ตอนที่11 สัญชาตญาณ1
ม่านนีเดินมาตามทางอย่างใจเย็นพลางสอดส่ายสายตาของตนมองไปเรื่อยๆ ตามพุ่มไม้ ตามต้นไม้ ตามมุมสูงของกำแพง หวังเพียงว่าจะเจอกับสัตว์มีพิษสักตัวหรือสองตัวหรือมากกว่านั้น
แต่ภายในพระราชวังหยางเป่ยแห่งนี้กลับไม่มีสัตว์พิษใดๆ ปรากฏแก่สายตาของนางเลยแม้แต่ตัวเดียว ทุกมุมของพระราชวังแห่งนี้ช่างสะอาดหมดจดเกลี้ยงเกลาไร้สัตว์มีพิษใดๆ มาก่อกวน ซึ่งความสะอาดหมดจดอย่างนั้นแน่นอนว่าย่อมเกิดมาจากนางกำนัลชั้นต่ำอย่างพวกนางที่มักจะได้รับมอบหมายให้มาทำความสะอาดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
อา...นางลืมไปได้อย่างไร
ทั้งนี้ต้นไม้ใบหญ้าก็ยังได้รับการตกแต่งอย่างดีในแบบที่ตั้งใจให้ร่มรื่นผิดธรรมชาติและยังมีบุคคลคอยดูแลเก็บกวาดใบไม้ใบหญ้าให้หมดไปอยู่ตลอดเวลา
แม้แต่หนูตัวน้อยๆ สักตัวก็หาได้มีไม่
จะมีก็เพียงแมวน้อยน่าเอ็นดู หรือไม่ก็กระต่ายขนดกเงางามที่บรรดาองค์หญิงเลี้ยงเอาไว้แล้วปล่อยให้วิ่งเล่นมีนางกำนัลผู้น่าสงสารคอยวิ่งตาม
อา...คิดถึงแมงมุมพิษ งูพิษ คางคกพิษ ในป่าใหญ่เสียจริงเชียว คงต้องหาโอกาสหนีออกไปอีกคราในเร็วๆ นี้เสียแล้ว
ม่านนีคิดในใจพลางถอนหายใจบางเบาก่อนผละสายตาออกมาจากพุ่มไม้พุ่มหนึ่งไปยังพุ่มไม้อีกพุ่มหนึ่งอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นหญิงสาวสังเกตเห็นสายตาบางอย่างจากกลุ่มของนางกำนัลกลุ่มหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากระยะสายตาของนางมากนัก
สายตาบางอย่างที่ว่านั้น คล้ายกับแค้นเคืองอันใดนาง
อะไรกัน?
ม่านนีจึงหันเหสายตามองตอบกลับไปยังเจ้าของสายตาบางอย่างที่นางรับรู้ได้เมื่อครู่
ตามทิศทางที่ม่านนีมองไปนั้นปรากฏภาพของนางกำนัลในระดับชั้นที่สูงกว่าม่านนีกำลังยืนมองมาทางม่านนีอยู่ไม่ไกล
ม่านนีรับรู้ได้ว่าพวกนางมีระดับชั้นที่สูงกว่านางกำนัลระดับล่างอย่างม่านนีเพราะถ้าหากว่าอยู่ในระดับชั้นที่ต่ำเช่นเดียวกันกับนาง พวกนางจะต้องสวมใส่อาภรณ์สีขาวล้วนเหมือนกัน มวยผมเอาไว้ในลักษณ์เดียวกัน ไร้การปักเครื่องดับใดๆ บ่งบอกถึงลำดับชั้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินชัดเจน และถ้าหากว่าเป็นนางกำนัลที่ระดับชั้นสูงมากกว่านั้นก็จะแต่งกายด้วยอาภรณ์อีกสีหนึ่ง มวยผมจะมีการประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับบ่งบอกตำแหน่งชัดเจน
นี่ยังไม่นับรวมกับนางกำนัลที่เป็นคนสนิทในระดับต่างๆ ของเหล่าองค์หญิงองค์ชายทั้งหลาย
ม่านนีมาอยู่ที่นี่ได้หลายวันนางจึงสังเกตทุกอย่างได้ไม่ยาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้สังเกตได้ง่ายดายกว่ามากหากเปรียบเทียบกับชนิดของสัตว์ป่ามากมายและกิริยาท่าทางต่างๆ ของพวกมัน
ม่านนียืนคิดอย่างนั้นพลางมองตอบกลับไปยังเจ้าของสายตาบางอย่างที่มองมาทางนาง หญิงสาวยืนพินิจสตรีพวกนี้คล้ายกับกำลังวิเคราะห์สัตว์ป่าอยู่กระนั้น
“มีราชองครักษ์ส่งจดหมายให้ด้วยหรือ ชิ!”
จู่ๆ เสียงของสตรีนางหนึ่งที่อยู่ในอาภรณ์ของนางกำนัลระดับที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีชมพูอ่อนมีการใส่เครื่องประดับเล็กน้อยบนมวยผมสีดำขลับของนางกำนัลนางนั้น สตรีนางนั้นกำลังเอ่ยคำอย่างกระซิบกระซาบดุดันกับอีกสตรีอีกนางหนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ในเมื่อนางงดงามถึงเพียงนี้ หึ!” อีกนางหนึ่งตอบคำด้วยประโยคที่ชื่นชมแต่ตบท้ายด้วยเสียงสบถเสียอย่างนั้น
ม่านนีได้ยินทั้งหมด แต่นางมองตอบสายตากลับไปตามวิสัยด้วยสายตานอบน้อม ใบหน้าสุดแสนใสซื่อ คล้ายขออภัยพลางคิดในใจ
นางยังไม่อยากฆ่าใคร
จริงๆ
ม่านนีคิดอย่างนั้นพลางถอนสายตาออกจากสตรีทั้งสองอย่างไร้ซึ่งอาการสนใจใคร่ดีใดๆ คล้ายกับว่านางไม่กล้าต่อกรกระนั้น นางแค่เดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งก็เท่านั้น
กับสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เป็นเพียงแมลงตัวจ้อยไร้ราคาน่าสนใจนางหาได้ต้องเสียเวลาด้วยไม่
ม่านนีคิดอย่างนั้นจึงเลือกที่จะเดินให้ลับสายตาไปคงเหลือเอาไว้เพียงสองนางกำนัลที่ทำได้แค่ยืนถลึงตาจ้องมองอย่างนึกหมั่นไส้ได้แค่นั้น
แต่ทว่า...เพียงไม่กี่วันถัดมา
พลันมีข่าวแว่วมาว่า องครักษ์สามนายได้ถูกย้ายสังกัดอย่างเร่งด่วนแบบไม่ทันได้ตั้งตัวให้ไปเฝ้าตำหนักในวังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเขตเมืองหลวงห่างไกลออกไปเสียอย่างนั้น
และสามองครักษ์นั้นก็เป็นสามองครักษ์ที่ส่งจดหมายรักให้ม่านนีเสียด้วย
ซึ่งมันก็นำความงุนงงมาให้กับเสี่ยวถิงอย่างเหลือประมาณ บ่อเงินบ่อทองของนางโดนย้ายไปเสียหมดแล้วอย่างนี้
ได้อย่างไรกัน?
ไม่น่าเลย...
ภายในพระราชวังแห่งแคว้นหยางเป่ยแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลจนไม่อาจวัดขนาดได้ว่าใหญ่เท่าไหร่
ม่านนียังคงทำตัวกลมกลืนกับเหล่านางกำนัลชั้นต่ำของนางอยู่ต่อไป ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสได้พบพานกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้าดังเช่นบิดาบังเกิดเกล้าและแม่เลี้ยงใจร้ายผู้นั้น
ชีวิตในแต่ละวันของม่านนียังคงอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูตรงนั้นทีตรงนี้ทีตามคำสั่งของหัวหน้านางกำนัลชั้นต่ำก็เพียงเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าม่านนีจะยังมิได้กระทำการปั่นป่วนอันใดได้อย่างที่ใจต้องการ นางก็หาได้ร้อนรนแต่อย่างใด นางถือเสียว่าได้ทำความรู้จักกับดินแดนศัตรูไปอย่างเพลิดเพลิน นางได้ตระเวนไปทางนั้นทีทางนี้ทีจนเริ่มที่จะคุ้นชินไปเกือบทุกเส้นทาง
ของแบบนี้มันไม่จำเป็นจะต้องใจร้อน การแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย หากใจร้อนผลีผลามเกินไปอาจจะเป็นการเอาชีวิตมาทิ้งเสียมากกว่า หากเป็นเช่นนั้น นางจะไปพบหน้าท่านแม่ที่ปรโลกได้อย่างไร
ยามใกล้ค่ำท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัวอีกไม่นานก็คงมืดมน
ม่านนีจึงถือโอกาสมาเดินเล่นหลังจากเสร็จงานจิปาถะต่างๆ ตามหน้าที่นางกำนัลต่ำต้อยที่ถูกเรียกใช้จากหัวหน้า ของหัวหน้า ของหัวหน้านางกำนัลอีกชั้นหนึ่งที่ส่งมาเป็นทอดๆ แล้วนั้น นางเดินทอดน่องมาตามทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อนสวยงามในอุทยานที่ซึ่งไร้ผู้คนใดๆ
ภายในอุทยานหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลคล้ายป่าใหญ่ก็ไม่ปาน แค่แตกต่างตรงที่ต้นไม้ในสถานที่แห่งนี้ช่างงดงามยิ่งนัก มันมิได้มืดครึ้มหนาวเหน็บเปียกชื้นด้วยเส้นทางที่รกรุงรังแต่อย่างใด
ต้นไม้ทุกต้นได้รับการตกแต่งให้ชูยอดชูกิ่งก้านใบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหล่ามวลบุบผาล้วนเบ่งบานชูช่อแข่งขันกันออกดอกสวยงามกันอย่างครื้นเครง มีก้อนหินรูปร่างงดงาม มีสระบัวกว้างขวาง
อืม...มิรู้ได้ว่าจะมีปลาตัวอวบอ้วนด้วยหรือไม่
ม่านนีเริ่มสงสัยถึงเรื่องนี้ขึ้นเมื่อเดินมาจนถึงริมสระบัวงดงามขนาดใหญ่ นางยืนเหม่อมองลงไปในสระบัวตรงนั้นอย่างเหม่อลอยคล้ายวิญญาณลอยละล่องเหมือนที่เคยเป็นมา
เวลาโพล้เพล้พลันเคลื่อนเลื่อนมาเปลี่ยนเป็นมืดค่ำดำสนิทในชั่วอึดใจ แสงจันทร์สาดส่องเพียงรำไรแผ่เส้นสายใยสีนวลให้ขจายทิ้งตัวลงมา
สายลมแผ่วเบาพัดไล้ไปตามใบหน้านวลเนียนจนรู้สึกเย็นวาบนาบอยู่สองข้างแก้ม ผ้าสีขาวล้วนไร้สีอื่นใดในอาภรณ์ของนางกำนัลที่ม่านนีสวมใส่พลันปลิวสยายลู่ไปเบาๆ ตามแรงลมที่ไล้เลื่อนเคลื่อนมากระทบกับมัน
ม่านนีรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาฉับพลันในขณะเดียวกันก็เลื่อนสายตาขึ้นมาจากสายธาราเพื่อมองเหม่อออกไปยังกำแพงวังสูงชันที่ตั้งอยู่ไกลลิบ
หญิงสาวยืนนิ่งงันคล้ายรูปสลักรูปปั้นเย็นกระนั้น นางแหงนคอมองขึ้นไปยังท้องฟ้ามืดดำอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ไร้ซึ่งหมู่ดวงดาวทอประกายใดๆ แต่ทว่ากลับมีดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่เพียงหนึ่งดวง
ความรู้สึกบางอย่างจึงเริ่มที่จะถาโถมเข้ามา
ความรู้สึกที่ว่านางมักจะมีมาแต่ไหนแต่ไร
ไม่ว่าจะในป่าใหญ่หรือแม้กระทั่งในขอบเขตของวังหลวงแห่งนี้
ไม่ว่าที่ใด
นางก็ยังคงยืนอยู่แบบนี้
ยืนอยู่อย่างนี้
นางยังคงยืนอยู่อย่างเดียวดาย
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า นางก็ยังคงยืนอยู่อย่างนี้
ยืนอยู่คนเดียว
อยู่คนเดียวมาโดยตลอด
ไร้ผู้คนสนใจ ไร้ใครเหลียวแล ไร้ผู้รักใคร่ใยดี
มารดาของนางยังคงรักบิดาของนางไม่เคยสร่างซาถึงขั้นตรอมตรมอยู่ตลอดเวลาทุกเมื่อเชื่อวัน จนสุดท้ายก็ทนไม่ได้และตายจากนางไป
กับอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับนางก็รักตัวเองมากกว่าที่จะรักนางที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาจึงได้เดินทางไปไกลอย่างไร้เยื่อใยใดๆ ต่อเด็กน้อยที่เป็นลูกศิษย์หนึ่งเดียวอย่างนาง
กับบิดาของนาง
แน่นอนว่า...
เขาไม่มีทางรักนาง
เมื่อม่านนีคิดมาถึงตรงนี้ นางจึงหลับตาลงอย่างช้าๆ ใบหน้างดงามสะท้อนแสงจันทร์กำลังปรากฏริ้วรอยของความรู้สึกหลากหลาย ทั้งหดหู่ ทั้งเศร้าหมอง และเหงา...
อันที่จริง นางควรจะชาชินใช่หรือไม่
นางควรจะคุ้นชิน หรือไม่ก็เฉยชาไปเสีย
ไร้ความนึกคิด ไร้ความรู้สึกใดๆ
นางควรจะเลิกเหงา
หยุดเหงาเสียที...
ภาพของม่านนีในยามนี้ไม่แตกต่างอะไรกับธิดาสวรรค์ที่กำลังถูกลงโทษให้เหมือนกับตายทั้งเป็นโดยการถูกส่งให้ลงมาจากชั้นฟ้าให้กลายร่างเป็นเพียงผ้าขาวผืนน้อยที่ทั้งอ่อนไหวและยังเปราะบางคล้ายกับจะปลิวหายไปได้ทุกเมื่อยามต้องแรงลมที่รุนแรง
เฟยหมิงที่แอบมองนางอยู่รู้สึกได้อย่างนั้น
นางทำผิดอันใดกันถึงต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้
หากบิดาของนางไม่ลุ่มหลงในอำนาจ หากมารดาของนางไม่หลงใหลในความรัก และหากไม่มีพี่สาวของเขาเข้ามาแทรกกลาง
เช่นนั้นแล้ว นางคงไม่ต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้
เกิดมาอย่างเดียวดาย
อยู่มาอย่างเดียวดาย
และเขา
ก็คงไม่ต้องแอบมองนางอย่างอดทน
อยู่แบบนี้...
ตรงริมสระบัวผืนใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยม่านน้ำสีดำสนิทสะท้อนกับแสงของจันทราที่เพียงสาดส่องลงมาด้วยแสงสีขาวนวลลออ
ภายในอุทยานที่หนาวเย็นเพราะกำลังมีสายลมบางเบาพัดมาไม่ขาดสาย เสียงกระซิบจากยอดไม้ที่เอนลู่ตามแรงลมเบาๆ กำลังดังเข้ามาในโสตประสาทของบุคคลทั้งสองจนมีเสียงดังอื้ออึงผิดแปลกไป
หนึ่งเงาของบุรุษในอาภรณ์สีดำทะมึนและดูลึกลับกำลังยืนกอดอกหลังพิงต้นไม้พลางใช้สายตาคมเข้มทอดมองฝ่ายสตรีนิ่งงันอยู่ไม่ไกลกันแบบนั้นด้วยความเคยชิน
ฝ่ายเงาร่างของสตรีในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ยืนรับลมด้วยอาการนิ่งงันไม่ต่างกัน นางยืนทอดอารมณ์อยู่อย่างนั้นพลางถอนหายใจออกมาน้อยๆ จนแทบจะไม่ได้ยิน
แต่ทว่า เสียงถอนหายใจบางเบาอย่างนั้นกลับดังออกมาจนชัดเจนยิ่งนักในความรู้สึกของบุรุษที่กำลังยืนกอดอกมองนางอยู่ไม่ไกล
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดัง
“นั่นใคร!”
ม่านนีถึงกับสะดุ้งสุดตัวหลุดออกจากภวังค์ของตน
เฟยหมิงเองก็ไม่ต่างกัน
เสียงนั้นเป็นเสียงของทหารเวรยามที่เดินตรวจตราตามหน้าที่ไปตามทุกซอกทุกมุมของพระราชวังแห่งนี้และกำลังเดินมาทางริมสระบัวเมื่อพวกเขามองเห็นคล้ายกับเงาของบุคคลตะคุ่มๆ อยู่บริเวณริมสระบัวอยู่ไกลๆ
เฟยหมิงพลันได้สติรีบพุ่งตัวเข้าไปรวบร่างบางหลบเข้ามาหลังพุ่มไม้ไม่ไกลตัว
ม่านนียิ่งสะดุ้งตกใจเมื่อถูกฝ่ามือหนาตะปบปิดปากตามด้วยวงแขนแข็งแกร่งตวัดโอบกอดแนบแผ่นหลังของนางให้แนบชิดกับแผงอกหนาแน่น และ...
กลิ่นกายที่...