ตอนที่6 แผนการล่อสายลับ
หลังจากที่หลู่ม่านม่านโดนสวี่เยว่ซินตำหนิหลู่ม่านม่านก็นิ่งเงียบราวสำนึกผิด สวี่เยว่ซินเห็นท่าทางของนางก็รู้สึกผิดที่ดุหลู่ม่านม่านไปแบบนั้น ถึงอย่างไรหลู่ม่านม่านก็เติบโตมากับนาง หากไม่ใช่ต้องคอยดูแลคนขี้โรคอย่างนาง หลู่ม่านม่านก็คงเติบโตมาเป็นหญิงสาวที่สดใสร่าเริงมากกว่านี้
ด้วยนิสัยที่เป็นคนร่าเริงช่างพูด ไม่ชอบเก็บอาการ คิดและรู้สึกอย่างไรก็มักจะเอ่ยออกมาอย่างนั้น การใช้ชีวิตนอกวังคงเหมาะกับหลู่ม่านม่านเสียมากกว่า แต่บัดนี้เพราะสวี่เยว่ซินทำให้หลู่ม่านม่านต้องติดอยู่ในกำแพงแห่งนี้ เพราะเหตุนี้เมื่อเห็นหลู่ม่านม่านทำหน้าเศร้าจึงทำให้นางรู้สึกผิด เพราะในสายตานางหลู่ม่านม่านไม่ใช่สาวใช้แต่เป็นน้องสาวคนหนึ่งของนาง
หลี่เยว่เล่อเห็นสีหน้าและแววตาที่สวี่เยว่ซินมองหลู่ม่านม่านก็รู้ได้ทันที และเข้าใจทั้งคู่ดีอีกคนตำหนิเพราะเป็นห่วง กลัวหากมีใครมาได้ยินจะทำให้อีกคนต้องลำบาก ส่วนอีกคนเพราะไม่ค่อยโดนตำหนิพอโดนดุเข้าหน่อยก็น้อยใจเสียใจเป็นธรรมดา
“ม่านม่าน เจ้ากินขนมนี้สิ” สวี่เยว่ซินยื่นขนมกุ้ยฮวาให้หลู่ม่านม่าน
“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา” หลู่ม่านม่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบา ๆไม่เงยหน้าสบตาสวี่เยว่ซิน
“เจ้าโกรธเรามากอย่างนั้นหรือ” สวี่เยว่ซินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆราวคนสำนึกผิด
“หม่อมฉันไม่กล้าโกรธฮองเฮาหรอกเพคะ” นางเอ่ยตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ไม่จริง เจ้าโกรธเรา หากเจ้าไม่โกรธตอนไม่มีคนนอกอยู่เจ้าจะไม่เรียกเราว่าฮองเฮา”
หลี่เยว่เล่อนั่งฟังทั้งสองง้องอนกันก็นึกขำ มีที่ไหนกันเจ้านายมาง้อสาวรับใช้เช่นนี้ หากสวี่เยว่ซินเป็นบุรุษหลี่เยว่เล่อคิดว่าสองคนนี้ต้องเป็นคนรักกันเป็นแน่ เมื่อนางเห็นหลู่ม่านม่านเล่นตัวอยู่นานทั้งที่หายโกรธสวี่เยว่ซินแล้วจึงได้เอ่ยช่วยน้องสาวของตนเสียหน่อย
“ฮองเฮาเพคะ ที่ม่านม่านทรงเรียกพระองค์ว่าฮองเฮาไม่ใช่ว่าโกรธเคืองพระองค์หรอกเพคะ เพียงแต่นางเห็นว่าหม่อมฉันเป็นคนนอกจึงได้เรียกพระองค์เช่นนี้” หลี่เยว่เล่อเอ่ยด้วนน้ำเสียงน้อยใจ และตีหน้าเศร้าใส่ทั้งสองคน
“ไม่ใช่เช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้าน้อยไม่เคยคิดว่าท่านเป็นคนอื่นเลยเจ้าค่ะ” หลู่ม่านม่านเอ่ยขึ้นทันควัน ด้วยท่าทางล้นลานอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งท่าทางและสีหน้าของหลู่ม่านม่านทำหลี่เยว่เล่อเกือบหลุดขำออกมา นางก้มหน้ากั้นหัวเราะไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับสวี่เยว่ซิน
“ฮองเฮาเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนนะเพคะ” หลี่เยว่เล่อเอ่ยพร้อมลุกขึ้นทำความเคารพสวี่เยว่ซิน
“องค์หญิงช่วยพูดกับคุณหนูหลี่หน่อยสิเพคะ นางเข้าใจหม่อมฉันผิดใหญ่แล้ว” หลู่ม่านม่านหันมาหาสวี่เยว่ซินเพื่อขอให้นางช่วย
“เจ้าหายโกรธแล้วสินะ” หลี่เยว่เล่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ท่านหลอกข้าหรือเจ้าคะ” หลู่ม่านม่านทำหน้างอใส่หลี่เยว่เล่อ
หลี่เยว่เล่อยิ้มให้หลู่ม่านม่านก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของหลู่ม่านม่านมาลูบที่หลังมือเบาๆ
“เจ้าอย่างอนข้าเลยนะ ข้าเพียงอยากให้เจ้าหายโกรธฮองเฮาเท่านั้น ตอนนี้ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย เจ้าช่วยนำขนมว่างและน้ำชาไปจัดวางที่อุทยานและไล่เหล่านางกำนัลขันทีออกจากบริเวณนั้นที” หลี่เยว่เล่อเอ่ยประโยคท้ายด้วยน้ำเสียงราวกระซิบ
หลู่ม่านม่านรับคำสั่งก็ออกไปทันทีโดยไม่ถามสิ่งใด นางรู้ดีว่าทั้งสองอยากหาโอกาสที่จะวางแผนการเพื่อสืบหาการตายของบิดามารดาที่ให้กำเนิด
เพียงแค่หลู่ม่านม่านให้เหล่านางกำนัลขันทีออกไปจากอุทยาน ก็มีขันทีออกจากตำหนักคุนหนิงไปทันที เป็นไปตามหลี่เยว่เล่อคิดเอาไว้ เมื่อนางใช้ให้หลู่ม่านม่านออกไปเตรียมสถานที่และไล่เหล่านางกำนัลขันทีออกไป คนที่เป็นสายให้หนิงเฉิงฮ่องเต้ ก็ต้องรีบออกไปรายงานเป็นแน่
ครั้งนี้นางยังไม่ได้คิดจะไปนั่งคุยกับสวี่เยว่ซินที่อุทยานเพราะร่างกายของสวี่เยว่ซินยังไม่ดีนักหากรับลมหนาวตอนนี้ร่างกายของสวี่เยว่ซินอาจทรุดหนักได้ นางเพียงแต่อยากจะรู้ว่าใครคือสายของหนิงเฉิงฮ่องเต้เท่านั้น และเป็นไปตามคาดเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อองครักษ์ลับก็มายังตำหนักคุนหนิง
หลี่เยว่เล่อพาสวี่เยว่ซินเดินไปยังอุทยาน แต่ยังไม่ทันถึงอุทยานสวี่เยว่ซินก็แกล้งไอเสียงดัง ตามที่ได้นัดแนะกับหลี่เยว่เล่อเอาไว้
“ฮองเฮาทรงเป็นอันใดเพคะ ให้นางกำนัลไปตามหมอหลวงดีหรือไม่” หลี่เยว่เล่อแกล้งเอ่ยถามด้วยท่าทางร้อนใจ
“ไม่เป็นไรอย่าไปรบกวนหมอหลวงเลย เรายังไม่ค่อยหายดีคงไปชมดอกไม้กับเจ้าไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรเพคะ ที่หม่อมฉันอยากไปนั่งเล่นกับพระองค์ในสวนดอกไม้ก็เพื่อระลึกความหลังตอนวัยเยาว์ที่เราทั้งสองนอนรับแดดอ่อนๆในอุทยานที่แคว้นเหลียนเท่านั้น หม่อมฉันไม่ได้เจอพระองค์ตั้งหกปีหากได้ทำอะไรอย่างที่เคยทำด้วยกันก็คงดี”
“นั้นสินะ เพราะแม่เจ้าเสียเจ้าเลยไว้ทุกข์ให้นางสามปี หลังจากนั้นพ่อของเจ้าก็จากไปอีก เจ้าจึงต้องไว้ทุกข์ต่ออีกสามปี ข้าเป็นสหายที่แย่เสียจริงที่ไม่ได้อยู่ข้างๆเจ้ายามเจ้าเศร้าเสียใจ”
“มันผ่านไปแล้วเพคะ พระองค์อย่าได้คิดมากไปเลย ขอเพียงพระองค์แข็งแรงแค่นั้นก็ดีแล้ว พระองค์ต้องจำไว้นะเพคะหม่อมฉันเหลือเพียงพระองค์คนเดียว ต่อไปต้องเขียนจดหมายหาหม่อมฉันบ่อยๆ หากหม่อมฉันว่างจะมาขอเข้าเฝ้าพระองค์บ่อยๆดีหรือไม่”
“ได้สิ”
หลังจากพูดคุยกันจบหลี่เยว่เล่อก็ไปส่งสวี่เยว่ซินที่ห้องบรรทม และกลับไปยังที่ห้องพักของตนเอง องครักษ์ลับจึงรีบกลับไปรายงานหนิงเฉิงฮ่องเต้ทันที
ตำหนักเฉียนชิง
หลังจากที่หนิงเฉิงฮ่องเต้ได้ยินเรื่องราวที่องครักษ์ลับรายงาน จึงทำให้เขาคลายข้องใจ เพราะพวกนางไม่ได้พบกันนานถึงหกปีก็ไม่แปลกที่จะจำกันไม่ได้ เพราะช่วงที่ห่างกันยังเด็กแต่ตอนนี้พวกนางเติบโตราวกับบุปผาที่เบ่งบานพร้อมที่จะออกเรือนแล้ว จะจำกันไม่ได้โดยทันทีที่พบเจอก็พอเข้าใจได้
เฟิ่งจางหยงที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่ เมื่อมองเห็นสีหน้าที่ดูคลายความในใจของหนิงเฉิงฮ่องเต้จึงได้เอ่ยขึ้น
“ที่คุณหนูหลี่สั่งให้นางกำนัลหลู่ไล่เหล่านางกำนัลขันทีออกไป คงเพราะไม่อยากให้เห็นท่าทางที่เสียกิริยากระมังพ่ะย่ะค่ะ หากนางกำนัลขันทีเอาไปพูดต่อๆกันว่าฮองเฮาทรงนอนบนพื้นหญ้าในอุทยานก็คงจะไม่ดีนัก หากไม่ใช่เรื่องนี้ถึงอย่างไรนางทั้งสองก็เป็นสตรี ย่อมมีเรื่องพูดคุยที่ให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้อยู่ไม่น้อย”
หนิงเฉิงฮ่องเต้หันมองสหาย คิ้วของหนิงเฉิงฮ่องเต้ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ทำเอาเฟิ่งจางหยงที่เห็นสีหน้าเช่นนั้นรู้สึกแปลกใจ
“เจ้ารู้เรื่องสตรีมากถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” หนิงเฉิงฮ่องเต้เอ่ยขึ้น
“พระองค์ลืมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีน้องสาวสามคนนะพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งจางหยงเอ่ยตอบกลับไปเสียงดัง
“ไม่ใช่ว่าเจ้าแอบไปชอบสาวนางใดเข้าให้แล้วไม่บอกเรานะ” หนิงเฉิงฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร กระหม่อมนอกจากกลับบ้านไม่ก็ไปทำภารกิจที่พระองค์ทรงสั่งก็อยู่กับพระองค์ตลอด จะเอาเวลาใดไปเจอสตรีเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงเฉิงฮ่องเต้หัวเราะกับท่าทีของสหาย จากที่เฟิ่งจางหยงรู้สึกอาย ๆอยู่บางที่กล่าวถึงสตรี กลายเป็นเขินอายหนักขึ้นจนใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู
หลังจากหยอกล้อสหายอย่างพอใจแล้ว เขาจึงสั่งให้ขันทีและองครักษ์ลับถอนตัว นับตั้งแต่นี้ไม่ต้องจับตาดูทั้งสองแล้ว ยกเว้นเสียว่าอ๋องน้อยเหลียนจะเข้าเฝ้าสวี่ฮองเฮาจึงค่อยจับตามอง