ราชโองการ
เวลาผ่านไปสามก้านธูป ทหารที่ถูกส่งไปสอบถามก็กลับมาที่ศาลเมืองจู่เฉิงพร้อมกับพ่อบ้านของจวนสกุลลู่นามว่าเสิ่นหัว
ทหารผู้นั้นสั่งให้พ่อบ้านสกุลลู่รออยู่ด้านนอกห้อง ส่วนตัวเขาเข้าไปรายงานใต้เท้าเผิงจื่อเหิง
“ใต้เท้าขอรับ คุณหนูใหญ่ลู่นางเกิดช่วงปลายยามเฉินล่วงเข้าต้นยามซื่อ เพิ่งกลับตระกูลเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เนื่องจากมารดานางพานางไปอาศัยต่างเมืองตั้งแต่เล็ก”
เลขาจางพนมมือเงยหน้าขึ้นฟ้า
“โอ้ ขอบคุณสวรรค์ เป็นงานของวังหลวงที่สำเร็จเร็วที่สุดตั้งแต่ทำมา กลับจวนเมื่อไหร่ข้าจะตั้งโต๊ะเซ่นไหว้สามวันสามคืน”
“ดีแล้วขอรับ เบี้ยหวัดของพวกเราเพิ่งรับเต็มจำนวนได้สองเดือนเอง”
มือปราบเซียวที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงโห่ร้องดีใจ งานล่าสุดของพวกเขาคืองานของชินอ๋อง แต่งานก็ยังไม่สำเร็จลุล่วงจนถูกสั่งหักเบี้ยหวัดไปสามเดือน
ทหารที่เข้ามารายงานทำเสียงขรึม
“แต่ใต้เท้าขอรับ พ่อบ้านสกุลลู่มา เห็นทีจะไม่ยอมให้เรากักตัวคุณหนูใหญ่ง่ายๆ”
“เจ้าให้คนไปรายงานวังหลวงขอราชโองการ ทางนี้ข้าจัดการเอง” ใต้เท้าเผิงออกคำสั่งด้วยความมั่นใจ จากนั้นเขาก็ออกไปพบพ่อบ้านสกุลลู่
“คารวะใต้เท้าเผิงจื่อเหิง” พ่อบ้านเสิ่นประสานมือคำนับอย่างเคารพ เขารู้ดีถึงความเที่ยงตรงของใต้เท้าผู้นี้
“มาพบข้าเพราะเรื่องคุณหนูสกุลลู่ของเจ้าหรือ”
ใต้เท้าเผิงเอ่ยถาม
“ใช่ขอรับ คุณหนูบ้านข้าน้อยไม่มีทางเป็นขโมยได้ นางถูกปรักปรำ ข้าน้อยขอตัวมารับนางได้ไหมขอรับ อีกสี่วันนางต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว” พ่อบ้านเสิ่นพูดด้วยความร้อนรน
“อย่ารีบร้อนไป รอข้าได้พยานและหลักฐานมาครบเสียก่อนจึงจะปล่อยตัวนาง เรื่องอื่นข้าจะให้สาวใช้ที่นี่ขัดสีฉวีวรรณนาง บำรุงผิวพรรณร่างกายทุกอย่างให้พร้อมสำหรับออกเรือน”
ใต้เท้าเผิงพูดให้พ่อบ้านเสิ่นวางใจ คุณหนูสกุลลู่ได้แต่งงานออกเรือนแน่ แต่ไม่ใช่กับไอ้เฒ่าหัวงูจ้วงแน่นอน
พ่อบ้านเสิ่นยิ้มโล่งอก “เช่นนั้นข้าน้อยก็วางใจไปรายงานนายท่านได้ ขอบคุณใต้เท้าขอรับ” กล่าวจบเขาก็ขอตัวลากลับ
หลังจากนั้นทางศาลเมืองจู่เฉิงก็เร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำเรื่องคดีที่เกี่ยวข้องกับลู่ซินหลิน พวกเขาต้องรีบจัดการประวัติของว่าที่พระชายาชินอ๋องให้ขาวสะอาด มิเช่นนั้นคงโดนลงโทษเหมือนครั้งผ่านๆ มา
ช่วงสายของอีกวันก็สามารถปิดคดีนี้ได้ มือปราบจับขโมยได้ภายในคืนนั้นและเจ้าตัวก็รับสารภาพจนหมด ยังไม่ทันได้พักยืดเส้นยืดสาย ทหารของวังหลวงก็มาพร้อมกับฟางกงกง กงกงวัยกลางคนผู้ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของฮ่องเต้
“ท่านฟางกงกงจะไปจวนสกุลลู่พร้อมกับข้าเลยหรือไม่” ใต้เท้าเผิงถาม
ฟางกงกงอมยิ้มเล็กน้อย “ไปสิ ข้าจะเป็นผู้ประกาศราชโองการด้วยตัวเอง เรื่องมงคลเช่นนี้พลาดได้อย่างไร”
“ท่านจะไปดูว่าที่พระชายาของชินอ๋องหรือไม่ ข้าจะได้พาท่านไป”
ฟางกงกงหัวเราะชอบใจ “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าไปแอบดูมาแล้ว คุณหนูผู้นั้นเรียกได้ว่างดงามล่มเมือง ต้องเปลี่ยนใจท่านอ๋องได้แน่ๆ”
ทั้งฟางกงกงและใต้เท้าเผิงต่างยิ้มดีใจ ชินอ๋องหรือองค์ชายซ่างเทียนหลินของพวกเขามีอารมณ์ขี้หงุดหงิด ใจร้อน ทั้งยังชอบแกล้งคนอื่นนัก แม้จะมีความองอาจและความสามารถเหนือคนใต้หล้า แต่ก็ยังทำให้ผู้คนจำนวนมากส่ายหัวเอือมระอา หากท่านอ๋องของพวกเขาใจเย็นเพราะได้ใกล้ชิดสาวงามทุกวัน เมืองหลวงคงสงบลงอย่างมาก
“ข้าว่าเวลาเหมาะสมแล้วพวกเราไปกันเถิด” ใต้เท้าเผิงผายมือเชิญฟางกงกงออกเดินทางไปจวนสกุลลู่พร้อมกัน
ขบวนที่เดินทางไปจวนสกุลลู่นั้นนำหน้าด้วยเกี้ยวของฟางกงกง ตามด้วยเกี้ยวของใต้เท้าเผิง ปิดท้ายด้วยเกี้ยวของลู่ซินหลิน เมื่อเกี้ยวสามหลังเรียงตามขบวนกัน มีทหารเดินขบวนตามค่อนข้างเยอะ ส่งผลให้ผู้คนที่สัญจรผ่านมองดูด้วยความสนใจ
ลู่ซินหลินที่นั่งอยู่ภายในเกี้ยวก็สงสัยไม่แพ้กัน นางแค่พ้นคดีขโมยของ ทำไมตอนกลับจวนถึงได้เอิกเกริกนัก
“สงสัยคงไปทำธุระที่จวนเหมือนกัน เลยออกเดินทางพร้อมกัน” ถึงจะขึ้นเกี้ยวแต่นางก็ไม่ได้มีความสุข การที่พานางกลับจวนคือทำให้นางไม่สามารถหลบหนีไปได้
“ข้าต้องแต่งงานกับตาแก่นั่นจริงหรือเนี่ย” นางพึมพำกับตัวเอง จะหาทางหนีอีกครั้งคงไม่มีโอกาสแล้ว
........
จวนสกุลลู่
สาวใช้แต่ละนางวิ่งหน้าตาแตกตื่นไปรายงานเจ้านายของตนเอง
“ท่านกงกงในวังหลวงและใต้เท้าผู้ว่าการศาลเมืองจู่เฉิงมาเยือนเจ้าค่ะ” เสียงรายงานเดียวกันนี้ดังไปทั่วจวน
ลู่เฉิงเหวิน ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง ลู่เซียงเจี้ยนและลู่เสี่ยวลี่ รีบออกมาที่โถงรับแขกของจวนเพื่อทำการต้อนรับ
ลู่ซินหลินเดินเข้ามาถึงที่โถงก่อนนางจึงไปยืนอยู่ทางด้านหลังของบิดา จากนั้นฟางกงกงก็เดินถือราชโองการเข้ามา ตามต่อด้วยใต้เท้าเผิงเดินตามหลัง
“คารวะใต้เท้าลู่” ฟางกงกงและใต้เท้าเผิงเริ่มเอ่ยปากทักทายเจ้าของจวน
ลู่เฉิงเหวินรีบประสานมือคำนับตอบ จวนของเขาไม่เคยต้อนรับแขกจากวังหลวงเช่นนี้มาก่อน บรรดาฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายต่างพากันยอบตัวคารวะ
“ข้ามีพระราชโองการของฝ่าบาทมาประกาศ พวกท่านโปรดรอรับเถิด” ฟางกงกงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
เขากางพระราชโองการและอ่านด้วยเสียงอันดัง เนื้อหาใจความก็คือ ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้แก่ชินอ๋องและลู่ซินหลิน แต่งตั้งให้ลู่ซินหลินเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องซ่างเทียนหลิน
เมื่อประกาศออกไปเช่นนั้น ทุกคนที่คุกเข่าฟังพระราชโองการล้วนตกตะลึง มีเพียงลู่เฉิงเหวินที่ตื่นเต้นดีใจ ส่วนฮูหยินทั้งสองและบุตรสาวอีกสองคนนั้นแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับทันที
ลู่ซินหลินได้ฟังก็ยิ่งงง เรื่องนี้ทำไมนางถึงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นางไม่เคยพบเจอชินอ๋องแต่กลับต้องแต่งเป็นพระชายา สงสัยดวงคนจะได้แต่งงาน ถ้าไม่แต่งกับคนนี้ก็ต้องแต่งกับอีกคน หลีกหนีไม่พ้น ถึงตอนนี้นางไม่รู้แล้วว่าแต่งให้ใครชีวิตน้อยๆ นี้จะปลอดภัยกว่ากัน
“ยินดีด้วยใต้เท้าลู่” ใต้เท้าเสิ่นแสดงความยินดีกับลู่เฉิง เหวิน
ลู่เฉิงเหวินออกอาการปลาบปลื้มอย่างเห็นได้ชัด เขาได้เป็นพ่อตาของชินอ๋อง ได้เกี่ยวดองเป็นพระญาติฮ่องเต้ ความโชคดีนี้ได้มาโดยไม่ต้องแย่งชิงกับใคร
“ข้าน้อยขอเรียนถามท่านกงกง เหตุใดถึงเป็นคุณหนูใหญ่ของสกุลเราเจ้าคะ นางเพิ่งเข้าเมืองมา ไม่ได้รับการอบรมมารยาทใดๆ ข้าน้อยเกรงว่าจะทำให้ชินอ๋องเสียหน้า รวมถึงเป็นที่อับอายของสกุลลู่เราด้วย สกุลเรายังมีบุตรสาวอีกสองคนที่งดงามและได้รับการอบรมมาอย่างดี ไม่ทำให้อับอายแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่กล่าว มือก็ดันลู่เซียงเจี้ยนให้ก้าวมาข้างหน้าคารวะฟางกงกง
ฟางกงกงหัวเราะ “ไม่เกี่ยวกับการอบรมหรอกฮูหยิน ไทเฮาเสด็จไปขอพรที่วัดแล้วก็ทำพิธีเสี่ยงทาย ผลที่ได้ก็คือพระชายาที่สวรรค์ประทานมาให้ชินอ๋องตรงกับแม่นางลู่ซินหลินทุกประการ”
ความจริงฟางกงกงก็ไม่ได้รู้ว่าวันเดือนปีเกิดหรือไฝแดงที่เจ้าอาวาสวัดจิ้งซื่อบอกมีที่มาอย่างไร จึงพูดออกไปให้ดูเกินจริง
“ฤกษ์ดีคืออีกห้าวัน พวกท่านก็เตรียมตัวให้ดี พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นที่จวนชินอ๋อง ฝ่าบาทและไทเฮาก็เสด็จมาร่วมงาน” ฟางกงกงพูดอีกสองสามประโยคจากนั้นก็ขอตัวลากลับเข้าวัง
........
“ท่านพี่ แล้วงานแต่งของท่านจ้วงล่ะ เหลือเวลาเพียงสองวันเอง” ฮูหยินใหญ่ปรึกษาลู่เฉิงเหวิน
“ก็ต้องเจี้ยนเอ๋อร์หรือไม่ก็ลี่เอ๋อร์แต่งแทนแล้วล่ะ เจ้าคิดว่าผู้ใดเหมาะสม” ลู่เฉิงเหวินถามความคิดเห็นฮูหยินใหญ่
ประตูห้องถูกเปิดออกมา ฮูหยินรองรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ต้องเป็นเจี้ยนเอ๋อร์สิเจ้าคะ ในสัญญาก็บอกว่าบุตรสาวคนโต ตอนนี้หลินเอ๋อร์ก็ต้องแต่งให้ท่านอ๋องแล้ว ผู้ที่แต่งให้ท่านจ้วงก็ต้องเป็นเจี้ยนเอ๋อร์”
“เจี้ยนเอ๋อร์ของข้าทั้งงดงามกว่า เฉลียวฉลาดกว่า มีโอกาสจะแต่งให้กับบุตรขุนนางตระกูลใหญ่โตมากกว่าลี่เอ๋อร์ ลี่เอ๋อร์ก็ต้องทำเพื่อตระกูลหน่อยแล้ว” ฮูหยินใหญ่วางมาดพูดข่มฮูหยินรอง
ลู่เฉิงเหวินนั่งเอาศอกเท้าโต๊ะมือกุมหน้าผาก
“พวกเจ้าพอก่อน งานแต่งนี้คงต้องเลื่อนออกไปก่อน บุตรคนรองจะแต่งก่อนได้อย่างไร ทั้งยังเป็นงานใหญ่ระดับแคว้นอีก เดี๋ยวข้าจะไปลองคุยกับท่านจ้วงดู”
........
จวนชินอ๋อง
ฉวนเจี่ยนพ่อบ้านจวนอ๋องกำลังเหงื่อตก เขาไม่รู้จะบอกกล่าวแก่ชินอ๋องนายผู้ใจร้อนของเขาว่าอย่างไรดี ขนาดสุ่มเลือกวันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ทั้งยังกุเรื่องไฝแดงขึ้นมาอีก คิดว่าคงไม่มีผู้ใดได้เป็นเจ้าสาวแล้ว แต่กลับมีสตรีที่คุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด
ชินอ๋องซ่างเทียนเหลินกลับมาถึงจวนก็เดินเข้ามาให้ห้องทรงอักษรพอดี
“ท่านอ๋อง” ฉวนเจี่ยนนิ่งหาคำที่จะพูดครู่หนึ่ง
“กำหนดการพิธีอภิเษกสมรสของท่านอ๋องออกแล้วนะขอรับ อีกห้าวัน” เขาพูดจบก็กลืนน้ำลายรอดูปฏิกิริยาของคนเบื้องหน้า
“อะไรนะ” ซ่างเทียนหลินหันมาจ้องหน้าฉวนเจี่ยนด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ขยายความให้ข้าฟังที” เขารอฟังรายละเอียดอย่างกระสับกระส่าย
“เอ่อ ศาลเมืองจู่เฉิงพบสตรีที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามที่ท่านอ๋องกำหนดพะย่ะค่ะ ไทเฮาขอฤกษ์จากไต้ซือวัดจิ้งซื่อ กำหนดวันอภิเษกสมรสคืออีกห้าวันพะย่ะค่ะ” ฉวนเจี่ยนพูดเสียงแผ่วเบา
“นางเป็นบุตรสาวสกุลใด” ซ่างเทียนหลินพยายามระงับอารมณ์ เขาหายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนนั่งเก้าอี้รอคำตอบ
“คุณหนูคนโตของสกุลลู่ บุตรของผู้ช่วยเจ้าเมืองลู่เฉิงเหวิน นามว่าลู่ซินหลินพะย่ะค่ะ”
ซางเทียนหลินขมวดคิ้วสีหน้าครุ่นคิด “สกุลลู่ไม่ใช่มีลูกสาวคนโตนามว่าลู่เซียงเจี้ยนหรอกหรือ คนที่มีงานตามตระกูลใหญ่ทีไรก็ไปเข้าร่วมทุกครั้ง”
“เดิมทีก็ใช่พะย่ะค่ะ แต่ลู่เฉิงเหวินเดิมแต่งงานมีบุตรสาวอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว พอเขาแต่งอนุเข้ามา ฮูหยินใหญ่ก็เลยอุ้มลูกสาวหนีออกจากเมือง ตอนนี้ตามตัวกลับจวน เพราะจะให้แต่งออกเรือนกับคหบดีจ้วง แต่เผอิญว่านางมีคุณสมบัติครบตรงตามที่ท่านอ๋องกำหนดพอดี เลยกลายมาเป็นต้องแต่งเข้าจวนอ๋องแทน” ฉวนเจี่ยนเล่าเรื่องที่รู้มาอย่างละเอียด
“ช่างบังเอิญเสียจริง” ซ่างเทียนหลินพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นทีเขาต้องโผล่ไปดูหน้าว่าที่พระชายาหน่อยเสียแล้ว
ถ้ายังไม่ยอมแต่งอีก มีหวังไทเฮาอาจจับเขาขังอยู่ในตำหนักเย็นแทนก็เป็นได้
