บทที่ 6 ขัดคำสั่ง
ผ่านไปถึงสองวันแล้ว เจ้าของบ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดที่มีต้นสนใหญ่ปลูกเป็นทิวแถวอยู่ทางด้านหน้าถึงนึกได้ว่าใครบางคนยังติดค้างคำสั่งของเขาอยู่
“ปลากริม...ขนมปลากริม”
ธามลุกออกจากเครื่องออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อ ฉวยผ้าขนหนูที่พาดตรงราวมาเช็ดเหงื่อบริเวณใบหน้าและลำคอ ขณะที่สมองก็ครุ่นคิดไปถึงแม่หน้านวล
“ทำไมไม่ทำมาให้เรากิน หรือว่าเธอลืม”
ถ้อยคำรำพึงอย่างคาใจดังตามมา เมื่อคิดว่าคำสั่งของตนกำลังกลายเป็นคำพูดที่ไร้ความหมาย ผู้หญิงคนนั้นถึงหายเงียบไปดื้อๆ ชายหนุ่มก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“ใช้ไม่ได้ รับปากแล้วไม่ทำ ไม่มีความรับผิดชอบ”
ธามคงไม่รู้ตัวว่าถ้อยคำเหล่านี้ไม่ได้ออกจากปากเขาบ่อยนักหรอก ลูกน้องในออฟฟิศแทบไม่เคยได้ยินเขาต่อว่าใคร แม้แต่นิโลบลที่ทำงานใกล้ชิด...หากยกเว้นนทีที่ถือเป็นเพื่อนสนิทไว้คนหนึ่ง
“ผู้หญิงอะไร แย่จริงๆ”
ยัง...มันยังไม่จบ
เจ้าตัวออกอาการฮึดฮัดเหมือนว่าความผิดพลาดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก จนเขาไม่อาจปล่อยให้มันผ่านไปได้
ร่างสูงเพรียวเดินออกจากห้องออกกำลังกายที่กรุกระจกรอบด้านซึ่งสร้างต่อเติมขึ้นมาภายหลัง เมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ใต้ต้นมะพร้าวน้ำหอมพันธุ์เตี้ยที่ออกผลดกแทบทุกปี...แต่เขาก็ไม่เคยได้กินมัน
“มะนาว!”
คนที่กำลังง่วนอยู่กับการเทดินจากกระสอบลงในกระถางดินเผาถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อเจ้าหล่อนหันไปมองด้วยหน้าตาตื่นๆ ธามถึงรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป
เสียงเรียกเข้มจนเกือบจะเรียกได้ว่าตะคอกจากคนที่กำลังก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหา ทำให้หัวใจของมะนาวหล่นตุ้บลงกับพื้น
“คะ...คุณธามเรียกหนูหรือคะ”
มะนาวถามตะกุกตะกัก เมื่อกี้เธอได้ยินชัดเจนว่าคุณธามเรียกชื่อของเธอ เธอไม่รู้ด้วยว่าเขารู้จักชื่อของเธอได้อย่างไร ความรู้สึกยามนี้จึงมีทั้งตกใจและประหลาดใจระคนกัน
“พอดีฉันเห็นเธอทำอะไรอยู่ตรงนี้ เลยเดินมาดู”
น้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิมมากโข และหัวใจหนุ่มที่ยังรุ่มร้อนด้วยเรื่องที่ติดพันอยู่ก็คลายความรู้สึกผิดลงเมื่อเห็นดวงหน้ารูปหัวใจนั้นเบิกแย้ม
“อ๋อ! หนูกำลังเตรียมดินลงกระถางสำหรับปลูกต้นเตยหอมกับว่านหางจระเข้ค่ะ หลานของป้าขวัญส่งต้นพันธุ์มาให้ เขาว่าใบเตยพันธุ์นี้หอมตลบไปสามบ้านแปดบ้านเลยค่ะ ส่วนว่านหางจระเข้ นอกจากเป็นสมุนไพรไว้ทาแผลถูกน้ำร้อนลวกแล้วก็ยังทำขนมได้ด้วยนะคะ”
ธามไม่ได้อยากรู้เรื่องพืชพันธุ์หรอก แต่เขาก็สมัครใจฟัง ต่อเมื่อเจ้าตัวพูดจบ ชายหนุ่มจึงถามแทรกโดยไม่ปล่อยให้มีจังหวะว่าง
“แล้วช่วงนี้เธอไม่ยุ่งหรือ”
“ยุ่งอะไรหรือคะ”
“งานในบ้านไง ฉันคิดว่าพวกเธอมีงานให้ทำจนหัวหมุนเสียอีก”
มะนาวขมวดคิ้วมุ่น เธอพยายามตามเจ้านายหนุ่มให้ทัน กระนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงคิดว่าเธอมีงานทำจนยุ่ง ทั้งที่พักนี้แทบจะว่างทั้งวันอยู่แล้ว
“ไม่มีค่ะ หนูว่างมากเลยค่ะ”
คำตอบซื่อๆ ทำให้ธามหลุดยิ้มขัน
“หนูไม่ค่อยมีงานทำ พอแกะกลีบกระเทียมให้ป้าขวัญเสร็จก็มาเตรียมดินใส่กระถางให้พี่กริมนี่แหละค่ะ”
ร่างสูงแข็งแรงชะงักเท้ากึกเมื่อได้ยินชื่อที่ติดอยู่ในใจ จากที่ทำท่าจะก้าวเท้าถอยกลับ
“เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“พี่กริมหรือคะ” โดยไม่รอฟังคำตอบให้เสียเวลา มะนาวก็เล่าต่อเสียงแจ้วๆ “ช่วงเช้าพี่กริมจะอบนึ่งต้มขนมตามออร์เดอร์ มีลูกค้าสั่งทำขนมทุกวันเลยนะคะ พอช่วงบ่ายพี่กริมก็จะเตรียมของสำหรับวันถัดไปเอาไว้ จากนั้นก็ว่างเหมือนหนูค่ะ”
สรุปว่าบ้านนี้ไม่มีใครที่มีงานล้นมือสินะ
ดวงหน้าหล่อเหลาคมเข้มตามเชื้อสายฝั่งมารดาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้อย่างช้าๆ ดวงตาคมมีรอยลุ่มลึก
เขาเปลี่ยนใจปักหลักดูมะนาวทำงานต่อ จากเดิมที่ตั้งใจจะเดินกลับเข้าบ้านเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ หลังจากออกกำลังกายมาเกือบชั่วโมง
มะนาวยกกระถางใบที่แปดซึ่งเป็นใบสุดท้ายวางล้อมโคนต้นมะพร้าว เมื่อกระถางทุกใบถูกวางเรียงเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืน แล้วหันไปมองเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะยกสองมือที่เปื้อนดินขึ้นมา
“หนูกลับบ้านก่อนนะคะ หนูอยากล้างมือ”
“แล้วเธอไม่ปลูกต้นไม้ให้เสร็จหรือ ไหนว่าจะปลูกต้นใบเตยกับว่านหางจระเข้”
“เดี๋ยวพี่กริมจะมาปลูกต่อเองค่ะ”
หัวใจหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะจนเขานึกอยากเตะตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาถูกปั้นไว้เรียบเฉย ขณะบอกอนุญาตให้มะนาวกลับไปได้
ติรยาเก็บถ้วยจานในครัวจนมือแทบพันกัน เมื่อสาวรุ่นน้องมายืนเร่งยิกๆ อยู่ข้างหลัง
“พี่กริมรีบไปเลยนะ มะนาวยังวางของกระจัดกระจายเต็มโคนต้นมะพร้าว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า มะนาวจะโดนดุว่าทำงานทิ้งๆ ขว้างๆ”
“แล้วทำไมไม่เก็บให้เข้าที่เข้าทางก่อนล่ะ”
“ขี้เกียจอะ ก็พี่กริมต้องเอาต้นไม้ลงกระถางอยู่แล้ว ทำไมเราต้องทำงานหลายรอบด้วยล่ะ มะนาวฝากพี่กริมเก็บของทีเดียวเลยดีกว่า”
พูดจบ เจ้าตัวก็เดินออกจากห้องครัวอย่างร่าเริง ติรยามองตามแล้วส่ายหน้าอย่างระอาระคนเอ็นดู ก่อนจะเดินตามหลังออกไปอีกคน หากจุดหมายของเธอเป็นสวนขนาดย่อมที่มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยตารางวา จำได้ว่าสวนนี้เดิมเป็นสวนไม้ประดับ แต่พักหลังคนสวนจากบ้านใหญ่ไม่ได้เข้ามาจัดแต่ง สภาพของมันจึงกลายเป็นสวนผสมแทน มีทั้งไม้ประดับเดิมซึ่งเหลือไม่ถึงครึ่ง เพิ่มเติมด้วยผักสวนครัวและผลไม้อย่างละต้นสองต้นจนคละไปทั่วบริเวณด้วยฝีมือป้าขวัญ
ติรยาเดินเลียบริมสวนตรงไปยังจุดที่มะนาวบอกว่าเตรียมดินลงกระถางไว้แล้ว เมื่อมาถึง เธอถึงกับเลิกคิ้วสูง
ก็เรียบร้อยดีนี่ ไม่แย่สักหน่อย…เดี๋ยวนี้มาตรฐานเริ่มสูงนะเรา
กระถางดินเผาวางเป็นแถวล้อมรอบโคนต้นมะพร้าวน้ำหอมอย่างเป็นระเบียบ ไม่เห็นว่ามันจะระเกะระกะอย่างที่มะนาวบอกสักหน่อย
ติรยาวางต้นกล้าเตยหอมกับว่านหางจระเข้ที่หิ้วติดมือลงกับพื้นดิน แล้วหย่อนกายนั่งยองๆ ก่อนจะเริ่มทำงานไปเงียบๆ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอก็ปลูกต้นกล้าลงในกระถางทั้งแปดใบเสร็จเรียบร้อย เธอทำเสร็จเร็ว เพราะมะนาวเตรียมทุกอย่างไว้ให้อย่างเรียบร้อยก่อนแล้ว
หญิงสาวลุกขึ้นยืนพลางปัดเศษดินที่ติดมือมือออก เมื่อเหลียวมองรอบตัวหวังจะหาน้ำล้างมือให้สะอาด พลันร่างของเธอก็เกร็งโดยอัตโนมัติ
หัวใจสาวเต้นโครมคราม ดวงตาหวานมองสบตาดวงตาคมคู่นั้นเขม็งอย่างไม่ยอมหลบ
เขายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียงกันบ้าง
“งานของเธอเสร็จแล้วหรือ”
“ค่ะ เอ่อ...เสร็จแล้ว”
“เธอกำลังจะล้างมือใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่เป็นไร ฉันล้างที่บ้านได้”
“ต้นไม้พวกนี้ล่ะ ปลูกเสร็จแล้ว ไม่ต้องรดน้ำหรือ”
ติรยาเหลือบสายตามองต้นกล้าในกระถางทั้งแปดใบ เธอยอมตามใจมะนาวที่ขนกระถางมาวางเสียไกล เพราะเหตุผลว่าจะกันพื้นที่หน้าสวนที่อยู่ใกล้บ้านพักไว้ให้ป้าขวัญปลูกผัก เพื่อหญิงชราจะได้ไม่ต้องเดินไกล
ใช่สินะ ตรงนี้ก็ไกลจากบ้าน เราลากสายยางมาไม่ถึงแน่ๆ แล้วเราจะเอาน้ำจากที่ไหนมารดต้นไม้พวกนี้
“ถ้าเธอไม่รังเกียจ ใช้น้ำจากบ้านฉันก็ได้”
เสียงห้าวทุ้มลอยมาจากผู้ชายที่ยังยืนกอดอกมองเธออยู่ใต้ต้นขนุนใหญ่ซึ่งอยู่ห่างแค่ไม่กี่เมตร
“ไม่เป็นไรค่ะ ต้นไม้พวกนี้ขาดน้ำได้ พรุ่งนี้ฉันค่อยมารด”
“พรุ่งนี้หรือ...พรุ่งนี้เธอจะหิ้วถังน้ำจากบ้านของเธอมารดน้ำต้นไม้ในกระถางนี้หรือ”
ดวงหน้าผุดผ่องเริ่มตูม เรียวปากอิ่มเม้มสนิท
ทำไมต้องถามจุกจิกด้วย เราจะทำอะไรก็เรื่องของเรา ไม่ต้องรู้ไปซะทุกเรื่องก็ได้
ติรยาคิดอย่างขุ่นเคือง หากเนื้อกายต้องแข็งทื่ออีกหนเมื่อเสียงห้าวทุ้มดังขึ้นมา...เหมือนว่าเขาอ่านใจเธอออก
“ฉันแค่แสดงน้ำใจกับเธอ”
“ฉัน เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้ฉันกับมะนาวจัดการได้”
เธอตั้งใจในวินาทีนี้ว่าจะชวนมะนาวมาขนกระถางทั้งแปดใบไปวางหน้าบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อไม่ต้องเจอเขาให้รู้สึกอิหลักอิเหลื่ออีก
ในจังหวะที่ชายหนุ่มเงียบ หญิงสาวไม่แม้แต่จะปรายตามอง ถึงจะเห็นจากหางตาว่าร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งในอิริยาบถเดิม และเธอมั่นใจว่าเขาจับตามองเธออยู่เช่นเดิมด้วย
ติรยาฉวยโอกาสหันหลังแล้วจ้ำเท้าหนีจากเขาเอาดื้อๆ หัวใจสาวเต้นระทึก แล้วเท้าทั้งสองข้างแทบสะดุดกันเองเมื่อเสียงของเขายังดังไล่หลังตามมาอีก
“เธอยังติดค้างขนมฉัน หวังว่าคงยังไม่ลืม ฉันให้เวลาเธอไม่เกินพรุ่งนี้”
ร่างกลมกลึงที่จ้ำหนีกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปในทิศทางบ้านพักคนงาน ทำให้ทายาทคนที่สองของอาณาจักรแห่งนี้ทอดมองตามด้วยแววตาประหลาดล้ำ
เธอไม่ได้ลืม แต่เธอรับปากแล้วจงใจเบี้ยว ถ้าไม่อย่างนั้น เมื่อกี้เธอคงไม่ทำท่าจะกระโจนหนีฉันอยู่ตลอดเวลาหรอก