บท
ตั้งค่า

ตอนที่11 สัญชาตญาณ2

ก่อนที่ม่านนีจะระลึกได้ถึงกลิ่นกายคุ้นๆ กลิ่นนี้ นางพลันได้สติด้วยสัญชาตญาณที่มีมาแต่ไหนแต่ไร นางจึงยกแขนขึ้นแล้วกระแทกศอกไปข้างหลังแบบเต็มแรงตามด้วยหยิบมีดสั้นออกมาหมายแทงเข้าไปที่คนตัวโตที่ฉุดกระฉากนางมาตรงมุมพุ่มไม้นี้

เฟยหมิงโดนศอกกระแทกตรงท้องเต็มแรงแบบนั้นเขาถึงกับจุกแต่ก็ยังคงมีสติดีพอที่จะไม่ถูกมีดสั้นแทงซ้ำ

เขารีบใช้ฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งตีไปที่มือน้อยๆ ของม่านนีให้มีดตกกระเด็นไป ในขณะที่อีกมือหนึ่งยังคงปิดปากของนางอยู่เพื่อไม่ให้นางส่งเสียงออกมาก่อนจะใช้ร่างกำยำของตัวเองพลิกม้วนร่างบอบบางของม่านนีให้ล้มลงกับพื้นแล้วพลิกนางให้หันหน้าขึ้นเพื่อที่ใบหน้าของนางจะไม่ต้องคว่ำลงแนบกับพื้นดิน โดยที่ลำแขนของเขายังคงโอบกอดนางเอาไว้ทั้งลำตัวอย่างแนบแน่น ด้วยเพราะว่ายามนี้นางแมวป่าตัวนี้ช่างพยศยิ่งนัก

แต่เรี่ยวแรงของนาง แรงตีขาตีแขนแบบนั้นของนางที่ยังคงรุนแรงไม่มีทีท่าว่าจะลดแรงลง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเสียงไม่พึงประสงค์ ทำให้เขาต้องตัดสินใจใช้เรือนร่างของเขากดทับเรือนร่างของนางแบบทั้งตัวเลยทีเดียว

“ท่าน...อ่ะ”

ก่อนที่เสียงของนางจะเล็ดลอดออกมาจนเรียกกลุ่มทหารทั้งฝูงริมฝีปากอุ่นชื้นของเฟยหมิงพลันแนบชิดด้วยสัญชาตญาณอีกเช่นเดียวกัน

ม่านนีถึงกับเบิกตากว้าง

เมื่อครู่นางแค่สงสัยกลิ่นกายของเขา แต่ทว่าริมฝีปากนี้

มันช่าง...ชัดเจนยิ่ง!

หึ! เขาหิวอีกแล้ว....

เฟยหมิงเองก็พลันชะงักงันเช่นเดียวกัน

เขาต้องการจะปิดปากนางเพื่อมิให้นางได้ส่งเสียงร้องออกมาจนอาจจะถูกทหารกรูกันเข้ามาจับกุมนางโทษฐานเป็นผู้ต้องสงสัยในยามวิกาลตามกฎเข้มงวดของทางพระราชวัง

ก็เท่านั้น

เท่านั้นจริงๆ

แต่ว่า...

ทาบทับแนบชิดกันทั้งตัวด้วยท่วงท่าหมิ่นเหม่อย่างนี้

หน้าอกอวบนูนริมฝีปากนุ่มนิ่มนี่

ใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้

ครานี้เป็นเฟยหมิงบ้างที่ต้องเบิกตากว้าง เมื่อรับรู้ได้ถึงความปรารถนาบางอย่างของเขาที่กำลังมีต่อสตรีใต้ร่างเมื่อเรือนร่างของเขากำลังอยู่บนเรือนร่างนุ่มนิ่มหยุ่นนุ่มของนางในท่วงท่าที่พร้อมเผด็จศึกและนางก็กำลังขยับขยุกขยิกในขณะที่ริมฝีปากก็กำลังประกบแนบชิดสนิทแนบแน่นกันแบบนี้

คล้ายไฟรุ่มร้อนกำลังนาบเขาทั้งตัวกระนั้น

เขาถึงกับต้องถอนริมฝีปากของตนเองออกจากริมฝีปากของนางอย่างตกอกตกใจพลันลุกขึ้นพรวดพราดจนเกิดเสียงดังสวบสาบตรงพุ่มไม้

“นั่นใคร?” เสียงกร้าวของทหารยามพลันดังจากมุมที่ไกลออกไปตามด้วยฝีเท้าก้าวหนักๆ หลายคู่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้

ครานี้เป็นสัญชาตญาณของม่านนีบ้างที่รีบจับเฟยหมิง กดให้แนบกับพื้นดินก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจนโผล่ทั้งตัวออกไปแบบนั้น

เฟยหมิงถึงกับชะงักงันแข็งค้างกลายร่างเป็นท่อนไม้เมื่อครานี้เป็นม่านนีบ้างที่ทาบทับเขาทั้งตัว

เรือนร่างนุ่มนิ่มของนางกำลังทาบทับเขาทั้งตัวทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ใบหน้างดงามของนางที่เขามองเห็นเพียงไกลๆ เมื่อครู่กำลังโน้มอยู่ใกล้ๆ กับใบหน้าของเขา ลำคองามระหงก็กำลังชูให้เห็น กลิ่นหอมจางๆ โดยธรรมชาติของนางก็อยู่แค่ปลายจมูกของเขา

แต่ยังไม่ทันที่เฟยหมิงจะคิดฟุ้งซ่านให้เตลิดไปไกลริมฝีปากของเขาพลันถูกฝ่ามือเล็กๆ ของม่านนีปิดเอาไว้อย่างแนบแน่นตามด้วยวงแขนน้อยๆ ของม่านนีพลันรัดต้นคอของเขาให้พลิกแล้วหมุนตัวไปตามพื้นพร้อมๆ กับร่างนุ่มนิ่มของนางกลิ้งตลบไปด้วยกัน

ทั้งสองอยู่ในท่าแขนขาพันกันคล้ายกับงูผสมพันธุ์อย่างนั้น

หลายรอบ...

เขาทำได้เพียงปล่อยร่างสูงใหญ่ของเขาให้หมุนตัวไปตามร่างนุ่มนิ่มของนาง โดยที่เนื้อแน่นๆ แนบกับเนื้อนุ่มนิ่มผ่านอาภรณ์ที่กำลังบดเบียดเสียดสีกันอย่างหนักหน่วงอยู่อย่างนั้น

ชั่วอึดใจ การหมุนตัวไปด้วยกันอย่างนั้นพลันหยุดลง เมื่อทั้งสองกลิ้งออกมาจนทะลุพุ่มไม้ถึงสองพุ่มใหญ่ นางก็ยังคงทาบทับอยู่บนตัวของเขา

เขาเห็นนางหันหน้าไปมองยังตำแหน่งที่เขากับนางนอนทับกันอยู่เมื่อครู่ ตรงนั้นกำลังมีเท้าหลายคู่ของทหารหลายคนกำลังยืนกันอยู่อย่างหนาแน่น

นางกำลังส่งเสียงเลียนแบบสัตว์บางอย่าง

ส่วนเจ้าเหล่าทหารยามพวกนั้นกำลังส่งเสียงคำรามและสบถอะไรออกมาหยาวเหยียด

ซึ่งเขาก็หาได้ฟังความอันใดของใครได้ออกได้ไม่

เขาในยามนี้ไม่สามารถฟังเสียงของสิ่งรอบตัวรอบข้างได้แต่อย่างใด

ในยามนี้เขาทำได้แค่นอนตัวเกร็งแข็งทื่ออย่างไม่สามารถทำสิ่งอื่นใดได้มากไปกว่านี้

อา...หมดกัน

กับบุรุษเช่นเขา

กับนาง

ได้อย่างไร???

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง

เหล่าทหารยามทั้งหลายจึงถอดใจจากการติดตามเพราะแน่ใจแล้วว่าเป็นเพียงสัตว์ที่อาจจะเป็นแมวหรือกระต่ายที่บรรดาองค์หญิงองค์ชายเลี้ยงเอาไว้ พวกเขาจึงเดินเลี่ยงไปจนไกลลิบ

ม่านนีที่เห็นแล้วว่าปลอดภัยจึงปล่อยคนตัวโตใต้ร่างให้เป็นอิสระในทันที

ในขณะที่เจ้าของเรือนร่างทั้งใหญ่ทั้งโตนั้นได้กลายเป็นท่อนไม้ไปแล้วโดยสมบูรณ์

ม่านนีลุกขึ้นนั่งพร้อมส่งสายตาแวววาว อย่างต้องการเข้าฟาดฟันเฟยหมิงให้เลือดสาด

“ท่านกินปากของข้าอีกแล้ว” นางกล่าวจบก็ฟาดเล็บเข้าใส่เฟยหมิงในทันที

เฟยหมิงหลับตาลงอึดใจแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่อย่างใจเย็นเฉกเช่นดังเดิม เขาได้สติกลับมาทั้งหมดเมื่อรับรู้ได้ถึงความแสบคันจากรอยแผลใหม่สดๆ ร้อนๆ จากเล็บมือนางที่เขาเริ่มจะคุ้นเคยเสียแล้ว

ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางเอื้อมฝ่ามือขึ้นปัดเนื้อปัดตัวปัดใบไม้ออกไปจากลำตัวของตนด้วยมาดเคร่งขรึมตามปกติเพื่อใช้เวลาให้กับการปรับอารมณ์บางอย่างอยู่อึดใจ ก่อนจะหันหน้าไปมองใครบางคนที่ยังคงส่งสายตาสวยใสเข้าฟาดใส่เขา

“เจ้าไม่ควรมายืนนอกที่พักในยามนี้” เขากล่าวคำด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางส่งสายตาคมดำไร้ก้นบึ้งซ่อนอารมณ์หลากหลายจ้องมองไปที่ใบหน้างามที่ยังคงแยกเขี้ยวเข้าใส่เขา

“แล้วท่านเล่า” นางถามกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ข้าเป็นราชองครักษ์ย่อมต้องอยู่” เขาตอบคำ

“ข้ายังไม่ง่วง” นางยังคงตะแบง

ใบหน้าของม่านนียามนี้ถึงแม้จะไม่เปื้อนดินแต่มวยผมของนางกลับหลุดลุ่ยลงมารุ่มร่ามอยู่จนเต็มวงหน้า เฟยหมิงจึงเอื้อมมือขึ้นปัดปอยผมขึ้นทัดใบหูให้นางโดยสัญชาตญาณอย่างไม่รู้ตัว

การกระทำนั้นทำเอาม่านนีถึงกับอุ่นวาบขึ้นมาฉับพลันแต่ยังคงส่งสายตาดุดันฟาดฟันเข้าใส่เขาพลางเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น

“เจ้ากำลังเหงา” ประโยคถัดมาของเฟยหมิงทำเอาม่านนีที่กำลังจะเอื้อมฝ่ามือของตนปัดฝ่ามือของเขาออกถึงกับชะงักไป

เฟยหมิงก้มหน้ากระซิบ “เด็กน้อย...”

“ข้ามิใช่เด็กน้อย” เสียงหวานใสยังคงดุดัน

“อืม...”

เฟยหมิงส่งเสียงในลำคอเบาๆก่อนเอ่ย “ใช่...ไม่น้อยแล้ว ไม่น้อยเลย” เขากล่าวอย่างนั้นพลันนึกถึงขนาดของสัดส่วนบางอย่างที่เขาได้แนบชิดเมื่อครู่ทั้งส่วนบนและส่วนล่างของนาง

“อะไรของท่าน” ม่านนียังคงถลึงตามองเฟยหมิงอย่างนึกขัดเคืองเมื่อสังเกตเห็นใบหูของเขา

หูแดงอีกแล้ว ไม่น่าไว้ใจเสียจริง!

นางคิดได้อย่างนั้นด้วยสัญชาตญาณของนางพลางฟาดฝ่ามือเข้าใส่เขาอีกหนึ่งทีตามด้วยฝากรอยเล็บอีกหนึ่งรอยตรงต้นคอของเขา

เฟยหมิงหาได้หลบเลี่ยงแต่อย่างใดไม่ เขาทำได้เพียงถอนหายใจหนักๆ หนึ่งที

ดุจริงเชียว!

ม่านนียังคงมีอารมณ์ขุ่นมัวไม่ไว้วางใจในตัวบุรุษตรงหน้าจึงยังคงกระโจนเข้าฟาดฟันเขาด้วยเล็บคมๆ อย่างดุเดือด

เฟยหมิงเห็นร่างบางกระโจนเข้าใส่อย่างนั้นจึงตวัดวงแขนแข็งแกร่งเข้าโอบร่างของนางเอามาไว้แล้วรวบตัวนางให้ขึ้นนั่งบนตักแข็งแรงของเขาเสียเลย

เขาโอบรัดร่างของนางเอาไว้อย่างแนบแน่น เก็บแขนทั้งสองข้างของนางด้วยวงแขนของเขาพลางก้มหน้าคำรามใส่ใบหน้าของนาง

“หยุด!”

“ไม่หยุด!”

“...”

ทั้งสองยังคงต่อสู้กันในท่วงท่าแปลกประหลาดอย่างดุเดือด โดยฝ่ายบุรุษโอบกอดร่างของฝ่ายสตรีเอาไว้อย่างแนบแน่น ในขณะที่ฝ่ายสตรีกำลังนั่งอยู่บนตักของฝ่ายบุรุษโดยแขนทั้งสองข้างของนางถูกบุรุษผู้นี้ครอบครองทั้งหมด นางจึงใช้ริมฝีปากไล่กัดเขาไปทั่วทั้งลำแขนทั้งช่วงไหล่

เฟยหมิงได้แต่กัดฟันอย่างเก็บข่มอารมณ์บางอย่างจนใบหน้าคมคายเริ่มขึ้นสีระเรื่อในขณะที่ม่านนีก็ยังไล่กัดไล่งับเขาอย่างไม่ยินยอมใดๆ

หญิงสาวรู้สึกได้ว่าท่อนแขนกับช่วงไหล่ของเขาช่างหนั่นแน่นกัดได้ยากยิ่งนางจึงยืดใบหน้างามอ้าปากงับเขาที่ลำคอของเขาเสียเลย

“...”

เฟยหมิงถึงกับชะงักงันตัวเกร็งแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปอีกครา

“หยุดได้แล้ว” เขาคำรามเสียงกดต่ำไม่ให้สั่นพร่าออกมาอย่างยากลำบาก

ม่านนีจึงถอนคมเขี้ยวและริมฝีปากออกจากลำคอของเขาทิ้งเอาไว้เพียงรอยขบกัดของฟันเรียงตัวอย่างสวยงามมีเลือดซึมออกมา

นางยังคงส่งสายตาสวยใสขึ้นฟาดใส่สายตาคมดำของเขาอย่างไม่ยินยอมใดๆ

“ปล่อยข้า” นางเอ่ยเสียงเครียด

เฟยหมิงก้มหน้าลงมองม่านนีนิ่งๆ ก่อนเอ่ย “หากข้าปล่อยแล้ว เราต้องคุยกันดีๆ”

“ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน”

“เช่นนั้นเจ้าก็กลับเข้าที่พัก”

“ข้าไม่ง่วง”

“เจ้าไม่ควรมายืนทอดอารมณ์ยามวิกาลอย่างนี้”

“...”

“หากถูกพวกทหารยามจับได้เจ้าคงโดนสอบสวนวุ่นวายทั้งๆ ที่ยังมิทันได้ทำผิดอันใด”

“...”

ม่านนีได้ฟังจึงเงียบงันไป

เฟยหมิงสังเกตเห็นอาการนิ่งไปจึงเริ่มคลายวงแขนของตนเองออกแต่ยังคงก้มหน้ามองนางในระยะประชิด

ม่านนีเริ่มหรี่ตามองเฟยหมิงนิ่งๆ อย่างวิเคราะห์และประเมินอย่างเข้มข้นมากกว่าเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรกในป่า

เขาไม่น่าไว้ใจ นางรู้สึกได้อย่างนั้น

แต่สัญชาตญาณบางอย่างของนางกำลังบอกแก่นางว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง

นางสังเกตเห็นอาการห่วงใยทั้งยังพูดจาแปลกๆ คล้ายกับรู้เรื่องเกี่ยวกับนางอยู่หลายส่วน

ทั้งๆ ที่เขาจับได้ว่านางหนีออกจากวัง เขาก็มิได้รายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าของนางให้ลงโทษนาง และเมื่อครู่เขาก็ช่วยนาง

ม่านนียังคงจ้องมองเฟยหมิงในระยะประชิดเพราะว่านางยังคงนั่งอยู่บนตักของเขาอย่างลืมตัว ในขณะที่เฟยหมิงก็ยังคงก้มหน้ามองนางอย่างลืมตัวเช่นเดียวกัน

“ท่านเป็นใครกันแน่” ม่านนีถามเสียงเย็น “ข้าแน่ใจว่าข้าไม่เคยรู้จักท่าน ในชีวิตของข้ามีแค่ไม่กี่คนที่ข้ารู้จัก แต่ท่าทางของท่านคล้ายกับรู้เรื่องราวของข้า”

“...”

ครานี้เป็นเฟยหมิงบ้างที่เงียบงันนิ่งอึ้งไป

“ในป่านั่น ท่านบอกกับข้าว่าท่านไปทำงาน มันไม่จริงใช่หรือไม่ ท่านโกหกข้า”

“...”

“ท่านรู้จักท่านแม่ของข้าหรือไม่” นางเริ่มถามด้วยน้ำเสียงจริงจังเข้าเรื่องตรงประเด็น

“...”

“ท่านรู้จักกับท่านแม่ทัพเทียนฉินหรือไม่”

“...”

“หรือว่าท่านรู้จักกับอาจารย์ของข้า” ม่านนียังคงซักไซร้เฟยหมิงอย่างต่อเนื่อง

เฟยหมิงหรี่ตามองม่านนีอย่างเงียบงัน เขามิได้ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น

“ว่าอย่างไร”

“ข้า...”

แน่นอนว่าเขาไม่อยากโกหกนาง แต่จะให้เขาบอกความจริงกับนางได้อย่างไร

เฟยหมิงยังคงครุ่นคิดได้อย่างนั้น เขามักจะมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียกับทุกเรื่อง ยกเว้น...

แค่เรื่องของนาง

มันเสี่ยงเกินไป

ทั้งสองนั่งมองหน้ากันในระยะประชิด ทั้งยังส่งสายตาเข้าสบประสานกันอย่างเข้มข้นอย่างไม่มีใครยอมใครด้วยอารมณ์หลากหลายที่คล้ายคลึงกันโดยไม่รู้ตัว

ฝ่ายหนึ่งเพียงคาดหวังว่าเขาอาจจะเป็นใครสักคนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ในชีวิตที่แสนจะเดียวดายของตน

กับอีกฝ่ายหนึ่งเพียงคาดหวังว่านางจะไม่ต้องรับรู้ความจริงใดๆ ซึ่งอาจจะทำให้เขาต้องยอมปล่อยนางไปให้เดียวดายเหมือนที่ผ่านมา…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel