ตอนที่5 แสดงได้ดี
ตำหนักเฉียนชิง
หลังจากกลับมาจากตำหนักคุนหนิง หนิงเฉิงฮ่องเต้ก็สั่งองครักษ์ลับให้คอยดูหลี่เยว่เล่อและอ๋องน้อยเหลียนเอาไว้ไม่ให้คาดสายตา เพราะเขาเองมั่นใจว่าการมาของสองคนนี้ไม่ได้เพียงเพื่อมาพบกับสวี่ฮองเฮาในฐานนะสหายที่ไม่ได้พบเจอกันมานานอย่างที่อ๋องน้อยเหลียนได้กล่าว
“จางหยง ทหารชายแดนส่งรายงานมาหรือยัง”
“ส่งมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่"
“ไม่มีการเคลื่อนกองกำลังอันใดพ่ะย่ะค่ะ ส่วนชาวบ้านและพ่อค้าที่เดินทางเข้าออกแคว้นเหลียนก็ดูเป็นปกติ ส่วนคนที่ติดตามท่านอ๋องน้อยเหลียนมาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ”
“หากมีความผิดปกติอันใดให้รีบมารายงานเราในทันที”
เฟิ่งจางหยงเห็นท่าทางหนิงเฉิงฮ่องเต้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องไปพบพิรุธอันใดมาเป็นแน่ จึงได้ส่งองครักษ์ลับไปจับตาดูหลี่เยว่เล่อไว้และยังรั้งนางเอาไว้ในวังอีกด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามเพราะเห็นว่าหนิงเฉิงฮ่องเต้ทรงนั่งอ่านฎีกาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
เฟิ่งจางหยงมองหน้าสหายที่นั่งเคร่งขรึมอยู่กับฎีกาตรงหน้า ตั้งแต่เขาขึ้นครองราชย์ก็แทบไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันถึงเรื่องใดเลย มีเพียงเรื่องบ้านเมืองและภารกิจต่าง ๆที่หนิงเฉิงฮ่องเต้สั่งเท่านั้นที่จะพูดคุยกัน
‘สหายข้าเจ้าไม่โศกเศร้าแล้วจริง ๆใช่หรือไม่ หรือที่เจ้าไม่ปล่อยให้ตนเองวางเช่นนี้เพียงเพื่อไม่ให้ตัวเจ้าเองคิดถึงเรื่องเศร้าเหล่านั้น’ เฟิ่งจางหยงได้แต่คิดอยู่ในใจ เพราะไม่ว่าหนิงเฉิงฮ่องเต้จะเข้มแข็งขึ้นจริงหรือไม่ เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เขากลัวว่าหากหนิงเฉิงฮ่องเต้ยังทำใจกับเรื่องของพี่ชายไม่ได้หากเอ่ยขึ้นจะเป็นการตอกย้ำจิตใจของสหาย
หนิงเฉิงฮ่องเต้เงยหน้ามองเฟิ่งจางหยงที่ยืนจ้องมองเขาอยู่ ถึงเขาไม่เอ่ยอันใดแต่หนิงเฉิงฮ่องเต้รู้ดีว่าสายตาที่มองมานี้กำลังสื่อว่าอย่างไร เพราะแววตาของเฟิ่งจางหยงที่มองเขาเหมือนกันกับตอนที่เขาสูญเสียมารดาไป
“จางหยง สายตาเจ้ามีหรือเราจะดูไม่ออก อย่าห่วงเราเลยเราไม่เป็นไร เอาไว้ว่างๆ เรามาดื่มสุราด้วยกันดีหรือไม่” หนิงเฉิงฮ่องเต้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรอ” เฟิ่งจางหยงส่งยิ้มกลับ ความรู้สึกกังวลราวกับมลายหายไปในทันที
ตำหนักคุนหนิง
หลังจากที่หลู่ม่านม่านปรนนิบัติอาบน้ำแต่งตัวให้หลี่เยว่เล่อเสร็จ นางก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆตั้งแต่สวี่เยว่ซินได้แต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาให้หลี่เยว่เล่อฟัง เพราะหากจะคุยกันเรื่องอดีตตั้งแต่ตอนที่อยู่แคว้นเหลียนก็กลัวว่าเหล่านางกำนัลขันทีจะนึกสงสัยตัวตนของหลี่เยว่เล่อได้ จึงคุยเรื่องหลังจากที่สวี่เยว่ซินแต่งมาเป็นฮองเฮาแล้ว
หลี่เยว่เล่อเมื่อได้ยินเรื่องที่หลู่ม่านม่านเล่าให้ฟังก็นึกโกรธเคืองแทนน้องสาวเป็นอย่างมาก ทั้งนางสนมทั้งนางกำนัลและคนที่นางนึกโกรธเคืองที่สุดคงหนีไม่พ้นหนิงเฉิงฮ่องเต้ ที่ไม่คิดจะปกป้องเอาใจใส่น้องสาวของนางปล่อยให้ผู้อื่นมารังแก แต่นางก็ทำอันใดไม่ได้ทำได้เพียงเก็บความโกรธนี้ไว้ในใจ ‘ข้าลงบัญชีพวกเจ้าไว้แล้ว รอวันชำระได้เลย’
“เจ้านำทางเราไปที่ เราจะไปดูอาการของฮองเฮาเสียหน่อย”
หลู่ม่านม่านนำทางมายังห้องบรรทมของสวี่ฮองเฮา ภายในจัดตกแต่งได้สมกับฐานะของฮองเฮา อากาศภายในค่อนข้างอบอุ่นกลิ่นของสมุนไพรตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง หลี่เยว่เล่อกวาดตามองเหล่านางกำนัลขันทีที่คอยรับใช้อยู่ภายในห้องนี้
นางกำนัลขันทีในห้องบรรทมนี้ยังถือว่าดีกว่าที่อยู่ด้านนอก ดูแล้วยังรู้จักหน้าที่ของตน และรู้ว่าสวี่เยว่ซินอยู่ในฐานะใดถึงจะมีกันอยู่ไม่ถึง5คน แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนที่พอใช้งานได้ หลี่เยว่เล่อยืนคิดไตร่ตรองอยู่ในใจ
เมื่อสวี่ฮองเฮารู้ว่าหลี่เยว่เล่อมาเยี่ยมก็สั่งให้ทุกคนออกไป เมื่อทุกคนออกจากห้องไปแล้ว หลี่เยว่เล่อรีบจับมือของสวี่เยว่ซินไว้ และเขียนอักษรลงในฝ่ามือของสวี่เยว่ซิน เพื่อบอกว่ามีองครักษ์ลับคอยฟังที่ทั้งสองพูดคุยกัน
สวี่เยว่ซินเมื่อรู้ความหมายที่หลี่เยว่เล่อสื่อจึงพยักหน้าตอบ ก่อนจะหาเรื่องอื่นพูดคุยกัน
“ข้าเสียใจเรื่องท่านหลี่และฮูหยินหลี่ด้วยนะ เพราะร่างกายข้าอ่อนแอถึงรู้ข่าวแต่ก็ไม่สามารถไปแสดงความเสียใจกับเจ้าได้ ทำได้เพียงเขียนจดหมายหาเจ้าเท่านั้น”
“ฮองเฮาเพคะ พระองค์อย่าได้เอ่ยวาจาตัดพ้อตัวเองเช่นนั้น เพียงแค่นี้หม่อมฉันก็ดีใจมากแล้วเพคะ” ทั้งสองพี่น้องยิ้มให้กัน มือทั้งสองจับกันไว้แน่น
“เยว่เล่อ แล้วตอนนี้ใครดูแลกิจการให้เจ้าอย่างนั้นหรือ”
“หม่อมฉันให้ท่านลุงชุนและบุตรชายของเขามาช่วยดูแลชั่วคราวเพคะ”
ทั้งสองพี่น้องถึงจะมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะพูดคุยกันแต่ก็กลัวว่าคนที่ถูกหนิงเฉิงฮ่องเต้ส่งมาคอยจับตาดูจะจับได้ว่าทั้งสองไม่ใช้สหายกันจึงไม่ได้พูดคุยอันใดกันมากนัก บวกกับร่างกายของสวี่เยว่ซินก็ยังไม่สู้ดี หลี่เยว่เล่อจึงได้ขอตัวเพื่อให้สวี่เยว่ซินพักผ่อน
“พระองค์ร่างกายยังไม่แข็งแรงนักควรพักรักษาตัวให้ดี หม่อมฉันเห็นอุทยานในตำหนักของพระองค์สวยมาก หากมีโอกาสก็อยากไปนั่งชมดูดอกไม้กับพระองค์สักครั้ง”
“ได้สิ วันนี้เจ้าก็เดินทางมาไกล กลับไปพักผ่อนเถอะ”
สวี่เยว่ซินรู้ว่าหลี่เยว่เล่อต้องการที่จะหาที่โล่งเพื่อที่จะได้มองเห็นคนที่แอบฟัง และจะได้พูดคุยกับนางได้สะดวก แต่ตอนนี้ร่างกายของนางยังถูกลมหนาวไม่ได้ นางไม่รู้ว่าทำไมช่วงสองสามเดือนมานี้ร่างกายของนางถึงได้แย่ลงมากขนาดนี้
เมื่อองครักษ์ลับเห็นว่าหลี่เยว่เล่อออกจากห้องบรรทมของสวี่ฮองเฮาแล้ว และหลู่ม่านม่านก็กลับมาอยู่ดูแลสวี่ฮองเฮาตามปกติ เขาจึงกลับไปรายงานเรื่องราวทุกอย่างที่ได้ยินให้หนิงเฉิงฮ่องเต้ฟัง
“ในเมื่อไม่มีอะไรน่าสงสัย เช่นนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องคอยจับตาดูนางแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา”
ความจริงหนิงเฉิงฮ่องเต้ก็ไม่ได้อยากให้องครักษ์ลับจับตาดูหลี่เยว่เล่อหากว่านางกับสวี่ฮองเฮาไม่มีแสดงท่าทีทำให้เขาสงสัยเพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นสตรี การที่ให้บุรุษคอยจับตามองนางก็ดูไม่ควร
วันต่อมา
หลังจากประชุมเช้ากับเหล่าขุนนางเสร็จ หนิงเฉิงฮ่องเต้ก็เรียกหมอหลวงมาเอ่ยถามถึงอาการของสวี่ฮองเฮาก่อนที่เขาจะสั่งให้ห้องเครื่องจัดอาหารอ่อน ๆรวมถึงของว่างกับน้ำชาส่งไปยังตำหนักคุนหนิง
เมื่อห้องเครื่องจากตำหนักเฉียนชิงมาส่งอาหารที่ตำหนักคุนหนิงก็สร้างความประหลาดใจให้เหล่านางกำนัลขันทีภายในตำหนักคุนหนิง รวมถึงเหล่าสนมที่มาถวายพระพรเช้าแก่สวี่ฮองเฮาอีกด้วย
“ฮองเฮาเพคะ อาหารและของว่างเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ฝ่าบาทสั่งห้องเครื่องตำหนักเฉียนชิงให้ทำเพื่อพระองค์เพียงผู้เดียวเลยนะเพคะ”
หลู่ม่านม่านตะโกนบอกเสียงดังต่อหน้าเหล่านางสนมที่เข้าเฝ้าอยู่ ทุกคนล้วนต่างพากันไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่หลี่เยว่เล่อที่ไม่ได้อยู่ในวังมาก่อนยังดูออกว่าสนมเหล่านี้ต่างพากันอิจฉาริษยาสวี่ฮองเฮามากเพียงใด
“เช่นนั้นพวกหม่อมฉันไม่อยู่รบกวนพระองค์เสวยอาหารแล้วเพคะ พวกหม่อมฉันทูลลา”สนมนางหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนที่สนมคนอื่น ๆจะกล่าวตามและเดินจากไป
สวี่ฮองเฮายังไม่ทันอนุญาตพวกนางก็สะบัดหน้าออกไปแล้ว หลี่เยว่เล่อเห็นท่าทางอวดดี ไม่เคารพต่อสวี่ฮองเฮาก็อยากสั่งสอนพวกนาง แต่หลี่เยว่เล่อรู้ดีว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อพวกนางออกไปหมดจึงได้เอ่ยกับสวี่ฮองเฮาและหลู่ม่านม่าน
“หม่อมฉันที่เป็นแขกของพระองค์อยู่ด้วยพวกนางยังไม่ไว้หน้าพระองค์ เช่นนั้นตอนที่หม่อมฉันไม่อยู่พวกนางคงรักแกพระองค์สินะเพคะ ใช่หรือไม่หลู่ม่านม่าน”
“ใช่เจ้าค่ะ วันนี้พวกนางเสแสร้งแกล้งให้เกียรติฮองเฮามากกว่าปกติเพราะท่านเลยนะเจ้าคะ” หลู่ม่านม่านรีบเอ่ย
สวี่ฮองเฮา หันมามองหลู่ม่านม่าน ก่อนที่จะส่งสายตาเชิงตำหนิ
“เช่นนี้เรียกว่าให้เกียรติแล้วอย่างนั้นหรือ แสดงละครได้แย่ไปหน่อยกระมัง”
“ใช่เจ้าค่ะ พวกนางแสดงได้แย่ แต่มีผู้หนึ่งแสดงได้ดีมาก”
สวี่เยว่ซินกับหลี่เยว่เล่อหันมามองกัน เพราะที่สองคนพี่น้องเห็นก็ไม่มีสนมคนไหนที่เก็บอาการอยู่สักคน
“ใครกัน ที่ข้าเห็นก็ไม่มีใครที่จะแสดงได้ดีจนจับไม่ได้ ข้าก็เห็นหางโผล่กันทุกคน” หลี่เยว่เล่อเอ่ยขึ้นเพราะความสงสัย
“คนที่ไม่ต้องออกมาหน้าม่าน แต่ทำให้ทุกคนแสดงตัวตนที่แท้จริงได้ยังไงล่ะเจ้าคะ” หลู่ม่านม่านเอ่ยพร้อมหัวเราะเบาๆ
“เจ้าบังอาจเกิดไปแล้ว หากใครได้ยินเข้าจะทำยังไง” สวี่ฮองเฮาเอ่ยตำหนิหลู่ม่านม่านทันที