บท
ตั้งค่า

พิธิอภิเษกสมรส

เมื่อถึงวันแต่งงานของซ่างเทียนหลินและลู่ซินหลิน ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส อากาศเย็นสบายไม่มืดครึ้มเหมือนวันที่ผ่านๆ มา

ชินอ๋องหรืออ๋องซ่างเทียนหลินอยู่ในชุดพิธีการเต็มรูปแบบ ชุดสีแดงสดขับสีผิวเขาให้ดูสว่างยิ่งขึ้น ใบหน้าที่งดงามคมคายเฉกเช่นบุรุษผู้สูงศักดิ์ของเขาถึงไม่ได้แสดงว่ามีความสุขแต่ก็ไม่ใช่คนที่อมทุกข์ อาชาที่ขี่มีท่วงท่าองอาจ ขนสีขาวเงางามดุจแพรไหม อยู่นำขบวนรับเจ้าสาว มีจวิ้นอ๋องหรืออ๋องซ่างเทียนหรูเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ขี่อาชารูปร่างปราดเปรียว ขนสีดำสนิททั้งตัว เกี้ยวหลังใหญ่สีแดงถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ข้างเกี้ยวมีจินกูกูแม่สื่อจากวังหลวงแต่งตัวสวยสะดุดตาให้สมกับเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ในรอบหลายปีของแคว้น

ชาวบ้านต่างออกมายืนข้างถนนรอชมขบวนที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาได้ดูขบวนรับเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่พอๆ กันนี้ ตอนที่หนานหยางอ๋องตบแต่งพระชายาเมื่อหลายปีก่อน แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปเนื่องจากเจ้าบ่าวนั้นเป็นถึงชินอ๋องของแคว้น พระอนุชาร่วมพระมารดากับฮ่องเต้ มีฮ่องเต้และไทเฮาเสด็จมาร่วมพิธี ไม่เหมือนกับหนานหยางอ๋องที่เป็นเพียงผู้สืบบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา

เมื่อขบวนรับเจ้าสาวมาถึงจวนสกุลลู่ จินกูกูก็เข้าไปประคองลู่ซินหลินเข้าเกี้ยว มีไป๋หลานสาวใช้ที่ลู่เฉิงเหวินบิดานางมอบให้ติดตามเข้าจวนอ๋อง หน้าประตูจวน ลู่เฉิงเหวินยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ด้านข้างของเขามีฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองที่ใบหน้าบอกบุญไม่รับ ลู่เสี่ยวลี่มองตามหลังว่าที่พระชายาชินอ๋องด้วยแววตาอิจฉา ส่วนลู่เซียงเจี้ยนนั้นถูกขังให้อยู่ภายในห้อง เพราะลู่เฉิงเหวินกลัวว่านางจะออกมาอาละวาด

ขบวนรับเจ้าสาวเคลื่อนที่ไปยังจวนชินอ๋อง ซ่างเทียนหลินเจ้าบ่าวขี่ม้าตามประกบอยู่ข้างเกี้ยว สายตาเขาเหลือบมองว่าที่ พระชายาผ่านม่านหน้าต่างที่พริ้วไหวเป็นระยะ

ตั้งแต่รู้ว่าตนเองต้องแต่งงานกับลู่ซินหลิน เขาก็มาสังเกตพฤติกรรมนางทุกวัน ในแต่ละวันที่เขาพบเจอก็เห็นแค่นางนั่งอ่านตำราสมุนไพรบ้าง ตำราแพทย์บ้าง หรือไม่ก็ออกไปเดินเที่ยวตลาดยาสมุนไพร ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่เห็นว่านางจะให้ความสนใจ ดังนั้นสิ่งที่เขาสมควรทำเขาก็จะทำ ไม่คิดทำให้นางต้องเดือดร้อน

พอขบวนถึงหน้าจวนอ๋อง เขาก็รอนางลงจากเกี้ยวแล้วส่งผ้าสีแดงสดที่ถูกผูกปมตรงกลางให้นางถืออีกฝั่งจากนั้นก็เดินพานางไปสู่ห้องทำพิธี ไทเฮาและฮ่องเต้แย้มสรวลอย่างมีความสุขจ้องมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เดินเคียงคู่กันเข้ามาทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทั้งหมด ลู่ซินหลินก็ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ นางแอบเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเล็กน้อย มองดูภายในห้องที่ถูกประดับประดาด้วยสีแดงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูเตียง ผ้าปูโต๊ะ ผ้าห่ม ผ้าม่าน โคมไฟ เทียนคู่ลวดลายมังกรและหงส์ กระดาษฉลุลายมงคล แม้กระทั่งดอกไม้ก็ยังเป็นดอกโบตั๋นสีแดงสด

นั่งรอได้ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเข้าประตูห้อง มีนางกำนัลถือถาดสุรามงคลเดินตามเข้ามา เขาสั่งให้นางกำนัลวางถาดสุรามงคลลงบนโต๊ะและออกไปจากห้อง ส่วนตัวเขาหยิบกาสุราเทใส่จอกสุราทั้งสองใบ ก่อนที่ตัวเขาจะเดินเข้ามาใกล้กับลู่ซินหลิน มือหนาหยิบคันชั่งบนโต๊ะแล้วนำมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว

คนทั้งคู่มองหน้าประสานสายตากัน

ลู่ซินหลินนั้นเคยได้ยินว่าชินอ๋องรูปงามสง่า หน้าตาคมคายหมดจด แต่ครั้งนี้เพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรก นัยน์ตา จมูก ริมฝีปาก นางพูดได้ประโยคเดียวว่าดุจดั่งเทพเซียนมาจุติ

ส่วนซ่างเทียนหลินนั้นแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นหน้านาง แต่ทุกครั้งที่พบเห็นนางนั้น นางแต่งหน้าเพียงเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าแทบไม่ได้แต่งแต้มสิ่งใดบนใบหน้าเลย เวลานั้นนางดูราวกับเป็นเทพธิดาตัวน้อยที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่ครั้งนี้ดวงหน้าของนางนั้นถูกแต่งแต้มอย่างละเอียดบรรจง นางจึงงดงามเหมือนสตรีสูงศักดิ์ที่คนใต้หล้าไม่อาจเทียบเทียมได้

เขาหยิบจอกสุราสำหรับตนเองและหยิบส่งให้นาง ทั้งคู่พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติไม่เขินอาย ซ่างเทียนหลินเริ่มดื่มสุราก่อน ลู่ซินหลินเห็นเช่นนั้นก็ดื่มตาม

“เจ้าเป็นพระชายาเปิ่นหวางแล้ว หากไม่ทำเรื่องเดือดร้อนรำคาญใจแก่เปิ่นหวาง เปิ่นหวางก็จะไม่สร้างความลำบากให้กับเจ้า ทั้งยังจะดูแลตามที่พระสวามีควรทำ” นัยน์ตาลุ่มลึกจ้องเข้าไปในดวงตาอ่อนหวานของนาง

“เพคะ” ลู่ซินตกปากรับคำอย่างง่ายดาย

“หลังจากนี้จะมีการสอนมารยาทและธรรมเนียมภายในวัง เจ้าต้องตั้งใจเรียนอย่าขาดตกบกพร่อง”

“เพคะ”

“เรื่องในจวนเจ้าไม่ต้องดูแลจัดการ พ่อบ้านฉวนจะดูแลจัดการเช่นเดิม”

“เพคะ”

ตำหนักนี้จะเป็นที่อยู่ของเจ้า ส่วนเปิ่นหวางอยู่ตำหนักวั่งอวิ๋น ไม่มีเรื่องด่วนห้ามเจ้าเข้าไปยุ่ง

“เพคะ”

ซ่างเทียนหลินมองสตรีตรงหน้าพยักหน้าและรับปากเพียงคำเดิมๆ ดีที่เขาเคยได้ยินนางเถียงไฟแลบมาก่อน ไม่เช่นนั้นคงนึกว่านางพูดเป็นแค่คำเดียว

“เรื่องสุดท้าย เปิ่นหวางได้ยินว่าเจ้าสนใจเกี่ยวกับการแพทย์ เจ้าสามารถไปดูห้องยาสมุนไพรและปรึกษากับท่านหมอของจวนอ๋องได้”

ลู่ซินหลินได้ยินก็ดีใจทำตาโตเยี่ยงเด็กน้อยที่ได้ขนมหวาน ยิ้มที่ปรากฏแก่สายตาซ่างเทียนหลินนั้นช่างงดงามจนเขาไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายได้

“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” นางยอบกายขอบคุณ พระสวามีที่นั่งกลั้นยิ้มตรงหน้า

ก่อนที่ซ่างเทียนหลินจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เขาก็รีบลุกขึ้นเบี่ยงกายออกจากห้อง “เปิ่นหวางกลับตำหนักล่ะ”

เมื่อเขาเปิดประตูออกไปพบว่าแขกส่วนใหญ่นั้นกลับไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงแค่สามคนที่นั่งดื่มสุราอยู่ที่ศาลาข้างสวน

“กระหม่อมบอกแล้วว่าชินอ๋องไม่ค้างคืน” จิ่งเซี่ยวหราน กล่าวกับฮ่องเต้และจวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรู

“มีโฉมสะคราญอยู่ในห้องแต่กลับเมินเฉย ข้าว่าเขาทำไม่เป็น ฮ่า ฮ่า” ฮ่องเต้หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แค่น้องชายเขายอมแต่งงาน เขาก็ไม่ต้องแบกรับการกดดันจากไทเฮาที่ต้องคัดเลือกพระชายาให้แก่ชินอ๋อง

“ใครว่าข้าทำไม่เป็น แค่ยังไม่อยากทำ ไม่เหมือนฝ่าบาท ทำแล้วแต่ไม่มีทั้งพระโอรสและพระธิดา” ซ่างเทียนหลินกล่าวเสียงเรียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ข้าตั้งใจ ฟังให้ชัดๆ ข้าตั้งใจ” ฮ่องเต้เริ่มโมโหเหมือนโดนกล่าวหาว่าไร้น้ำยา

ซ่างเทียนหรูผู้ซึ่งเป็นน้องสุดท้องทำหน้าที่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยระหว่างพี่ชายทั้งสองของตน เขายกมือปรามทั้งคู่

“เมื่อถึงเวลาเสด็จพี่ทั้งสองก็แข่งกันมีพระโอรสพระธิดาสิ ผู้ใดมีมากกว่า ผู้นั้นชนะ”

“ตกลง” ฮ่องเต้ตกปากรับคำ

“ได้” ซ่างเทียนหลินตอบรับคำท้า

จิ่งเซี่ยวหรานที่เป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ทั้งสามครุ่นคิดครู่นึง “กระหม่อมทายว่าฝ่าบาทชนะแน่นอนพะย่ะค่ะ”

สามวันให้หลังจ้วงฉีเหนียนก็ให้เกี้ยวเจ้าสาวมารับลู่เซียงเจี้ยนอย่างเอิกเกริก บุรุษส่วนใหญ่ในเมืองล้วนเสียดายสตรีที่งดงามอย่างลู่เซียงเจี้ยนแต่งให้กับคหบดีจ้วงผู้มากอนุ ส่วนจ้วงฉีเหนียนหัวเราะร่าพาขบวนเกี้ยววนไปรอบเมืองโอ้อวดเจ้าสาวของตน

ลู่เซียงเจี้ยนนั่งบนเกี้ยวอย่างโกรธแค้น “ข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ นังซินหลิน นังเสี่ยวลี่”

........

อาทิตย์ถัดมาหนานหยางอ๋องก็ส่งเกี้ยวเจ้าสาวหลังใหญ่มารับลู่เสี่ยวลี่เข้าจวนอ๋อง มีการแห่วงดนตรีที่มีทั้งฆ้อง กลอง ปี่พาทย์ และเชิดสิงโตอย่างสนุกสนาน แตกต่างจากการรับอนุภรรยาเข้าจวนทั่วไปที่รับเจ้าสาวอย่างเงียบๆ ไม่หวือหวา

ลู่เสี่ยวลี่ยกยิ้มมุมปาก ‘รอให้ข้ากำจัดพระชายารองและขึ้นตำแหน่งแทน จากนั้นตำแหน่งพระชายาเอกข้าก็จะคว้าเอามาให้ได้’

ผู้คนทั่วทั้งเมืองจู่เฉิงต่างกล่าวแสดงความยินดีแก่ตระกูลลู่อย่างต่อเนื่อง ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน บุตรสาวทั้งสามของใต้เท้าลู่เฉิงเหวินผู้ช่วยเจ้าเมืองล้วนแต่งออกให้กับบุรุษที่ถือว่าร่ำรวยลำดับต้นๆ ของเมืองหลวง ซ้ำยังเป็นท่านอ๋องถึงสองคน

ส่วนลู่เฉิงเหวินและฮูหยินทั้งสองของเขาปิดจวนนับสินสอดกันอย่างหน้าชื่นตาบาน นอกจากสินสอดที่มากมายจนหาที่เก็บแทบไม่ได้แล้ว ยังได้ตำแหน่งพ่อตาแม่ยายของท่านอ๋องที่มีอิทธิพลในแคว้นนี้อีก หลังจากนี้ใครหน้าไหนก็ต้องเกรงใจ

- ชินอ๋อง เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 1 โดยมากผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้จะเป็นพระโอรส พระเชษฐา หรือพระอนุชาของฮ่องเต้

- จวิ้นอ๋อง เป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 2 รองจากชินอ๋อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel