ตอนที่6 ตอนพิเศษเรียกข้าว่าเฟยหมิง
เขามีนามว่า หวงเฟยหมิง
เขาเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเว่ย เขาเป็นพระอนุชาเพียงคนเดียวขององค์หญิงแคว้นเว่ยที่มีนามว่า หวงเหม่ยเหลียน
เขากับเสด็จพี่มีกันแค่สองพี่น้องที่เกิดจากมารดาในอุทรเดียวกัน
เขาเดินทางข้ามแคว้นมากับภคินีของเขาเมื่อภคินีของเขาต้องมาแต่งงานหมายเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นกับองค์ชายของแคว้นหยางเป่ยผู้มีนามว่า หยางจื้อเฉิง นั่นจึงทำให้เขากับองค์ชายหยางจื้อเฉิงค่อนข้างจะสนิทกันถึงแม้ว่าอายุของเราจะห่างไกล เพราะในยามนั้นเขาอายุได้เพียงเจ็ดขวบ ส่วนองค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงอายุย่างยี่สิบปีเข้าไปแล้ว
ในวันหนึ่ง วันที่มีสตรีงดงามปานล่มเมืองผู้หนึ่งได้เดินทางมาหาองค์ชายหยางจื้อเฉิง วันนั้นเขาอยู่ไม่ไกลจากศาลากลางอุทยานภายในวังขององค์ชายสี่เขาได้ยินองค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงเรียกสตรีนางนั้นว่าม่านเซียง
เขาพอจะดูออกว่าสตรีนางนั้นเป็นคนรักขององค์ชายหยางจื้อเฉิง และนางก็คงยังไม่รู้ว่าคนรักของนางกำลังมีองค์หญิงจากต่างแคว้นเดินทางมาเชื่อมสัมพันธ์
เขาแอบเห็นนางมาบอกกล่าวแก่องค์ชายหยางจื้อเฉิงว่านางกำลังตั้งครรภ์กับองค์ชายหยางจื้อเฉิง
เขาที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลากลางอุทยานมีเพียงพุ่มไม้กางกั้นนั่นพลันได้ยินทั้งหมด เพราะว่าเขากำลังเดินทางมาเที่ยวเล่นกับองค์ชายหยางจื้อเฉิงตามวิสัยแต่ยังไม่ทันได้เข้าไป
เขาที่เป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆ หลังพุ่มไม้ที่สูงท่วมหัวจึงได้แอบเห็นทุกอย่าง ทุกการกระทำขององค์ชายหยางจื้อเฉิง
แต่เขาไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
ด้วยอายุที่น้อยเกินไปใครไหนเลยจะเชื่อฟัง
นั่นจึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้เรื่องพวกนี้
และแล้วไม่นานต่อมา
คนสามคนกับรักสามเศร้าของพวกเขาพลันเกิดขึ้น
พวกเขาทั้งสามก็ได้เจอกันตรงศาลานั่น
องค์ชายหยางจื้อเฉิงทรงเลือกที่จะเดินเข้าหาเสด็จพี่ของเขา ทั้งสองส่งยิ้มให้กันและพากันเดินไปโดยไม่สนใจสตรีนามว่าม่านเซียง
ยามนั้นเขาก็ได้แอบเห็นอีกเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กอยู่ แต่ก็มิใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจอันใด
และต่อมา การเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจแห่งราชวงศ์ของ หยางเป่ยก็เกิดขึ้น
เมื่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคต การกระทำอันโหดร้ายจึงไม่อาจหลีกเลี่ยง
เขาในยามนั้นที่อายุเพียงเจ็ดปีหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดไม่ ด้วยวัยที่ยังเด็กเกินไป แต่ถึงกระนั้นเขากลับรับรู้เรื่องราวและเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
องค์ชายหยางจื้อเฉิงกับเสด็จพี่เหม่ยเหลียนของเขาร่วมมือกัน
เพื่ออำนาจ เพื่อความยิ่งใหญ่ เพื่อการดำรงอยู่เหนือผู้ใด
เขาที่ยังอยู่ในวัยเด็กหาได้มีใครสนใจในตัวเขาไม่
เขาที่สามารถแอบหนีไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างแนบเนียนอยู่เป็นนิตย์ จึงได้แอบหนีออกมาจากวังตะวันตกของพระราชวังหยางเป่ยที่พำนักพักพิงชั่วคราวของเขา เพื่อลักลอบมาดูเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนั้นอยู่ไกลๆ
เขาได้แอบเห็นสตรีนามว่า ม่านเซียง ได้รับการช่วยเหลือจากทหารนายหนึ่ง และเขาก็ยังคงไม่บอกกล่าวแก่ใครออกไป
หลังจากศึกนองเลือดได้จบลง ตระกูลหลิวทั้งหมดตายในกองเพลิงพร้อมกับจวนของพวกเขาที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง
และไม่นานต่อมา องค์ชายสี่หยางจื้อเฉิงก็ขึ้นครองราชย์ โดยมีเสด็จพี่เหม่ยเหลียนของเขาเป็นฮองเฮา
หลังจากนั้นเขาก็เดินทางกลับไปยังแคว้นเว่ยและอยู่ที่แคว้นเว่ยเสียหลายปี
แต่ทว่า...
เรื่องราวของสตรีนามว่าหลิวม่านเซียงยังคงคาใจ
เมื่อเขาโตขึ้นจนเป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดย่างเข้าสิบแปดปี
เขามักจะออกเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่สนใจใคร ไม่สนใจงานราชกิจช่วงชิงเอาหน้าเอาตา เขาชอบชีวิตอิสระ ไม่ชอบเรื่องของขั้วอำนาจอะไรทั้งนั้น จนได้ฉายาว่าเป็นองค์ชายเจ้าสำราญ
เขาได้เดินทางท่องเที่ยวข้ามแคว้นมาจนเจอกับป่าใหญ่แห่งนี้ และได้บังเอิญเจอเข้ากับดรุณีน้อยนางหนึ่ง
นางมีใบหน้าพริ้มเพรางดงามอ่อนหวาน คิ้วสวย ดวงตาเรียวโต ผิวพรรณขาวนวลเนียนดั่งหยกสลัก ถึงแม้จะแต่งกายด้วยอาภรณ์เป็นผ้าเนื้อหยาบสีหม่นทั้งเก่าทั้งขาดแต่ก็ไม่สามารถบดบังความงามของนางได้แต่อย่างใด
นางคล้ายกับพรายงามในป่าลึกลับ คล้ายกับของหายากที่เขาช่างโชคดีได้ประสบพบเจอ
นางกำลังจับปลาอยู่ในลำธารอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เขาแอบมองนางจากบนต้นไม้อยู่ไม่ไกล
ยามนั้นนางน่าจะอายุได้แค่สิบขวบ
นางยังเป็นเด็กเล็กนัก นางอาศัยอยู่กับมารดาของนางเพียงลำพังในป่าใหญ่แห่งนี้
มารดาของนาง...
หลิวม่านเซียง
หากเขาไม่แอบตามนางมาอย่างนึกสนุกจนเจอเข้ากับบ้านของนางและแอบได้เห็นมารดาของนาง
เขาคงไม่อาจจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร
นางเป็นธิดาคนแรกของหยางจื้อเฉิง
นางเป็นถึงราชธิดาของฮ่องเต้แห่งแคว้นหยางเป่ย
หลังจากนั้นเขาจึงเดินทางมาคอยวนเวียน มาสอดส่องดูแลสองแม่ลูกอยู่ห่างๆ มิได้แสดงตัวตนแต่อย่างใด
ยามเมื่อมีบุคคลแปลกตาที่อาจจะเป็นภัยใกล้เข้ามาถึงตัวพวกนางสองแม่ลูก เขาจึงคอยขับไล่ให้ห่างไกล
เขาแอบสืบจนล่วงรู้ว่า ในวันที่เกิดเหตุนองเลือดครั้งนั้น ทหารที่ได้แอบช่วยเหลือสองแม่ลูกคู่นี้เอาไว้เป็นถึงท่านแม่ทัพใหญ่นามว่าเทียนฉิน และต่อมาท่านแม่ทัพผู้นั้นก็ตายไปจากศึกสงครามครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน
จนต่อมาในวันหนึ่งมารดาของสตรีนางนั้นได้ล้มตายไปอีกคน คงเหลือไว้แค่นางที่ยังคงยืนหยัดที่จะอาศัยอยู่ในป่าใหญ่เพียงลำพัง
ในยามนั้นนางอายุเพียงสิบสี่ปี
ในขณะที่เขาอายุได้ยี่สิบสองปี
เขาได้เฝ้ามองนาง แอบมองนางเติบใหญ่จากเด็กหญิงวัยเยาว์จนเข้าวัยดรุณีและวัยสาวสะพรั่งทีละเล็กทีละน้อย
จนใจชายเช่นเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนไป
เขาที่เป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยแล้วได้มองเห็นนางเจริญเติบโตมีการเปลี่ยนแปลง จากเด็กหญิงตัวน้อยรูปร่างผอมบางตัวเล็กทรงกระบอก นางเริ่มเปลี่ยนไป จากที่ไม่มีอะไรก็มีขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ส่วนเว้าส่วนโค้งของนางทำเขาหวั่นไหวในใจไม่เบา
ยามเมื่อนางยังเด็กนางช่างงดงามแล้ว เมื่อยามนางโตเต็มวัยนางยิ่งงามล้ำ ดวงตาของนางเรียวสวยทอประกายสดใส คิ้วโค้งได้รูป จมูกน้อยๆ ตั้งตรงเชิดรั้น ริมฝีปากของนางสีสวยหวานจับใจ ผิวพรรณของนางขาวนวลเนียนละเอียดลออน่าสัมผัสน่าลูบไล้ เวลานางแย้มยิ้มช่างตราตรึงได้ใจ
สัตว์น้อยใหญ่ในป่าช่างน่าอิจฉาสิ้นดี เขาเห็นนางหยอกล้อกับพวกมันออกบ่อยไป การกระทำอย่างนั้นของนางทำเขานึกหวาดหวั่นเกรงจะไปฆ่าฟันพวกมันให้หมดป่า
นั่นจึงทำให้เขายิ่งไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนออกไปด้วยกลัวว่าจะไม่อาจห้ามใจกับอารมณ์บางอย่างที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้หากว่าได้ใกล้ชิดกัน
และไม่นานต่อมา นักฆ่าล่าค่าหัวสูงวัยรายหนึ่งได้เดินทางหลบหนีทางการมาจนมาเจอบ้านกลางป่าที่นางอาศัยอยู่
นักฆ่ารายนั้นได้เดินทางมาเจอเข้ากับเขาที่เป็นดั่งปราการคอยปกป้องนางอยู่
พวกเราได้ตกลงกันถึงการรับนางเป็นศิษย์เพื่อประสิทธิ์ประสาทวิชาให้นางเพื่อความปลอดภัยและความอยู่รอดของนาง แลกกับการได้เงินจำนวนหนึ่งไปตั้งตัวยังดินแดนห่างไกลไร้ทางการติดตาม
และมันก็เป็นดังที่เขาคาดคิด เมื่อทั้งสองพูดคุยกันถูกคอจึงตกลงกันเป็นศิษย์อาจารย์ในเวลาเพียงไม่นาน
นางได้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ต่างๆ จากอาจารย์ของนางที่เป็นนักฆ่าระดับตำนาน ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้นางได้อยู่รอดมาโดยตลอดแม้ว่าจะเป็นแค่สตรีตัวเล็กๆ กลางป่าใหญ่
การฝึกฝนผ่านไปถึงสองปีในยามนั้นนางอายุได้สิบหกปีและไม่นานนักฆ่าท่านนั้นก็จากไป
เหลือนางคนเดียวในป่าแห่งนี้อีกครา
จนในวันหนึ่งในปีถัดมา
วันนั้นเป็นวันล่าสัตว์ประจำปีของฮ่องเต้แคว้นหยางเป่ย
เขาซึ่งคอยแอบมองนางมาโดยตลอด เขาจึงได้รู้ได้เห็นทั้งหมด
ในวันนั้นนางกระทำการบางอย่างเพื่อที่จะเปิดเผยตัวตน
นางหาโอกาสแทรกซึม ปั่นหัวทุกผู้คน
แล้วนางก็ขอพระราชทานอนุญาตเพื่อเข้าวัง
นางตัดสินใจปลอมตัวเข้าวังมาโดยเป็นนางกำนัลชั้นล่างตัวเล็กๆ ไร้ความโดดเด่น ซึ่งนั่นล่ะที่นางคิดผิด
ความงดงามของนางจะทำให้นางไม่โดดเด่นได้อย่างไร
นั่นจึงทำให้เขาเองก็ได้ตัดสินใจเช่นเดียวกัน
เขาจึงแอบเข้ามาขอพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้ หยางจื้อเฉิงพระเชษฐภาดาของเขา ให้เขาเข้ามาประจำการในวังหลวง มาเป็นเพียงราชองครักษ์ประจำวังหลวง ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการทำสิ่งแปลกใหม่ให้กับชีวิตหนุ่มเจ้าสำราญไร้แก่นสารเช่นเขา โดยขอปกปิดฐานะที่แท้จริงเพื่อความสนุกสนาน
เสด็จพี่ของเขาย่อมตามใจเขา นางตามใจเขาในทุกๆ เรื่องมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่คิดขวาง
ทั้งสองพระองค์ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขาต้องการทำสิ่งใด
เขาเลือกการปลอมตัวปลอมฐานะอยู่ในวังหลวงแห่งนี้ เพื่อที่อาจจะทำให้เขาได้เห็นทุกการกระทำของนาง เพื่อมิให้นางได้กระทำการมิบังควรจนตัวนางอาจจะเกิดอันตราย
ทั้งยังมิวายที่จะต้องปกป้องพี่สาวตามวิสัยของน้องชายเช่นเขา
และเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสสอดส่องดูแลนางอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่เคยเป็น โดยไม่ให้นางได้รู้ว่าเขาเป็นใคร
หากว่านางรู้ว่าเขาเป็นถึงพระอนุชาของฮองเฮา สตรีที่แย่งบิดาของนางไปจากมารดาของนาง
หากนางรู้ นางคงเกลียดเขา
เมื่อยามที่นางอยู่ในวัง นางมักจะหาโอกาสกระทำการอย่างย่ามใจ จนเขาเริ่มที่จะทนไม่ไหว จนต้องแสดงตัวตนออกไปในที่สุด
วันนั้นเมื่อเขาเดินมาเจอกับขบวนนางกำนัลของนาง เขาชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง หญิงสาวก้มหน้าก้มตาอยู่เบื้องหลังนางกำนัลคนอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียน แต่เขากลับเห็นนางโดดเด่นมากกว่านางกำนัลคนอื่นๆ อยู่หลายขุม ซึ่งนางคงไม่รู้ตัว
ชั่วครู่ต่อมาเขาเห็นว่านางกำลังจะแอบหนีไป เขาจึงทำทีเป็นมองไปทางอื่นเรียกร้องความสนใจให้ทุกคนหันมาสนใจมองตามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากคนอื่นๆ เพื่อให้นางได้หนีออกมา
และไม่นานเขาก็ตามนางออกมา
เขารอนางอยู่เป็นนานอย่างใจเย็นในป่าแห่งเดียวกัน จับปลาอยู่ที่ลำธารเพื่อรอให้นางได้คุยกับมารดา และเมื่อนางอยู่ร่ำสุรากับมารดาจนพอใจนางก็เดินทางลงมาจากหน้าผาแห่งนั้นแล้วเดินมาหยุดที่ริมลำธารที่เขากำลังจับปลาอยู่
เขาแอบมองนางเหมือนที่เคยเป็น
นางล้างหน้าล้างตาจนหยดน้ำสวยใสเกาะใบหน้างามของนางพร่างพราว ช่างเป็นภาพที่ทำให้เขาไม่อาจถอนสายตา
แล้วจู่ๆ นางก็นึกอยากกินปลาก่อนจะเปิดแขนเสื้อ เปิดผ้า เปิดกระโปรง ทำท่าจะลุยน้ำลงมาทั้งอย่างนั้น
เขาถึงกับต้องรีบเข้าไปจับปลาให้นาง ด้วยเกรงว่านางจะลงน้ำมาจนอาภรณ์เปียกชื้นแนบกายเผยส่วนเว้าส่วนโค้งน่าอายซึ่งอาจจะทำให้ใจชายของเขาเกินเก็บข่มเกินยับยั้ง
และนั่นจึงเป็นการได้พูดคุยกันครั้งแรกของเรา
เขาทำได้แค่มองนางอย่างเก็บข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาทำได้แค่มองนางนิ่งงันไม่อาจกล่าวคำอันใดมากมาย เขาอยากกล่าวเตือนสตินางถึงอันตรายมากมายที่มีในวังหลวง เขาอยากบอกกล่าวแก่นางดีๆ ในนั้นไม่ใช่ที่ที่นางควรเข้าไป
แต่ท่าทีของนาง กิริยาของนาง ทั้งน้ำเสียง ทั้งสายตา ยามเมื่อนางมองมาที่เขา แบบนั้น...
เขารู้ ว่านางกำลังเสแสร้ง คิดหวังผล เขาแอบมองนางมาหลายปี มีหรือเขาจะไม่รู้ตัวตนจริงๆ ของนาง
แต่กิริยาแพรวพราวอย่างนี้ของนาง มันช่าง...
นางทำเขาหวั่นไหวไม่เบา จนใจชายของเขาเริ่มไร้การควบคุม
เดิมทีเขาเพียงเฝ้ามองนางจากที่ไกลๆ
หลายปีมาแล้วที่เขาทำได้แค่แอบมองนาง
เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนกับนาง ด้วยฐานะของเขา ความจริงของเขาที่ว่าเขาเป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไรกับบุคคลสำคัญที่เป็นต้นเหตุกับชีวิตของนาง ตั้งแต่นางอยู่ในครรภ์จนกระทั่งนางเกิดและเติบโตมาอย่างยากลำบาก
แต่เมื่อได้มองนางในระยะใกล้ๆ อย่างนี้ เขาถึงกับสิ่งใดไม่ถูก
แล้วดูนางทำ…
เขาจะห้ามใจตัวเองได้หรือไม่
แม่เสือร้ายที่หมายจะล่าเหยื่ออย่างนึกสนุก
ม่านนี…