บทที่ 3 ชะตากรรมของท่านช่างน่าเวทนายิ่งนัก
บทที่ 3 ชะตากรรมของท่านช่างน่าเวทนายิ่งนัก
เขามองตามสตรีทั้งสองเข้าไปในห้องก็ได้เดินออกมามองข้าวปั้นที่อยู่ในกำมือและมาถึงห้องของตนเอง เขาไปล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ พร้อมถือขวดสุรามานั่งที่เก้าอี้ยกดื่มเพื่อทำให้ตนเองหลับไปพร้อมมองดูข้าวปั้นนั้นอีกครั้ง
“ช่างเป็นสตรีที่ไม่เข้าใจเลยสักนิด หากเป็นข้าคงไม่ตามชายแปลกเช่นนี้กลับมา” เขาพูดพร้อมยกขวดสุราเข้าปากอีกรอบ แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาชื่อว่า เฟยอวี่ เป็นบุตรของใต้เท้าผู้ถือมั่นในความยุติธรรม เฟยอวี่ได้แต่งกับคุณหนูนางหนึ่งแต่แล้วโชคชะตากลับดีเป็นเลวร้าย คนชั่วช้าที่โกรธแค้นที่ถูกท่านพ่อของเฟยอวี่จัดการก็ได้กลับมาแก้แค้น เข้ามาฆ่าทำลายครอบครัวของเขา วันนั้นเป็นวันที่เขาไม่ได้อยู่ที่เรือนเมื่อกลับมาก็เห็นสภาพของท่านพ่อท่านแม่ที่นอนจมกองเลือด เขารีบวิ่งไปที่ห้องด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับภรรยาของเขา แต่แล้วก็เป็นอย่างที่เขาไม่อยากให้เกิด นางกำลังนอนจมกองเลือดหายใจโรยริน เขารีบเข้าไปกอดนางจะพานางออกไปหาท่านหมอ แต่ทว่านางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ทำให้นางหมดลมหายใจในอ้อมกอดของเขา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาเฝ้าแต่โทษที่ท่านพ่อของตนเองเป็นคนดีเกินไปจนเป็นเหตุทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เขาจึงแสร้งทำเป็นคนสติไม่ดี เพราะไม่อยากจะยุ่งวุ่นวายกับผู้ใดอีก เมื่อเขาดื่มจนหมดสติเริ่มเลือนลางก็ได้หลับลงคาโต๊ะที่นั่งอยู่
ฝั่งด้านซินหนี่ว์นางอยากรู้อยากเห็นอดีตเกี่ยวกับเขา นางจึงใช้พลังของนางพรางตัวเข้าไปที่ห้องของเขา ก็เห็นว่าตอนนี้นั้นเขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ผู้ที่นอนอยู่นี่ช่างหล่อราวกับเทพสวรรค์หากไม่บอกว่าเขานั้นเป็นมนุษย์นางเองก็เชื่อ นางจับร่างกายของเขาขยับไปขยับมาก็พบว่าตอนนี้เขาเมาหลับไปแล้ว นางจึงใช้เวทย์เข้าไปในความทรงจำของเขา ก็ได้รู้เรื่องทุกอย่างและสงสารยิ่งนัก
ก่อนนางจะออกจากห้องของเขา นางได้พยุงร่างของเขาไปนอนที่เตียงเพื่อจะได้สบายแต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
“เมียรักของข้า เจ้ากลับมาหาข้าแล้วหรือ หรือว่าเจ้ามาพาข้าไป” เขาได้เมาและละเมอหาว่านางนั้นเป็นภรรยาของเขา เขาโอบกอดซินหนี่ว์ทำให้นางล้มลงอยู่บนเตียงนอนถูกเขาทับอยู่ด้านบน
หัวใจของนางเต้นระรัวราวกับว่าข้างในหัวใจมีมวลผีเสื้อพากันบินไปทั่วท้อง ทำให้นางเริ่มหายใจติดขัดหากจะเอ่ยออกไปก็เกรงว่าเขาจะได้สติ นางพยายามดันอกแกร่งให้ลุกขึ้นจากกายของนางอย่างเบามือ
“ทำไม ทำไมเจ้าต้องเงียบด้วยตอบข้ามาสิ หรือว่าเจ้าไม่รักข้าแล้วปล่อยให้ข้ารักและคอยวันเวลาไปหาเจ้าอยู่ฝ่ายเดียว” เขาโน้มตัวลงประทับจูบลงที่ปากของซินหนี่ว์ทำให้นางเบิกตาโพลงโตอย่างตกใจ ตั้งแต่กำเนิดมาจนถึงอายุ2000ปีนี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษสัมผัส ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวลมหายใจของเขาช่างเข้าใกล้ใบหน้านางมากขึ้นก่อนที่เขาจะสัมผัสนางมากกว่านี้ ซินหนี่ว์ใช้พลังให้เขาได้สลบไป ก่อนที่เรื่องราวจะปานปลาย
“ฟู่!!! หัวใจของข้าแทบระเบิดนี่หรือที่เขาเรียกกันว่าจุมพิต” นางผลักอกให้เฟยอวี่นอนอยู่ข้างๆ ซินหนี่ว์รีบลุกขึ้นและเดินกลับห้องตนเองกับอาการที่หัวใจเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูก นางใช้มือจับที่ริๅมฝีปากของตนเองถูไปมา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนดิ้นไปมาบนฟูกที่หนานุ่ม
“อ๊ายย!! ทำไมข้าต้องใจเต้นด้วย ข้ายังไม่รู้จักกับเขาด้วยซ้ำ ข้าต้องโกรธซิที่เขามาทำเช่นนี้ ใช่ข้าต้องโกรธ โอ้ย!! จะโกรธได้อย่างไรเล่าก็ข้าเป็นผู้ที่เข้าไปหาเขาเอง อ๊ากกกอยากจะบ้าตาย” นางนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอย่างน่าอาย
“มีเรื่องอันดีๆ อย่างนั้นหรือ ซินหนี่ว์ถึงได้หน้าแดงเขินอายเช่นนี้” เสียงของฉู่ลี่หยางดังขึ้นมาจากหน้าต่าง ทำให้ซินหนี่ว์รีบลุกขึ้นทำหน้าให้ปกติ
“ข้ามิได้เป็นอันใด ว่าแต่ข้าจำได้ว่าเจ้าจะไปรออยู่ที่ทางเข้าแดนปีศาจ ตามข้ามาทำไมกัน” ซินหนี่ว์รีบทำเสียงเข้มขรึม
“ข้าจะทิ้งท่านได้อย่างไร หากท่านจอมมารรู้เข้าข้ามิต้องถูกถอนขนงั้นรึ” นางกอดแขนของซินหนี่ว์แน่น
"ที่แท้เจ้าก็กลัวว่าตัวเองจะโดนลงโทษนี่เอง"
"จริงสิ ว่าแต่ชายที่ท่านตามมานั้นช่างไม่เหมือนมุษย์ธรรมดาเลยสักนิด เหมือนข้าสัมผัสได้ถึงพลังอะไรสักอย่างที่อยู่ในตัวเขา "
"เจ้าคิดมาก เมื่อครู่ข้าได้ใช้พลังเข้าไปดูอดีตภายสมองของเขาแล้ว เขาเป็นเพียงบุรุษที่น่าสงสารต้องสูญเสียภรรยาและครอบครัวพร้อมกัน "
ซินหนี่ว์จ้องมองไปด้านหน้าด้วยแววตาที่เศร้าหมองภายในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวจนนางอยากจะทำให้เขากลับมาสดใสอีกครั้งนางจึงเกิดแผนคิดจะทำให้เขากลับมายิ้มและสดใสเหมือนเคยนางยิ้มออกมายังชั่วร้าย
“ท่านยิ้มอย่างนี้อย่าบอกนะว่าท่านมีแผนอะไรอีก” ฉู่ลี่หยางมองหน้าซินหนี่ว์พร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัยเมื่อเห็นนางยิ้มเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่านางต้องมีเรื่องให้ทำอย่างแน่นอน
“ใช่ข้าบอกเจ้าก็ได้ถ้าจะทำให้ชายผู้นี้กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้งเจ้ารู้หรือไม่ชายผู้นี้มิได้เป็นชายสมองแป้งเปียกหรือสติไม่ดีเขาแค่แสร้งทำเท่านั้น ” นางพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความตั้งใจ
“อย่าบอกนะว่าท่านจะอยู่ที่นี่อีกท่านไม่ได้ยินหรืออย่างไรว่าชายผู้นี้บอกให้ท่านออกจากเรือนของเขาในรุ่งสาง ” ฉู่ลี่หยางเคียงคอจ้องมองอย่างสงสัย
“ก็ข้ามีแผนอย่างไรเล่า เมื่อแสงตะวันขึ้นสู่ท้องฟ้า ข้าก็จะแสร้งทำเป็นเจ็บท้องไม่สบายจะได้อยู่ที่นี่ต่อ เช่นนี้ก็ทำให้ข้าได้อยู่ที่นี่อต่ออีกสักนิด ฉู่ลี่หยางเจ้ารู้หรือไม่เวลาที่ถูกชะตาผู้ใดยากที่จะเปลี่ยนใจ”
“แต่ทว่าท่านพึ่งพบเจอชายผู้นี้เพียงไม่กี่ชั่วยาม ทำไมถึงได้หลงใหลเขาเพียงนี้ หรือว่ามนุษย์ผู้นี้มีพลังทำให้ท่านหลงเสน่ห์ได้นะ ไม่ได้การละข้าจะไปจัดการชายผู้นี้เอง” ฉู่ลี่หยางเหมือนจะทำท่าทางเดินออกไปด้านนอกหาเฟยอวี่ แต่ก็ถูกซินหนี่ว์ดึงแขนห้ามไว้ก่อน
“หยุดนะ ชายผู้นี้ไม่ได้ทำอันใดข้าแม้แต่น้อย เจ้ายังไม่รู้จักความรัก เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่ารักแรกพบเป็นเช่นไร”
“แล้วท่านรู้จักความรักหรือ” ฉู่ลี่หยางย้อนกลับมาหานายของตนเอง
“ไม่! ข้าเองก็ไม่รู้ว่านี่เรียกว่าความรักหรือไม่ แต่ข้าสงสารเขาจริงๆ” น้ำเสียงแผ่วเบาตอบออกมาทำให้ฉู่ลี่หยางใจอ่อน
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะยอมให้ท่านอยู่ที่นี่ต่อแต่ข้าขอเตือนนะเจ้าคะ ว่ามนุษย์นั้นใจมิได้คงที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา”
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง วางใจได้ เจ้าเองก็ไปพักผ่อนเถอะข้าเองก็จะพักสักนิด” ซินหนี่ว์ได้บอกให้ฉู่ลี่หยางไปพัก นางเองก็เดินมาที่เตียงนอนพร้อมนอนลงไป แต่ก็ต้องแปลกใจที่ฉู่ลี่หยางยังยืนมองนางอยู่ไม่วางตา
“มีอันใดอีก ทำไมเจ้าไม่ไปพัก”
“ท่านลืมหรือเจ้าคะ ว่าที่ห้องนี้มีเตียงเดียว จะให้ข้าไปนอนที่ใด”
“จริงสินะ งั้นก็ขึ้นมานอนข้างๆ ข้าสิ” ซินหนี่ว์ หันซ้ายหันขวาก่อนจะตบลงที่เตียงให้ฉู่ลี่หยางมานอนข้างๆ นาง ในที่สุดทั้งสองก็ได้หลับไป