บท
ตั้งค่า

เลือกคู่

“ท่านอ๋อง ไทเฮาเร่งให้ท่านแต่งงานหลายรอบแล้วนะขอรับ ฝ่าบาทจะช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้ว”

ฉวนเจี่ยนพ่อบ้านประจำจวนองค์ชายซ่างเทียนหลิน ชินอ๋องแห่งแคว้นตงชวนพูดเตือนสติเจ้านายตนเอง

“ข้ายังไม่อยากแต่ง” ซ่างเทียนหลินพูดอย่างไม่สนใจใยดี

“ปีนี้ท่านอายุยี่สิบย่างเข้ายี่สิบเอ็ดชันษา เลี่ยงไม่ได้แล้ว ถ้ามีพระราชโองการมาอย่างไรท่านอ๋องก็ต้องแต่ง ขัดไม่ได้”

ฉวนเจี่ยนผู้ที่ดูแลองค์ชายซ่างเทียนหลินหรือชินอ๋องผู้นี้มาตั้งแต่ยังเป็นองค์ชายตัวน้อยบอกเน้นย้ำให้เขารู้สึกตระหนักเสียบ้าง

“ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร เจ้าคอยดูให้ดีล่ะกัน”

ซ่างเทียนหลินอมยิ้ม โบกมือลากับฉวนเจี่ยนแล้วเดินออกจากห้องทรงอักษร

เวลาเช้ามืด พระอาทิตย์ยังไม่ทันได้ออกมาทักทายแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ แต่รถม้าของจวนชินอ๋องก็เคลื่อนที่ออกจากหน้าจวนเพื่อออกเดินทางแล้ว

........

วัดจิ้งซื่อ วัดชื่อดังที่เลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเมืองจู่เฉิง มีผู้ศรัทธาเป็นจำนวนมากเดินทางมาไหว้พระขอพรตั้งแต่เช้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้ใดมาถึงก่อนซ่างเทียนหลิน

“คารวะท่านอ๋อง” เจ้าอาวาสวัดจิ้งซื่อกล่าวต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญที่เดินทางมาถึงวัดตั้งแต่เช้าตรู่

“ไต้ซือ ข้ามีเรื่องขอให้ช่วย” ซ่างเทียนหลินไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาพูดตรงๆ กับท่านเจ้าอาวาส

“ท่านอ๋องมาพบอาตมาทีไร อาตมาต้องผิดศีลทุกที” เจ้าอาวาสกล่าวพลางส่ายหน้าเอือมระอา

“ผิดศีล แต่ช่วยคนนะไต้ซือ เข้าข้างในกันเถอะ ยังต้องคุยกันอีกยาว” ซ่างเทียนหลินเดินนำหน้าเจ้าอาวาสเข้าไปในวัด

........

“ทะ ท่านอ๋องจะให้อาตมาแจ้งเรื่องนี้แก่ไทเฮา” เสียงตกใจของเจ้าอาวาสดังขึ้น

ซ่างเทียนหลินอมยิ้ม “ใช่แล้วไต้ซือ มีเพียงท่านที่ช่วยข้าได้”

“แล้วท่านอ๋องจะให้อาตมาพูดว่าอย่างไร”

“ไต้ซือก็พูดไปประมาณว่าดวงของข้าไม่ดี ถ้าไม่แต่งงานกับสตรีที่เกิดตามวันเวลานี้ ก็จะถึงฆาต”

เจ้าอาวาสมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านอ๋องล้อเล่นเกินไปแล้ว”

นัยน์ตาคมของซ่างเทียนหลินหรี่ลงอย่างจริงจัง

“ไม่ทำเช่นนี้ข้าก็ต้องแต่งพระชายาน่ะสิ”

“ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องจะให้สตรีผู้นั้นมีลักษณะอย่างไร”

เจ้าอาวาสนั่งลงบนเก้าอี้ ในมือจับพู่กันเตรียมจดตามที่ ซ่างเทียนหลินพูด

“อืม สตรีนางนั้น เกิดวันที่ ” ซ่างเทียนหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง

“เกิดวันที่สิบห้าเหมือนเสด็จแม่ข้าละกัน ส่วนเดือน เอาเป็นเดือน”

สายตาเขามองไปรอบๆ พลันเหลือบไปเห็นบทกลอนที่แขวนบนผนัง มีลงวันที่ประพันธ์อยู่ด้านข้าง “เดือนแปด”

เขายังคงมองไปทั่วห้องเจอรูปปั้นมังกรขนาดเล็กตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้อง “ปีมะโรง”

เจ้าอาวาสรีบจดตามที่เขาพูด “สตรีที่เกิดในปีมะโรง เดือนแปด วันที่สิบห้า”

“ระบุเวลาด้วยน่าจะดี อืม เอาเป็นเวลาคลอดคือปลายยามเฉินล่วงเข้าต้นยามซื่อ” มือเรียวของซ่างเทียนหลินจับปลายคางครุ่นคิด

“ยังไม่เจาะจงพอสินะ” เขานิ่งไปอีกครู่หนึ่ง “เกิดที่เมือง จู่เฉิง แต่เติบโตที่ต่างเมือง”

ซ่างเทียนหลินเค้นความคิดอย่างหนักว่าต้องระบุแบบใดถึงจะไม่มีใครตรงตามที่เขากำหนด เมื่อหาตัวคนไม่พบ เขาจะได้ไม่ต้องแต่งงาน

“ไต้ซือระบุไปด้วยว่าต้องมีไฝแดงสามเม็ดอยู่ตรงไหล่ข้างซ้าย”

พูดไปเช่นนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากชื่นชมความฉลาดของตนเอง

“แล้วพอเสด็จแม่มาถึง ไต้ซือก็จัดการให้ข้าด้วย รบกวนท่านแล้ว” เขากล่าวเสร็จก็เดินทางออกจากวัดด้วยความเบิกบานใจ

........

ที่จวนสกุลลู่ ลู่ซินหลินเดินวนไปมาอยู่ในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ

“หลอกข้ามาแต่งงานกับตาแก่นี่นา แก่กว่าท่านพ่ออีก เหอะ ใครเขาจะอยากแต่งกัน”

วันนั้นตั้งแต่เจอจ้วงฉีเหนียน นางก็ไม่ได้แสดงกริยาว่าไม่อยากแต่งงาน กลับทำตัวเป็นสตรีหัวอ่อนที่เชื่อฟังคำบิดาทุกประการ แต่แท้ที่จริงแล้วนางกำลังคิดหาวิธีหนีออกจากจวน

“เช้ามืดพรุ่งนี้เลย เวรยามกำลังหละหลวม”

ลู่ซินหลินคิดดังนั้นก็เก็บเสื้อผ้าและของที่ต้องใช้ใส่ย่าม เปลี่ยนเป็นสวมชุดของสาวรับใช้

เมื่อเข้าสู่ยามอิ๋น บ่าวรับใช้ส่วนใหญ่ต่างเพิ่งตื่นนอน บางคนเริ่มวุ่นวายอยู่กับการทำธุระส่วนตัวของตนเอง เวรยามและผู้คุ้มกันต่างๆ ภายในจวนอยู่ในช่วงที่เหนื่อยล้า จิตใจต้องการเปลี่ยนเวรกลับไปพักผ่อน

ลู่ซินหลินค่อยๆ ออกจากห้องแล้วเดินไปทางหลังเรือนเล็กที่นางพักอาศัย เรือนนี้เป็นเรือนที่ห่างไกลจากเรือนหลังอื่นพอสมควรและก็ใกล้กับกำแพงด้านหลังของจวนเช่นกัน เดินเพียงสี่สิบจั้ง (หนึ่งร้อยเมตร) ก็ถึง ด้านหลังจวนปลูกต้นไผ่เป็นจำนวนมากจึงไม่ค่อยมีผู้ใดย่างกรายเข้ามา จะมีเพียงแต่เวรยามและผู้คุ้มกันบางส่วนมาดูแลความปลอดภัยของจวน

ลู่ซินหลินอาศัยช่วงเวลาที่ผู้คุ้มกันเดินไปตรวจตราบริเวณอื่น ส่วนเวรยามเริ่มลุกไปพูดคุยกับบ่าวรับใช้ วิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าทิศทางป่าไผ่ เมื่อสบโอกาสก็กระโดดและตะกายปีนออกนอกกำแพงจวน

“หนีได้แล้ว โชคดีที่ข้าใช้ชีวิตโลดโผนมาตั้งแต่ยังเล็ก”

ลู่ซินหลินเดินเนียนๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นรวมเข้าไปกับกลุ่มคนที่ออกมาจับจ่ายซื้ออาหารตอนเช้า

ยังไม่ทันเดินห่างจากจวนถึงสิบเก้านางก็ถูกคนผู้หนึ่งวิ่งมาชนจนล้ม

“โอ้ย ใครกันเนี่ย”

ลู่ซินหลินหันไปจะบ่นคนที่มาชนนาง แต่คนผู้นั้นลุกขึ้นและวิ่งหนีไปเร็วมาก

“ขโมย ขโมย” เสียงคนตะโกน อีกทั้งมีชาวบ้านวิ่งชี้นิ้วบอกทหารที่วิ่งตามมา ทิศทางของนิ้วนั้นชี้มายังนาง

“เปล่าๆ ข้าไม่ใช่”

ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบก็ถูกทหารสองคนรวบตัวไปที่ศาลเมืองจู่เฉิง

........

ณ ศาลเมืองจู่เฉิง

“ใต้เท้าขอรับ นางเป็นบุตรีท่านผู้ช่วยเจ้าเมือง ใต้เท้าลู่ เห็นทีว่านางจะไม่ใช่โจร” เซียวฉือมือปราบคู่กายเอ่ยกับใต้เท้าเผิงจื่อเหิง ผู้ว่าการศาล

ใต้เท้าเผิงจื่อเหิงเป็นผู้ที่ทำงานซื่อสัตย์ เถรตรง ไม่เห็นแก่ใครหน้าไหน การทำงานของเขารัดกุมรอบคอบมาก เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็ทำเสียงขรึม

“แต่ก็ยังปล่อยนางไปไม่ได้อยู่ดี ของที่ถูกขโมยมาอยู่ในถุงย่ามของนาง คงต้องให้นางอยู่ที่นี่ให้ปากคำเสร็จก่อน รวมทั้งจัดการพยานหลักฐานว่านางไม่ได้ทำจริงๆ ถึงจะปล่อยตัวได้”

สักพักก็มีทหารวิ่งเข้ามา “ใต้เท้าขอรับ มีคำสั่งมาจากในวังหลวง”

ใต้เท้าเผิงเปิดคำสั่งมาอ่าน “เฮ้อ งานใหญ่อีกแล้ว คำสั่งของไทเฮา”

เลขาจางช่างอี เลขาของใต้เท้าเผิงที่นั่งอยู่ด้านข้างชะเง้อคอขอดูคำสั่ง เขาเปิดอ่านสักพักก็ขมวดคิ้ว

“เอ๊ะ ใต้เท้า วันเดือนปีเกิดนี่มันคุ้นๆ” มือใหญ่หยิบรายงานคดีที่ลู่ซินหลินเกี่ยวข้องขึ้นมาอ่าน

“คุณหนูตระกูลลู่ นางเกิดวันเดียวกับในคำสั่งนี่เลยขอรับ”

“ไหน ขอข้าดูอีกที” ใต้เท้าเผิงบอกคนด้านข้าง เขาอ่านสักครู่หนึ่งก่อนสั่ง

“ให้สาวใช้ไปเปิดไหล่นางดูที”

ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ในศาลก็เดินเข้ามารายงาน

“คารวะใต้เท้า” นางยอบตัวคารวะด้วยความนอบน้อม

“เป็นอย่างไรบ้าง”

ใต้เท้าเผิงถามอย่างลุ้นรอความหวัง หากเขาเจอตัวตั้งแต่แรก ก็จะได้ไม่ต้องส่งคนออกไปตามหาสตรีนิรนามที่อยู่ในคำสั่ง

“คุณหนูลู่นางมีไฝแดงสามเม็ดอยู่ที่ไหล่ซ้ายเจ้าค่ะ”

ใต้เท้าเผิงตบโต๊ะอย่างดีใจ มีเลขาจางกระโดดชูทั้งสองแขนทำท่าไชโยอยู่ด้านข้าง

สักพักมือปราบเซียวฉือนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“ใต้เท้าขอรับ ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าผู้ช่วยเจ้าเมืองมีสัญญาต้องส่งบุตรสาวให้ออกเรือนกับคหบดีจ้วงฉีเหนียน พ่อค้าที่มี ฮูหยินมากๆ คนนั้นน่ะขอรับ รู้สึกว่าท่านผู้ช่วยเจ้าเมืองจะส่งคุณหนูใหญ่ลู่ผู้นี้ให้ตบแต่งด้วย”

ใต้เท้าเผิงทำตาโต “เพ้ย ออกโรงออกเรือนอะไร นี่เรื่องใหญ่ระดับแคว้น พระชายาชินอ๋อง ผู้ซึ่งจะช่วยปัดเป่าเคราะห์กรรมของชินอ๋องได้ ไม่สามารถเป็นเจ้าสาวผู้ใดได้ทั้งนั้น เจ้าไปแอบสืบเวลาเกิดนางที ถ้าใช่ข้าจะได้รายงานวังหลวง”

เมื่อทหารออกไป ทั้งใต้เท้าเผิงและเลขาจางก็นั่งไม่ติด ในใจคอยเอาแต่ภาวนาให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น

ยามเฉิน คือเวลาช่วง 07.00 – 08.59 น.

ยามซื่อ คือเวลาช่วง 09.00 – 10.59 น.

ยามอิ๋น คือเวลาช่วง 03.00 – 04.59 น.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel