก็ไม่แม้แต่จะมาบอกลาเธออย่างที่เขาเคยพูดเอาไว้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะทนทุกข์อยู่กับความ หลัง และอดีตที่เชื่อถือไม่ได้ที่ผู้ชายคนนั้นบอกกับเธอ” แต่เมื่อเธอสังเกตุเห็นสีหน้าเศร้าของเพื่อนรักทำให้ยูจิน ต้องโอบไหล่บอบบางของแชยอง เพื่อปลอบประโลมและให้กำลังใจ
“ยูจินไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...ฉันก็ไม่สามารถลืมพี่จีเฮได้หรอกนะ”
“แต่ฉันกลับคิดว่าเขาไม่ควรค่าแก่การจดจำซะด้วยซ้ำไป”
“พี่จีเฮอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องกลับมาเพื่อทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉันอย่างแน่นอน” แชยองพูดออกไปแบบนั้นแต่ภายในใจกลับโต้แย้งกันเอง
‘มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกแชยอง เธออย่ามัวแต่คิดโง่ ๆ แบบนี้อยู่เลย ถ้าพี่จีเฮจะกลับมาหาเธอจริงอย่างที่เขาบอกเอาไว้ล่ะก็เขาต้องกลับมานานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้เธอรอเก้ออยู่แบบนี้ เธออย่าจมอยู่กับความ หวังเลื่อนลอย หรือคำสัญญาปากเปล่าของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเลยมันไม่มีประโยชน์สักนิด’ แชยองยังไม่คลายความเศร้าเมื่อคิดเรื่องนี้ทีไรเธอรู้สึกเศร้าใจทุกที ยูจินเห็นเช่นนั้นก็เลยเบนความสนใจของเพื่อน
“เราอย่ามาพูดถึงเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจกันเลยนะ โรงเรียนใกล้จะเลิกแล้วเราเตรียมตัวกลับบ้านกันดีกว่า วันนี้ฉันไปเถลไถลกับเธอไม่ได้นะแชยองเพราะว่าแม่บอกให้ฉันรีบกลับบ้าน”
“ไม่เป็นไรหมดเวลาวิชาสุดท้ายแล้วเรากลับบ้านกันเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อน”
“แชยองเธอไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้านก็ได้ฉันกลับเองได้”
“ไม่เป็นไรหรอกยูจินฉันเองก็ไม่มีธุระอะไรที่ไหน”
“ก็ไปร้องคาราโอเกะก็ได้นี่นา”
“ไม่มีเธอจะสนุกอะไร เอาเป็นว่าฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก็ละกันแล้วฉันค่อยกลับบ้าน”
“อืม...ได้ตามใจเธอ”