บท
ตั้งค่า

ตอนที่5 ท่านเป็นใครกันแน่

บนทางเดินทอดยาวในป่าใหญ่

ม่านนีเดินอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวห่างออกมาเล็กน้อยจากทางด้านหลังของบุรุษที่นางจำได้แล้วว่าเขาเป็นถึงราชองครักษ์แห่งวังหลวง

หญิงสาวเห็นเป็นเพียงแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขา หาได้เห็นใบหน้าเย็นชากับแววตาคมกริบของเขาไม่ แต่ถึงกระนั้นนางก็พอจะเดาออกได้ไม่ยากว่าใบหน้าเย็นชากับแววตาคล้ายพญาเหยี่ยวของเขานั้นเป็นเช่นไร

นางควรจะตีสนิทกับเขาเอาไว้ เพื่อที่ว่าเขาอาจจะมีประโยชน์กับนาง

เมื่อม่านนีคิดได้อย่างนั้นนางจึงเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวเดินให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้เดินไปใกล้ๆ กับบุรุษหน้าตายตรงหน้า

แต่ทว่าเมื่อนางก้าวเท้าเดินบุรุษท่านนี้ก็หันหน้ามาหานาง

ม่านนีถึงกับสะดุดแต่นางหยุดเท้าเอาไว้ไม่ทันจึงชนเข้ากับแผงอกของเขาเต็มแรง

“อ่ะ!” นางอุทานออกมาได้แค่นั้นเมื่อเจอแผงอกบึกบึนทั้งแข็งทั้งแน่น “อา...เจ็บนะ หยุดทำไมเล่า” นางดุออกไปอย่างลืมตัวพลางยกมือขึ้นกุมจมูกของตนเอาไว้

“เจ้าจะทำอะไร” เขาถามเสียงเรียบด้วยสายตาดุดันไม่เปลี่ยนแปลง

ม่านนีจึงเงยหน้าขึ้นมองพลางเอ่ย “ข้าอยากแนะนำตัวกับท่าน เราควรทำความรู้จักกันเอาไว้”

นางกล่าวพลางลูบจมูกน้อยๆ ไปด้วย ยามนี้จมูกเรียวเล็กของนางแดงไปหมด นางรู้สึกได้ เพราะว่ามันเจ็บแล้วก็แสบจากการกระแทกกับแผงอกแน่นๆ ของเขา

“เรามีความผิดร่วมกันสมควรช่วยเหลือกันและกัน ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือไม่” นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“ความผิดอันใด” เขาขมวดคิ้วคมเข้มเข้าหากันพลางก้มหน้าถามนางแต่สายตากำลังมองจมูกแดงๆ ของนาง

“ความผิดที่แอบหนีออกนอกวังอย่างไรเล่า” นางตอบออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เจ็บจมูกอยู่นะ

“เจ็บมากหรือไม่”

“หือ...”

ม่านนีถึงกับสะดุดหูกับประโยคคำถามนั้นจากบุรุษตรงหน้าจึงได้แต่จ้องมองเขานิ่งงัน

นางมองสบเข้าไปในดวงตาคมเข้มทอประกายลึกล้ำยากเกินคาดเดาอารมณ์ของเขา

เขาเองก็กำลังจ้องมองเข้ามาในแววตาของนางเช่นเดียวกัน

แต่คล้ายกับว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงรีบหันหลังกลับไปแล้วเดินเท้าต่อเสียอย่างนั้น

ม่านนีสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

หูของเขาคล้ายกับว่าจะแดงๆ

เขาเป็นอะไรไป?

“นี่! ท่าน” หญิงสาวรีบเดินตามพลางยกมือขึ้นสะกิดลาดไหล่เนื้อแน่นของเขา “เมื่อครู่ท่านหันหน้ามามีเรื่องอันใดหรือไม่”

“ไม่มีอะไร” เขาตอบหน้านิ่ง ขณะเดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ คล้ายโกรธเคืองกัน

“ไม่มีอะไรแล้วหันหน้ามาหาข้าทำไม หรือว่า” หญิงสาวเว้นคำเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เอ่ยออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “ท่านหนีมาเที่ยวในป่านี่จริงๆ อย่างน้อยก็สองวันกระมัง”

ม่านนียังคงกล่าวพลางเดินตามติด “ท่านหิวก็เลยหาปลากินตามวิสัย ใช่หรือไม่”

บุรุษท่านนั้นถึงกับหันหน้ามามองม่านนี

เขามองนางนิ่งๆ ด้วยใบหน้าเฉยชาสายตาดุดัน

“ข้าพูดถูกใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางยกยิ้มชอบใจเมื่อเอ่ยอย่างนั้น ดวงหน้างดงามของนางพลันสว่างไสวพร่างพราวยามนางยิ้มออกมา

“เจ้า!” เขาดุอีกแล้ว

ดุจริงเชียว ไม่เห็นจะกลัว

ม่านนีคิดในใจแต่มิได้แสดงกิริยาใดๆ ออกมา

นางยังคงทำท่าทางสตรีใสซื่อไร้พิษภัยได้อย่างต่อเนื่อง นางคลี่ยิ้มหวานล้ำส่งให้เขาอย่างเอาใจ

เขาเป็นถึงราชองครักษ์ของวังหลวง ฝีมือน่าจะเก่งกาจไม่เบา ผูกไมตรีเอาไว้เผื่อไหว้วานอะไรได้บ้าง

นั่นคือความคิดของม่านนี

ชายหนุ่มมองท่าทางอย่างนั้นของม่านนีอยู่นิ่งๆ

เขาหยุดเดินแล้วยืนมองนางอยู่อย่างนั้น

สายตาคมกล้าของเขาคล้ายกับกำลังทอประกายบางอย่างทั้งยังเหมือนว่าจะร้อนแรงอีกด้วย

“ท่านเป็นอะไรหรือ” ม่านนีถามออกมาเมื่อมองเห็นใบหูของเขายังคงแดงๆ

“เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำก่อนจะสะบัดชายเสื้อเสียงดังแล้วก้าวเท้าเดินต่ออย่างดุดัน

“อีกแล้ว ข้าทำอันใด” นางยังคงงุนงง

ชายหนุ่มพาเรือนร่างสูงใหญ่เดินนำหน้าหญิงสาวไป โดยไม่หันมามองนางอีกเลย

ม่านนีมองท่าทางน่าเกรงขามของเขาอย่างเงียบงัน

เขาช่างดูทรงพลังน่าหวาดหวั่นไม่เบา ทำให้นางนึกถึงอาจารย์ของนางขึ้นมา

อาจารย์ของนางที่เป็นนักฆ่ามักจะชอบดุด่าว่ากล่าวนาง ทั้งยังชอบแยกเขี้ยวใส่นาง เมื่อยามที่สั่งสอนนางเขาก็ฟาดพลังใส่นางอย่างดุเดือด เขายิ้มให้นางแค่ครั้งเดียวเมื่อยามจากลา

กับบุรุษตรงหน้าก็ท่าทางคล้ายๆ กัน

เพียงแต่ว่า เขาทั้งหนุ่มแน่นและรูปงามมากกว่าอาจารย์ของนางก็เท่านั้น

กับบุรุษผู้นี้ มีนางกำนัลน้อยใหญ่ต่างพากันเมียงมองมากมาย เขามักจะคงไว้ซึ่งมาดเรียบนิ่งท่าทางน่ายำเกรง ใบหน้าเย็นชา แววตาดุดันแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทีของเขามีแต่ความเฉยชาไร้ใครอยู่ในสายตาไม่ว่าในยามใด เขาหยิ่งยโสใช้ได้

หลายวันที่อยู่ในวังนางไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยคำกับผู้ใด

ขบวนนางกำนัลชั้นต่ำของนางได้เจอเขาอยู่หลายครั้ง เขายังคงไม่เคยเอ่ยคำอันใดตอบกลับมาเมื่อเวลาที่มีนางกำนัลใจกล้ากล่าวทักทายเขาไป

และบางครั้งนางก็ได้เห็นกับตาว่าถึงกับมีองค์หญิงแอบมองเขาด้วยเช่นกัน

เหล่าน้องสาวต่างมารดาของนางพวกนั้นมองเขาด้วยสายตาทอประกายวาบหวามแต่ต้องเก็บข่มมันเอาไว้ด้วยเพราะเป็นสตรีสูงศักดิ์ต้องระมัดระวังกิริยา

แต่กระนั้นม่านนีก็พอจะดูออก เหล่าสตรีทั้งหลายคงอยากจะเข้ามาขย้ำบุรุษผู้นี้ให้จมเขี้ยวด้วยความพิศวาสเกินยับยั้ง

อืม...อันที่จริงก็น่าแปลกที่นางบังเอิญได้เจอกับเขาในป่าใหญ่

เขามาทำอะไรในป่านี่ ดูท่าทางเขาจะคุ้นชินกับทิศทางในป่าแห่งนี้เป็นอย่างดีเสียด้วย

น่าแปลกยิ่ง!

ม่านนีคิดอย่างนั้นอยู่ในใจ พลางเดินตามร่างสูงใหญ่ของบุรุษตรงหน้าไปอย่างใจเย็น

“นี่ท่าน” นางเรียกเขาเสียงเบา

เขาถึงกับหยุดเดินก่อนปรายสายตามองมาทางนางนิ่งงันหาได้ขานรับหรือส่งเสียงอันใดไม่

แต่อย่างน้อยเขาก็ถึงกับหยุดเดินเพื่อรอฟังว่านางจะกล่าวสิ่งใด

“ท่านมาทำอะไรในป่านี่”

และคำถามของม่านนีก็ทำเอาบุรุษตรงหน้าถึงกับชะงักไป

ชะงักทำไม?

ม่านนีถามในใจ

“ท่าทางของท่านดูจะรู้จักป่าแห่งนี้เป็นอย่างดี ท่านเคยมาบ่อยหรือ แล้วทำไม...” ม่านนีหยุดคำเพียงเท่านั้น หากว่าเขาเคยมาป่าแห่งนี้บ่อยจริงดังนางสงสัย แล้วทำไมนางไม่เคยเจอเขา

น่าแปลกยิ่งนัก

เขาเป็นใครกันแน่

ม่านนีถามตนเองอยู่ในใจพลางจ้องหน้าเขานิ่งๆ เพื่อหยั่งเชิง สายตาหวานใสของนางพลันเปลี่ยนไปเป็นสายตาคมเฉี่ยวคล้ายเหยี่ยวจ้องตะครุบเหยื่อ

เขาเองก็ไม่แตกต่าง

สายตาของเขาที่เดิมทีคล้ายกับพญาเหยี่ยวอยู่แล้ว ในยามนี้ก็พลันเปลี่ยนไป คล้ายกับเป็นสายตาคมดุของราชสีห์กระนั้น

อา...นางเริ่มไม่ไว้ใจเขาเสียแล้ว

ม่านนีเริ่มคิดได้อย่างนั้นพลางเปลี่ยนท่าทีทั้งหมด

“ท่านเป็นใครกันแน่” ม่านนีถามออกไปพลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมดุของเขาอย่างเข้มข้น

บุรุษตรงหน้ายืนเงียบงันไร้ซึ่งเส้นเสียงใดๆ

ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันนิ่งๆ เนิ่นนานไร้วาจาอีกอึดใจ

“ข้าถามว่าท่านเป็นใคร” หญิงสาวเริ่มเสียงเข้มเมื่อถามซ้ำประโยคเดิม ดวงตาของนางจับจ้องจิกกัดอย่างกดดันเข้าใส่เขาอย่างไม่มีหวั่นเกรง

“หากท่านไม่บอก ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดกับท่าน ลาก่อน” ม่านนีส่งเสียงเข้มข้นพลางหันหน้าเปลี่ยนทิศเพื่อจะเดินผละไป

กับบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจนางไม่ควรต่อคำ

“เรียกข้าว่าเฟยหมิง” เสียงทุ้มต่ำพลันเอ่ย

ม่านนีหันหน้ากลับมามองแต่ยังคงฉายแววคมเฉี่ยวในดวงตา หาได้มีประกายล้อเล่นอันใดไม่

ความอ่อนหวานใดๆ ก็ไม่มี

กิริยานอบน้อมก่อนหน้านี้หาได้เกิดขึ้นอีกแต่อย่างใดไม่

“ท่านมีนามว่าเฟยหมิงหรือ” ม่านนีถามออกไป

“อืม” เขาตอบรับในลำคอเบาๆ ดวงตาคมกล้าแต่ทว่าคล้ายซับซ้อนจ้องมองม่านนีไม่วางตา

“แต่ท่านไม่น่าไว้ใจ เราควรแยกทางกัน” จบคำก็รีบเดินแยกตัวออกไป

“เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้ ม่านนี”

“หือ!?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel