Chapter 4 : รับการสู่ขอ(NCเบาๆ)
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
คุณนิคมออกจากห้อง I.C.U. และได้ย้ายขึ้นไปห้องพิเศษ ระดับ V.I.P ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยที่มีห้องผู้ป่วยและห้องพักญาติแยกกัน เนื่องจากพี่ ๆ ของเหนือสมุทรมีภารกิจติดพันอยู่ที่ต่างประเทศ ทุกคนจึงยังไม่สามารถกลับมาประเทศไทยได้ ชายหนุ่มจึงต้องรับหน้าที่ดูแลคุณนิคมและคุณกฤติยาเพียงคนเดียว
นลินนิภามาเยี่ยมคุณนิคมทุกวัน ส่วนคุณประพันธ์และคุณอริษาก็มาเกือบทุกวันเหมือนกัน ตั้งแต่คุณนิคมรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และวันนี้ก็เช่นกัน
“สวัสดีค่ะคุณพี่”
คุณอริษามารดาของนลินนิภาทักคุณกฤติยาขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องพิเศษ
“สวัสดีค่ะคุณน้อง ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียวคะแค่มาเยี่ยมพี่ก็ดีใจแล้วค่ะ ของเดิมเมื่อวันก่อนพวกเราก็ยังทานไม่หมดกันเลยค่ะ”
“นั่นสิครับคุณน้า ซื้อมาเยอะขนาดนี้ผมกับคุณแม่ก็อ้วนกันพอดีครับ”
ตั้มเอ่ยทักขึ้นขณะกำลังเดินไปรับของที่คุณอลิษาหิ้วมาอย่างพะรุงพะรัง
“ไม่เยอะเลยค่ะ วันนี้มีหอยจ้อ ผลไม้ไม่กี่อย่าง แล้วก็ผัดไทย หอยทอด น้ำพริกกุ้งเสียบเท่านั้นเองค่ะ”
“แล้วหนูฟ้าล่ะคะ? ไม่มาเหรอคะ? ไม่เห็นเลย”
คุณกฤติยาเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นนลินนิภา
“อ๋อ..ยัยฟ้าไปหาที่จอดรถค่ะเดี๋ยวก็คงตามขึ้นมาค่ะ”
“คุณประพันธ์ มา ๆ ๆ นั่งก่อนค่ะ กิ่มไปยกน้ำให้คุณ ๆ หน่อยนะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“กิ่ม!! กิ่ม!! กิ่ม!!”
“ค่ะ..คุณผู้ชาย”
“หนูฟ้ามาหรือยัง? ฉันได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอก หนูฟ้ามาแล้วเหรอ?”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นหลังจากนอนกลางวันได้พักใหญ่ ๆ
“กำลังมาค่ะคุณผู้ชาย ตื่นแล้วเหรอคะ ทานมื้อเที่ยงเลยไหมคะ?”
“ไม่!!..ฉันจะรอหนูฟ้ามาทานด้วย” เมื่อได้ยินคำตอบกิ่มก็ถอนหายใจตอบกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“ค่ะ”
“หึ!!..คุณผู้ชายตื่นแล้วสินะกิ่ม”
“ค่ะคุณผู้หญิง ตื่นมาก็ถามหาคุณหนูฟ้าเลยค่ะ”
“ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะคุณน้องคุณประพันธ์ ที่พี่ต้องรบกวนหนูฟ้าให้มาทุกวันก็เพราะคุณนิคมไม่เอาใครเลยค่ะ แม้แต่ตาตั้มที่เป็นลูกก็ไม่เอา เรียกหาแต่หนูฟ้าตั้งแต่อยู่ห้อง ไอ.ซี.ยู แล้วค่ะ พี่เองก็เกรงใจมาก ๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ”
คุณกฤติยาเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพี่ ยัยฟ้าเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรค่ะช่วงนี้ ให้มาช่วยดูแลคุณพี่นิคมก่อนก็ได้ค่ะไม่ต้องเกรงใจอะไรเลย พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติกันนั้นแหละค่ะ ยัยฟ้าเองก็เต็มใจอยู่แล้ว กระตือรือร้นที่จะมาดูแลคุณพี่นิคมทุกวันเลยค่ะ”
คุณอาลิสาพูดไปยิ้มไป
'ก็อก ๆ ๆ ๆ'
“คุณป้าสวัสดีค่ะ”
“อ้าวหนูฟ้า/ยัยฟ้า “
สองคนพูดพร้อมกัน จนคุณประพันธ์และตั้มที่นั่งฟังการสนทนาอยู่ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
“หนูฟ้า มาแล้วเหรอลูก? คุณลุงตื่นมาก็ถามหาหนูฟ้าเลยป้าก็ไม่รู้จะพูดยังไง เกรงใจหนูฟ้ามาก ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ฟ้ายินดีและเต็มใจค่ะ ไหนคะคุณลุง? จ๊ะเอ๋ ตื่นแล้วเหรอคะ?”
พอทักทายคุณกฤติยาเสร็จก็เดินไปที่ห้องของคุณนิคมพร้อมทักขึ้นด้วยหน้าตาที่สดใส
“หนูฟ้า..มาแล้วเหรอ? ทานอะไรมาหรือยังล่ะ มาทานข้าวกับลุงได้ไหม?”
“ได้แน่นอนสิคะ วันนี้ฟ้าซื้ออาหารอ่อน ๆ มาให้คุณลุงด้วยค่ะ เป็นข้าวต้มปลา เรามาทานด้วยกันนะคะ ป้ากิ่มคะฟ้าซื้อมาฝากทุกคนเลย ของป้ากิ่ม พี่ตั้มและก็ทุกคนอยู่ในนี้นะคะ ส่วนนี่ของคุณลุงค่ะ คิก ๆ”
นลินนิภาหันไปพูดกับป้ากิ่มที่อยู่ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วยและตั้มที่เดินตามหลังมา ตั้งแต่คืนนั้นคืนที่เธอสารภาพรักกับเขานลินนิภาเองก็ทำตัวปกติทุกอย่างเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ตั้มถึงกับสงสัยว่าเธอทำตัวปกติแบบนี้ได้ยังไง? ยืนมองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวจัดท่าให้ผู้เป็นบิดาของตนสำหรับทานมื้อเที่ยงอย่างคล่องแคล่วและชำนาญ
“เดี๋ยวผมทานด้วยนะครับคุณพ่อ”
“ได้สิ..เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมานานแล้ว มา ๆ ๆ กิ่มให้ตั้มทานด้วยนะ”
คุณนิคมที่พูดไม่ชัดนักเพราะปากเบี้ยวไปทางซ้ายได้พยายามตะเบงเสียงบอกให้คนที่คอยดูแลได้รับรู้ด้วยความดีใจว่าลูกชายคนสุดท้องจะมาทานข้าวกับเขา
นลินนิภารู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรทำตัวร่าเริงกลบเกลื่อนพูดกับคุณนิคมเสียมากกว่า ตั้มเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปเกินกว่าทานข้าวและคุยกับผู้เป็นบิดา
ขณะที่ห้องรับแขกก็พูดคุยกัน
“ดูสิคะขนาดจะกินข้าวยังต้องรอเลยค่ะ”
“นั่นสินะคะ”
คุณอริษาผู้เป็นมารดาของนลินนิภาพยักหน้าเห็นด้วย
“คุณประพันธ์และคุณน้องอริษาจะว่าอะไรไหมคะถ้าพี่จะขอให้หนูฟ้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่ ระหว่างที่ตาตั้มกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ น่ะค่ะ..พี่ไม่ได้ให้มาเฝ้าเปล่า ๆ นะคะ พี่มีค่าจ้างให้ด้วยค่ะ”
“ทางเราไม่มีปัญหาครับ แต่ก็ต้องดูยัยฟ้าด้วยว่าจะเป็นยังไง”
“พี่ไม่ได้ฟิกหรอกนะคะว่าจะต้องมาอยู่กี่ชั่วโมง คือประมาณว่าถ้าหนูฟ้าว่างวันไหนก็มา แต่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ก็ดูคุณนิคมสิคะติดหนูฟ้าอย่างกะตังเมยิ่งกว่าเด็กติดแม่ซะอีก ที่อาการคุณนิคมดีวันดีคืนนี่พี่กล้าพูดได้เลยนะคะว่าเป็นเพราะหนูฟ้าน่ะค่ะ”
“ก็แล้วแต่ยัยฟ้าเลยค่ะ สากับคุณประพันธ์ได้ทั้งนั้นแหละคุณพี่” คุณอริสาพูดไปยิ้มไป ทำให้คุณกฤติยารู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก แม้ไม่ได้สนิทถึงกับทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ก็เจอกันตามกลุ่ม ตามงานต่าง ๆ พูดคุยกันบ้างตามประสา ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วครอบครัวนี้จะน่ารักขนาดนี้
...
เวลาผ่านไปจนมืดค่ำที่ครอบครัว ‘เอกธนนรากุล’ มาเยี่ยมคุณอาคม คุณประพันธ์ก็เข้าไปคุยกับคุณอาคม ฟ้า และหมอตั้ม ส่วนคุณอริษากับคุณกฤติยาก็พูดคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อเห็นว่าค่ำแล้วคุณประพันธ์จึงขอตัวกลับพร้อมภรรยาและลูกสาว
“ผมกลับก่อนนะครับคุณนิคม หากคุณไม่เบื่อพรุ่งนี้ผมและครอบครัวจะมาเยี่ยมอีก”
“ไม่เบื่อเลยครับ มาทุกวันเลยนะครับ ผมจะได้ไม่รู้สึกเหงาครับ จะได้ลืม ๆ ช่วงเวลาได้”
“อย่าคิดมากเลยนะครับ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะครับ”
คุณประพันธ์ปลอบคุณนิคมด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างอบอุ่นและจริงใจ
“ก็มีหนูฟ้า และทุกคนนี่แหละครับที่เป็นแรงใจให้ผม หากไม่มีหนูฟ้า และทุกคนผมก็ไ่ม่รู้จะอยู่บนโลกนี้ไปทำไมอีก ต้องกลายเป็นคนพิการทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เตรียมใจเลยครับ” คุณนิคมพูดออกมาน้ำตาคลอเบ้า แม้จะไม่ค่อยชัดแต่ทุกคนก็รู้ว่าคุณนิคมพูดว่าอะไร
“อย่าพูดอย่างนี้สิคะคุณลุง คุณลุงยังมีพวกเราอยู่เคียงข้างนะคะ..มาค่ะฟ้าว่าคุณลุงเข้านอนดีกว่านะคะได้เวลานอนแล้วค่ะ”
“นี่เป็นหนูฟ้าหรอกนะ ที่สั่งลุงได้ คนอื่นลุงไม่ทำตามหรอก”
“เป็นเกียรติที่สุดเลยค่ะ คิก ๆ พรุ่งนี้ฟ้ามาใหม่นะคะ วันนี้ค่ำแล้วคุณลุงนอนนะคะ”
“ขอบใจหนูฟ้ามากนะที่มาช่วยดูแลลุง ลุงไม่รู้จะตอบแทนหนูยังไงเลย”
“แค่คุณลุงดูแลตัวเอง และมีชีวิตอยู่ให้ยืนยาวต่อไปก็เป็นรางวัลตอบแทนให้หนูแล้วล่ะค่ะ คุณลุงพักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ จะได้แข็งแรงเร็ว ๆ”
“ครับ” คุณนิคมรับคำหลับตา นลินนิภาปิดไฟ เปิดไฟหัวนอนไว้เผื่อคุณพยาบาลเข้ามาวัดไข้วัดความดัน
ตั้มเดินตามหลังนลินนิภาออกมา
“น้องฟ้าพี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิคะ”
“หือ?..พี่ตั้มจะคุยอะไรกับฟ้าเหรอคะ?”
“ไปคุยกันตรงทางระเบียงข้างนอกได้ไหมคะ?”
“ดะ..ได้สิคะ”
“คุณแม่ คุณน้า เดี๋ยวตั้มพาน้องฟ้าไปหาน้ำดื่มสักแก้วก่อนนะครับ ค่อยกลับไม่นานหรอกครับ”
“ได้สิจ๊ะ”
คุณอริษายิ้มกว้างตอบออกไป
เมื่อมาถึงระเบียงตั้มก็เอ่ยขึ้น
“ที่น้องฟ้าบอกว่าชอบพี่วันก่อนเป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”
ตั้มถามด้วยความประหลาดใจ เขาเก็บไปคิดแทบทุกวันตั้งแต่วันนั้นว่านลินนิภาชอบเขาได้ยังไง? และตรงไหน? ทำไมเข้าไม่รู้ตัวเลย?
“จริงค่ะ..แต่ตอนนี้ฟ้ารักพี่ตั้มในฐานะพี่ชายแล้วค่ะ”
นลินนิภาตอบกลับออกมาอย่างหน้าตาเฉย แต่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเจ็บแปล๊บออกมาจากหัวใจทันที
“ทำไมรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาวะ?”
ตั้มถามตัวเองในใจออกมา
พี่ตั้มมีธุระกับฟ้าแค่นี้เองเหรอคะ?..หึ!?” นลินนิภาทำตาแป๋วถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ครับ”
“โธ่..ฟ้าก็คิดว่าเรื่องอะไรซะอีก คิก ๆ ๆ พี่ตั้มไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เรื่องระหว่างพี่ตั้มกับขวัญฟ้าไม่ก้าวก่ายแน่นอนอยู่แล้วค่ะ พี่ตั้มกับขวัญเป็นรักแรกของกันและกัน ฟ้าดีใจจะตายที่พี่กับขวัญคบกัน พี่ตั้มอย่าเอาเรื่องที่ฟ้าสารภาพรักมาคิดมากเลยนะคะ ฟ้าทำใจได้แล้วค่ะ พอได้บอกพี่ตั้มไปฟ้าก็โล่งเหมือนไม่มีอะไรติดค้าง ก็เหมือนที่ฟ้าบอกพี่ตั้มวันก่อนนั่นแหละค่ะ คิก ๆ ๆ แล้วที่ฟ้ามาดูแลคุณลุง ก็เพราะฟ้าอยากทำจริง ๆ ค่ะ ฟ้าไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำอะไรเลย พี่ตั้มสบายใจได้เลยนะคะ”
นลินนิภาเอามือตบเข้าที่ต้นแขนซ้ายของชายหนุ่มเบา ๆ เพื่อแสดงความจริงใจ ตั้มพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับคำ
“ครับ”
“งั้นฟ้ากลับก่อนนะคะ มืดแล้วขี้เกียจขับรถช้า ๆ น่ะค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อบ่น คิก ๆ ๆ ๆ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ”
“ได้เลยค่ะ”
...
เมื่อสามคนพ่อ แม่ ลูก อยู่บนรถระหว่างทางกลับไร่คุณประพันธ์ที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับก็เอ่ยขึ้น
“ท่าทางคุณกฤติยากับคุณนิคมจะชอบลูกสาวเรามากเลยนะแม่ ชมไม่หยุดเลย”
“นั่นสิคะคุณ แหมะนี่ถ้าคุณกฤติยาเอ่ยปากสูขอลูกฟ้าของเรา ฉันจะใส่พานถวายให้เลยค่ะคุณ คิก ๆ ๆ”
“แม๊!!..พูดแบบนั้นได้ยังไงกันคะ? พี่ตั้มกับปลอบขวัญกำลังคบกันอยู่นะคะ”
“อ้าว..จริงเหรอ? แม่นึกว่าเลิกกันตั้งแต่ตาตั้มไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วซะอีก ที่ไหนได้กลับมาคบกันแล้วเหรอ?”
“นั่นสิ เห็นช่วงหนึ่งคุณกฤติยาก็บอกพ่อว่าตั้มเลิกกับหนูขวัญแล้ว”
“ว้า..เสียดายจังเลยนะคะ หนุ่มหล่อไฟแรง หน้าตาคมสันขนาดนั้นเหมาะกับลูกฟ้าเราอย่างกะกิ่งทองใบหยก แต่ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวแม่หาคนใหม่ใหม่ เอาหล่อ ๆ เลย ไม่ต้องรวยก็ได้เพราะบ้านเรารวยอยู่แล้ว คิก ๆ ๆ”
“คุณพ่อ คุณแม่เนี่ยพูดอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ฟ้าเป็นผู้หญิงนะคะไม่ใช่ผู้ชาย ที่จะไปจีบคนนั้นคนนี้อ่ะค่ะ”
“ก็พ่อกับแม่อยากอุ้มหลานนี่นา หนูฟ้าของแม่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้ว จะ 30 อยู่มะรอมมะร่ออยู่แล้ว ยังไม่มีแฟนเลย”
“ฟ้ายังไม่เจอคนที่ถูกใจต่างหากล่ะคะคุณแม่ จริง ๆ ฟ้าก็เคยมีแฟนค่ะคุณพ่อ คุณแม่ แต่ทุกคนก็ไม่ใช่อย่างที่ฟ้าต้องการค่ะ ฟ้าเลยเลิกอีกอย่างฟ้าคิดว่าตัวคนเดียวสบายกว่าค่ะ”
“หึ..ยังไงก็ได้ พ่อกับแม่ก็ตามใจหนูทุกอย่างเรื่องแหละ”
“แบบนี้สิคะ สมกับเป็นคุณพ่อของฟ้า คิก ๆ ๆ”
....
สามเดือนผ่านไป
กว่า 3 เดือนแล้วที่ตั้มบินไป บินมา ระหว่างเมืองหลวงและบ้านเกิดของเขา ตัังแต่แยกตัวกับปลอบขวัญวันนั้นความสัมพันธ์ของเขาและปลอบขวัญก็ไม่พัฒนาขึ้นเลย สองสามวันส่งสติ๊กเกอร์หรือทักทายกันเท่านั้นวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ตั้มเดินทางกลับมาที่บ้านเนื่องจากคุณนิคมออกจากโรงพยาบาลแล้วและคุณหมออนุญาตให้มาพักฟื้นที่บ้านได้ โดยมี ฟ้า หรือ นลินนิภาดูแลอย่างไม่ห่าง
“อ้าวตั้ม มาแล้วเหรอลูก?”
“ครับแม่”
“เดี๋ยวตั้มอยู่กับคุณพ่อแล้วก็หนูฟ้าก่อนนะจ๊ะ แม่จะออกไปธุระสักเดี๋ยว”
“คุณแม่จะไปไหนครับ? ตั้มไปส่งก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรจ้า แม่ไปกับลุงไก่ได้ลูก เดี๋ยวแม่มานะ”
“งั้นก็ได้ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“จ้า”
...
ไร่เอกธนนรากุล
“สวัสดีค่ะคุณพี่/สวัสดีครับคุณกฤติยา” สองสามีภรรยาเจ้าของไร่เดินออกมาต้อนรับอย่างเป็นกันเองและประหลาดใจเมื่อคุณกฤติกาโทรมาบอกว่ามีธุระจะคุยด้วยและกำลังเดินทางมาที่ไร่ของตน
“สวัสดีค่ะคุณน้องอริษา คุณประพันธ์”
“เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะคุณพี่แล้วนี่พาใครมาด้วยคะ?”
“ขอบคุณค่ะ นี่เป็นพี่ชายของพี่เองค่ะ เป็นเจ้าของธนาคารโคโค่ ชื่อคุณเกียรติกรค่ะ พี่เกียรติคะนี่คุณพ่อคุณแม่ของหนูฟ้าค่ะ”
“สวัสดีครับ” คุณเกียรติกรทักทายสองสามีภรรยาขึ้น สองสามีภรรยายกมือไหว้เพราะดูอีกฝ่ายน่าจะอายุมากว่าตน
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณเกียรติกร”
“ยัยฟ้าทำอะไรให้คุณพี่ไม่สบายใจหรือเปล่าคะ? ถึงมาที่นี้ด้วยตัวเองเลย”
“เปล่า ๆ ๆ ๆ จ้า พี่มีเรื่องอยากจะมาคุย มาปรึกษาหารือกับคุณน้องและคุณประพันธ์ค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“ก็เรื่องหนูฟ้ากับตาตั้มน่ะค่ะ”
“ครับ?/คะ?”
“พี่อยากจะมาสู่ขอหนูฟ้าให้ตาตั้มอ่ะค่ะ วันนี้พี่ก็พาผู้ใหญ่ฝั่งพี่มาด้วยเพื่อเป็นสักขีพยานค่ะ”
“ห๊ะ!!?/ห๊ะ!!” สองสามีภรรยาอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจ คุณอริษาถึงกับเอามือทาบอก
“ตาตั้มคบกับหนูปลอบขวัญอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?” คุณประพันธ์ถามออกมาตรง ๆ เพราะรู้มาจากลูกสาวของตน
“คะ?..ค่ะพี่ก็เรียนตามตรงนะคะ ว่าตาตั้มกำลังตามจีบหนูขวัญอยู่ค่ะ แต่พี่ก็ถามตาตั้มแล้วค่ะว่ากับหนูขวัญเป็นยังไงบ้าง? ตาตั้มก็บอกว่าเรื่อย ๆ และช่วงนี้ก็ไม่ได้คุยกันเลย เรียกว่าห่างกันไปก็ว่าได้ค่ะพี่ก็เลยมาปรึกษาคุณน้องและคุณประพันธ์นี่แหละค่ะ ว่าอยากจะให้ลูก ๆ ของเราได้แต่งงานกัน”
“มันจะดีเหรอครับที่ไม่ปรึกษาลูก ๆ กันก่อน? นี่มันก็ยุคไหนสมัยไหนไปแล้วนะครับ การคลุมถุงชนนี่มันล้าสมัยไปแล้วนะครับ” คุณประพันธ์ท้วงขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยเพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยบังคับลูกเลยสักครั้ง
“มันก็เป็นการดีกว่าไม่ใช่เหรอคะ? ที่เราได้มาพูดคุยกันก่อน เราเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงลูก ๆ ก็เชื่อฟังอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ? พี่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกับคุณน้องและคุณประพันธ์จริง ๆ นะคะ อีกอย่างอีกสองเดือนข้างหน้าตาเต้ กับ ตาต้าพี่ชายของตาตั้ม จะมารับคุณนิคมไปรักษาตัวที่ต่างประเทศน่ะค่ะ คุณนิคมอยากพาหนูฟ้าไปด้วยแต่ไม่อยากให้ไปในฐานะคนดูแล คุณนิคมกับพี่เลยปรึกษากันว่าจะมาขอหนูฟ้าให้แต่งงานกับตาตั้มน่ะค่ะ”
“เรื่องนี้ผมแล้วแต่หนูฟ้าครับ ผมและคุณสาไม่สามารถตัดสินใจแทนลูกได้หรอกครับ”
“เอาเถอะค่ะคุณ เดี๋ยวฉันจะลองคุยกับลูกดูเองก็แล้วกันนะคะ..ถ้าคุณพี่ยืนยันว่าตาตั้มกับหนูขวัญไม่ได้มีอะไรกันแล้ว น้องก็พูดกับหนูฟ้าให้ก็แล้วกันนะคะ”
“คุณสา!?”
คุณนิคมทักท้วงไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันทีแต่เสียงก็ไม่ดังพอที่คุณอริษาจะได้ยิน
“เอาเถอะน่าคุณ เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ คุณอยู่เฉย ๆ เถอะ คุณพี่กฤติยาอุตส่าห์เดินทางมาด้วยตัวเองและก็พาผู้ใหญ่มาด้วยเป็นอันว่าน้องยินดีรับการสู่ขอของคุณพี่กฤติยาและคุณเกียรติกรค่ะ
“อย่างนั้นก็ดีที่สุดเลยค่ะเดี๋ยวพี่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกตาตั้มกับหนูฟ้านะคะ”
“ค่ะ”
...
เมื่อคุณกฤติยากลับไปแล้ว คุณประพันธ์ถึงกับเอ็ดคุณอริษาเสียงดัง
“คุณจะบังคับลูกให้แต่งงานไม่ได้นะคุณสา!!”
“คุณ..คุณไม่เคยเห็นสายตาที่ยัยฟ้ามองตาตั้มบ้างเหรอคะ?”
“ผมรู้ผมเห็นตลอด ว่าตาตั้มมองลูกเราตลอดเวลา..เดี๋ยวนะ!? คุณจะบอกว่าสองคนนี้เค้ามีความรู้สึกดี ๆ ให้กันอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็อาจเป็นไปได้นะคะ ลูกสาวเราเป็นคนมีน้ำใจก็จริง แต่ถึงกับไปกินไปนอนอยู่ที่บ้านคุณพี่กฤติยาแบบนี้คุณไม่คิดว่ามันแปลก ๆ บ้างเหรอคะ?”
“อืม..ก็น่าคิดนะ”
“แล้วตาตั้มน่ะ จะลงมาที่บ้านทำไมทุกอาทิตย์ ทั้ง ๆ ที่มียัยฟ้าดูแลคนในครอบครัวให้อยู่แล้ว คุณลองคิดดูให้ดี ๆ สิคะ ฉันเห็นว่ามันเป็นแบบนี้แหละฉันถึงกล้าตกลงรับการสู่ขอ แต่ยุคนี้สมัยนี้แต่งกันไปอยู่กันไม่ได้ขึ้นมาก็จบกันด้วยดีได้นี่คะ ไม่เห็นต้องโมโหอะไรเลย”
“ก็ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยบังคับลูกนี่นาคุณ เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่จะตัดสินใจโดยพละการไม่ได้หรอกนะ”
“ยังไงยัยฟ้าก็จะต้องแต่งงานกับตาตั้มค่ะ”
“ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ!?”
“ฉันรู้ก็แล้วกันค่ะ คิก ๆ”
คุณอริษาหัวเราะคิกคัก เดินเข้าห้องไปคุณประพันธ์เดินตามไป
“คุณบอกมาเลยนะว่าคุณรู้ได้ยังไง? ถ้าไม่บอกผมจะข่มขืนคุณมานี่” คุณประพันธ์กระโดดกอดคุณอริษาจากข้างหลัง แม้จะแต่งงานกันมากว่า 30 ปีแล้ว ความหวานของทั้งคู่ก็ไม่ได้ลดลงเลย
“ว้าย!!..ไม่บอกค่ะ คิก ๆ ๆ” คุณอริษาทำท่าเหมือนโดนปลุกปล้ำล้มตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม คุณประพันธ์คว้ากุญแจมือที่อยู่ในกล่องบนหัวนอนมาล็อกมือของคุณอริษาไว้
“ว้าย!! กรี๊ดปล่อยฉันนะ ๆ ช่วยด้วย ๆ”
คุณอริษาทำว่ากำลังถูกกระทำร้องโวยวาย คุณประพันธ์ค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อของเธอ จากนั้นวาดลิ้นบนเรือนร่างที่ขาวผ่องของผู้เป็นภรรยา ดูดเม้มสองปทุมถันอย่างเอร็ดอร่อยเสียงดังจ๊วบจ๊าบ
“อืมมมม..บอกมาซะดี ๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่คนนี้ไม่เตือน ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ไม่ ๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ อ๊าาา”
คุณอริษารู้ากเสียวซ่านไปหมดทั้งตัว คุณประพันธ์จับเธอพลิกคว่ำยกก้นงอนงามขึ้นมาคุณประพันธ์ถลกกระโปรงของเธอขึ้นสองมือประคองบั้นท้ายงามโลมเลียประหนึ่งบั้นท้ายนั้นคือไอศกรีมรสกะทิ
“อะ..อาาาา..คุณประพันธ์เสียวจังเลยค่ะ อาาา”
“ตอนนี้ผมเป็นโจรปล้นใจครับคุณผู้หญิง (งับ)” คุณประพันธ์งับไปที่บั้นท้ายงอนไปหนึ่งที
“โอ๊ย!!”
‘เปรี๊ยะ!!’
“โอ๊ย..ซี๊ดดดด..แรงอีกนิดค่ะ คุณโจร”
'เปรี๊ยะ!!' คุณประพันธ์คว้าแส้ในกล่องบนหัวเตียงมาฟาดลงที่บั้นท้ายงอนสวยอย่างแรงจนบั้นท้ายงอนเป็นรอยแดง
“ร้องแบบนี้มันได้อารมณ์จริง ๆ ครับคุณผู้หญิง อาาา” คุณประพันธ์ทนไม่ไหว ถอดกางเกงวอร์มที่ใส่อยู่ออกอย่างรวดเร็ว สอดใส่แท่งเอ็นร้อนของเขาเข้าไปที่ร่องสวาทของคุณอริสาจนเจ้าตัวถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่าน
“โอ๊ะ..โอ้วววว..คุณโจร แรง ๆ เลยค่ะ แรง ๆ เลย ซี๊ดดดดด อาาาา”
“จัดให้ครับคุณผู้หญิง”
สองสามีภรรยาเล่นบทโจรปล้นใจอย่างมีความสุขในห้องนอนสีครีมที่แสนอบอุ่น จนคุณอริษาแทบจะสำลักความสุขออกมา
