บท
ตั้งค่า

32 คนในอดีต

“ขอบคุณนะคะน้องพุดไปทำงานยังอุตส่าห์คิดถึงพี่” เบญจวรรณมองกระเป๋าใบสวยที่พุดพิชชาซื้อมาให้ เธอไม่รู้หรอกว่ามันยี่ห้ออะไรและราคาเท่าไหร่ เธอรู้แต่เพียงว่าราคาค่อนข้างสูงเพราะเคยเห็นแต่พวกคนมีเงินที่มารอรับลูกหลานขณะมาเรียนพิเศษใช้กัน

“ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่นะคะ ส่วนถุงนี้เป็นของน้องแตงกวาค่ะ” พุดพิชชาซื้อกระเป๋าถือนำเข้าจากจากอเมริกาที่กำลังเป็นที่นิยมมาฝากเบญจวรรณและไม่ลืมที่จะซื้อของมาฝากแตงกวาลูกสาวของเบญจวรรณที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ด้วย

“มีแต่ของน่ารักๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ แตงกวาคงดีใจมาก พี่ขอบคุณแทนน้องแตงกวาด้วยนะคะ” เบญจวรรณมองของในถุงใบใหญ่แล้วก็รู้สึกขอบคุณแทนลูกสาว ในนั้นมีทั้งชุดเครื่องเขียนลายน่ารักๆ ถุงใส่ดินสอ กระเป๋าสะพายใบเล็ก ตุ๊กตารูปแมวน้ำที่เธอเห็นเด็กที่มาซื้อชามักจะพูดถึงกันและยังมีชุดกระโปรงอีก 2 ชุด เธอคิดไม่ผิดเลยที่มาทำงานกับพุดพิชชา หญิงสาวใจดี มีน้ำใจ แม้จะจ้างเธอมาแล้วก็ยังมักจะแวะมาช่วยขายอยู่บ่อยครั้ง

“แล้วนี่น้องพุดจะจับสลากวันไหนคะ เด็กๆ ถามกันใหญ่เลย” เมื่อบอกว่าจะมีการจับสลากในวันปีใหม่ดูเหมือนเด็กจะกันมาสนใจกันเยอะ ในแต่ละวันจึงขายได้มากขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว

“คงวันที่ 28 ค่ะ เพราะปีใหม่คงหยุดเรียนกันแล้ว พี่เบญวางแผนไว้หรือยังคะว่าจะไปเที่ยวที่ไหน”

“น้องพุดจะปิดร้านกี่วันคะ”

“คงปิดสีก 4 วันค่ะปิดอีกที่ก็วันที่ 2 แต่ถ้าพี่เบญจะไปเที่ยวต่อก็บอกพุดได้นะคะ เพราะพุดคงไม่ได้ไปไหน”

“ไม่ไปเที่ยวกับคุณรัญเหรอคะ” เบญจวรรณเห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันเกินกว่าจะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องก็เลยคิดว่าน่าจะไปเที่ยวด้วยกัน

“ไม่หรอกค่ะ” เธอตอบไปอย่างนั้นเพราะเขาก็ไม่ได้ชวนเธอไปไหนจริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะชวนด้วย

*******

“จ๋า ผมว่าคุณควรซื้อกระเป๋าพวกนี้ได้แล้วนะ” เสียงไม่พอใจดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าภรรยาของตัวเองกำลังเอากระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ขึ้นมาจากถุงกระดาษ

“ทำไมต้องทำเสียงดังขนาดนั้นด้วยค่ะ จ๋าก็ไม่ได้ซื้อบ่อยนี่” มนัสยาไม่พอใจที่ถูกต่อว่า

“ไม่บ่อยที่ไหนกัน ผมรู้นะว่าคุณยังมีอีกหลายใบที่ไม่คุณซื้อมาแล้วแต่ยังไม่เอาออกมาใช้”

“ก็ของมันต้องมีนี่ อย่าบ่นไปเลย” เธอเริ่มจะหงุดหงิด

“หึ ของมันต้องมี ผมละเบื่อคำนี้ของคุณเต็มทีแล้วนะ”

“อย่ามาทำเสียงอย่างนี้ใส่ฉันนะ”

“ทำไมผมจะทำไม่ได้ เพราะนั่นมันเงินของผมนะ”

“นี่จะทวงบุญคุณกันใช่ไหม ไหนว่ามาอยู่กับคุณแล้วฉันจะสบายยังไงล่ะ” มนัสยาหัวเสีย ตั้งแต่เลิกกับรัญภาคย์เพราะเขาจับได้ว่าเธอกับเทรนเนอร์ที่จ้างมานั้นแอบเป็นชู้กัน เธอก็ออกมาอยู่กับเทรนเนอร์คนนั้นอยู่ไม่ถึง 3 เดือนก็พบกับธาราเจ้าของธุรกิจส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง

“ผมไม่ได้ทวงบุญคุณ เพียงแต่อยากให้คุณใช้จ่ายอย่างประหยัดบ้าง” ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นมากจาก ทำให้เงินที่ได้จากการส่งออกนั้นน้อยลงไปกว่าช่วงต้นปีเยอะมาก ธาราอยากให้ภรรยาช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงนี้ เพราะถ้ายังซื้อของไม่เลือกและซื้อตามใจตัวเองแบบนี้เขากลัวว่าวันหนึ่งเงินเก็บที่มีนั้นจะหมดไปกับเรื่องไร้สาระของผู้เป็นภรรยา

“ฉันก็ประหยัดอยู่นี่ไงคะ ปีนี้ฉันไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลยสักครั้ง” มนัสยานั้นไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง แต่ปีนี้เธอเองยังไม่ได้ไปประเทศไหนเลย

“นั่นมันก็ดี แต่มันคนละเรื่องกับกระเป๋า เอาเป็นว่าผมขอร้องละกันนะ ช่วงนี้อย่าพึ่งซื้อเพิ่มเลย”

“ถ้าฉันไม่มีใบใหม่ ตอนงานแสดงของต้นกล้าฉันไม่ไปดูนะคะ” เธอเอาต้นกล้าหรือเด็กชายธาราเขตลูกชายวัย 4 ขวบที่กำลังจะมีงานแสดงที่โรงเรียนในวันคริสต์มาส

“ผมไปเองก็ได้ ถึงคุณไปคุณก็ไม่เคยสนใจจะดูลูกแสดงอยู่แล้ว” ครั้งก่อนลูกชายของเขาได้แสดงในงานกีฬาสี แต่ภรรยาของเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะดูการแสดงเลยเพราะเอาแต่นั่งก้มดูโทรศัพท์

“คุณพูดเองนะว่าไม่ให้ฉันไป” มนัสยาไม่ได้เสียใจที่ได้ยินอย่างนั้น เพราะเธอจะได้ไม่ต้องไปนั่งปั้นหน้าชมการแสดงซึ่งเธอไม่ได้อยากดูเลยสักนิด

ธาราหวังว่าภรรยาจะปรับปรุงตัวขึ้นบ้างหลังจากที่เขาตำหนิเธอเรื่องการไม่ยอมชมการแสดงของลูกชายครั้งก่อน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อย

ตัวเขานั้นไม่ค่อยมีเวลามากนักเพราะต้องทำงาน แต่พอมาเจอกับคนอ่อนหวาน ช่างเอาใจแล้วเขาก็ยอมแต่งงานกับเธอหลังจากรู้จักกันได้เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่หลังจากแต่งงานแล้วเขารู้ว่าตัวเองคิดผิด เพราะคนที่อ่อนหวานแต่เดิมนั้นไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว มนัสยาเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจตัวเองมาก ยิ่งพอเธอท้องเธอก็เริ่มเรียกร้องมากขึ้น เธอไม่ยอมหยิบจับหรือช่วยงานเขาเลย หญิงสาวอ้างว่าเธอกำลังท้องจึงไม่อยากจะทำงานหนักเพราะกลัวว่าจะมีผลกับลูกในท้อง แต่พอคลอดออกมาจนตอนนี้ลูกชายก็จะ 5 ขวบแล้วมนัสยาก็ยังไม่เคยไปช่วยงานเขาเลย ที่เขาต้องทนอยู่เพราะไม่อยากให้ธาราเขตเป็นเด็กมีปัญหา ธาราแอบคิดว่าถ้าลูกชายโตเขาอาจจะขอหย่าขาดจากเธอก็เป็นได้

มนัสยาคิดไปถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเองแล้วก็เริ่มเปรียบเทียบสามีคนปัจจุบันกับสามีเก่าอย่างรัญภาคย์ที่เธอเคยเจอกับเขาโดยบังเอิญ รัญภาคย์ยังดูดีในวัย 35 ปีเธออยากจะเข้าไปทักทายแต่เขาก็ขึ้นแท็กซี่ออกไปก่อน เธอไม่ได้ข่าวของเขามานานแล้ว ล่าสุดที่ได้รู้ข่าวของเขาคือ เขายังไม่ได้แต่งงานใหม่และดูเหมือนว่ากิจการของเขาจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าตอนนั้นเธออดทนกว่านี้ก็คงจะสบายกว่าที่เป็นอยู่

‘ที่ผมทำงานหนักทุกวันก็เพื่อเราสองคนนะจ๋า’

‘ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็อยากได้เวลาจากคุณบ้าง’ มนัสยาเบื่อที่จะต้องรอให้เขากลับมาจากทำงานในแต่ละวัน พอมาถึงเขาก็ไม่เคยสนใจเธอเลย เขาอาบน้ำเข้านอนในขณะที่เธออยากให้เขาใกล้ชิดกับเธอมากกว่านี้

‘แล้วไม่ไปออกกำลังกายแล้วเหรอ’ เมื่อสัปดาห์ก่อนมนัสยาบอกเขาว่าอยากออกกำลังกาย เขาเลยพาเธอไปที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ของเขา แต่พนักงานที่นั่นบอกเขามาเธอไปแค่ 2 วันก็ไม่ไปอีกเลย

‘จ๋าก็อยากไปนะคะ แต่รัญก็รู้ว่าพนักงานทุกคนรู้จักจ๋ากันทั้งนั้น จะทำอะไรจ๋าก็เกร็งไปหมด’

‘ถ้าอย่างนั้นจ๋าออกกำลังกายที่บ้านไหมล่ะ’ แม้ที่บ้านจะมีอุปกรณ์อะไรไม่มากแต่ก็คงพอสำหรับภรรยาของเขา

‘รัญจะมาออกกำลังกายกับจ๋าใช่ไหมคะ จ๋าไม่รู้ว่าต้องออกกำลังกายท่าไหนบ้าง เพราะจ๋าอยากได้หน้าท้องสวยๆ แบบที่รัญเคยให้จ๋าดู’

‘ผมคงไม่ว่างขนาดนั้น แต่ผมจะจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาให้จ๋าดีไหม’

‘จ๋า ขอคนเก่งๆ เลยนะคะ พวกพึ่งมาเป็นเทรนเนอร์จ๋าไม่เอาหรอกค่ะ’

‘ได้ สิแล้วผมจะจัดการให้นะครับ’ รัญภาคย์เอาใจภรรยาเพราะเขาไม่มีเวลาให้เธอนับตั้งแต่เริ่มมาทำฟิตเนสเซ็นเตอร์ของตัวเอง

แล้วรัญภาคย์ก็จ้างเทรนเนอร์ให้มาทำงานที่บ้าน เขามาช่วยดูในวันแรกเมื่อแนะนำทั้งสองให้รู้จักกันแล้วเขาก็ออกไปทำงานตามปกติ หลัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel