ตอนที่ 2 เงื่อนไข
ตอนที่ 2 เงื่อนไข
หลายวันต่อมา...
@ทางด้านภีรภัทร
ในขณะที่ผมกับคุณแม่กำลังเดินชมสินค้าภายในห้างสรรพสินค้ากันอยู่เพลินๆ อยู่ๆก็มีคนรู้จักเข้ามาทักทายคุณแม่ของผม
"คุณพิมพ์พรนี่เอง สวัสดีค่ะ" คุณพ่อผมชื่อท่องภพ ส่วนคุณแม่ชื่อพิมพ์พร ส่วนผู้ใหญ่ท่านนี้ที่เดินเข้ามาทักทาย ผมจำท่านได้ ครอบครัวของเราไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่นัก แต่ที่รู้จักกันเป็นเพราะทำธุรกิจร่วมกัน
"สวัสดีค่ะ คุณน้องมากับใครเหรอคะ" คุณแม่ของผมทักทายคุณอาน้ำผึ้งกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"มากับคุณภาคินค่ะ เขากำลังคุยอยู่กับลูกค้าทางด้านโน้น น้องเบื่อๆก็เลยหนีออกมาเดินชอปปิงค่ะ"
"ตาภีร์ สวัสดีคุณอาน้ำผึ้งสิลูก"
"คุณอาสวัสดีครับ"
"สวัสดีลูก โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อไม่เบาเลยนะเนี่ย"
"ขอบคุณครับ"
"อายุก็จะสามสิบแล้วยังไม่มีแฟนเลย คนเป็นแม่อย่างพี่รู้สึกกลุ้มใจเหลือเกิน" คุณแม่ของผมเริ่มพูดเข้าเรื่องเดิมอีกแล้ว หนีตอนนี้จะทันมั้ยเนี่ย
"ทำหน้าแบบนี้ไม่ได้กำลังจะมาทาบทามลูกสาวของน้องให้ลูกชายของคุณพี่หรอกใช่มั้ยคะ"
"ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ"
"คุณแม่..."
"ยืนฟังเงียบๆก็พอ"
"พูดมาเถอะค่ะ น้องมีลูกสาวคนเดียว ตอนนี้ไออุ่นกลับมาอยู่ไทยแล้วนะคะ" ผมกำลังจะก้าวขาถอยหลังหนี แต่คุณแม่รู้ทันรีบเอาแขนของท่านมาคล้องแขนของผมเอาไว้แน่นทันที จากนั้นท่านก็พูดกับคุณอาต่อ ผมไม่กล้าเสียมารยาทจึงทำได้แค่ยืนฟังเฉยๆ
"หนูไออุ่นน่าจะอ่อนกว่าตาภีร์ของพี่สามปีเห็นจะได้มั้ง ว่าแต่หลานมีแฟนหรือยังล่ะ"
"ยังไม่มีหรอกค่ะ ทั้งดื้อทั้งซน ผู้ชายที่ไหนจะอยากได้ อายุก็ไม่น้อยแล้วยังไม่เลิกตามใจตัวเองเลยค่ะ ตาภีร์สนใจเหรอลูก"
"เอ่อคือ..." คุณแม่ของผมต่างหากที่สนใจ
"สนใจแน่นอนค่ะ" เฮ่อ...คุณแม่นะคุณแม่
"คุณอาอย่าไปฟังคุณแม่พูดนะครับ ผมกับน้องยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ ผมจะชอบน้องได้ยังไง"
"ถ้าเป็นภีร์อาไฟเขียว ว่างๆก็หาเวลามากินข้าวกับอาที่บ้านได้นะ"
"ขอบคุณครับ แต่ว่า..." ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่คุณแม่ก็ชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อนทำให้ประโยคที่ผมต้องการพูดมันขาดหายไป
"ดูมันสิ ชาตินี้พี่จะได้เห็นหน้าเมียมันมั้ยเนี่ย"
"คุณแม่ก็..." คุณแม่เล่นใหญ่ตลอด ชาตินี้ชาติหน้าอะไรกัน ผมเพิ่งอายุยี่สิบแปดเอง ไม่ใช่แปดสิบแปดสักหน่อย
"อายุก็ไม่น้อยแล้ว ไม่คิดจะมีใครจริงๆเหรอลูก" คุณอาส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
"ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ เพียงแต่ผมแค่รู้สึกว่า คนสองคนก่อนที่จะตกลงเป็นแฟนกันได้ ก็จะต้องข้ามผ่านการเรียนรู้นิสัยใจคอกันก่อน ไม่ใช่เหรอครับ"
สำหรับผม คนสองคนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนั้น จะต้องรู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกินเรื่องเที่ยว เรื่องทำงาน เสื้อผ้าหน้าผม หรือแม้กระทั่งทัศนคติในการใช้ชีวิต ถ้าเข้ากันไม่ได้อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุข
"ปฏิเสธกันแบบนี้ อาเสียใจนะเนี่ย" ท่านพูดยิ้มๆ คำพูดของท่านทำให้ผมรู้สึกเกรงใจ
"ถ้าอย่างนั้นผมมีเงื่อนไข...ได้มั้ยครับ"
"ว่ามาเลยจ้า"
"ผมขอเข้าไปทำความรู้จักกับน้อง ในฐานะคนธรรมดาได้มั้ยครับ"
"........." คุณอามองหน้าผมนิ่งๆ คล้ายกับคนกำลังใช้ความคิด
"คุณอาอย่าเข้าใจผมผิดนะครับ ผมแค่คิดว่าถ้าเป็นตัวตนของผม น้องอาจจะอึดอัด อาจจะทำให้น้องไม่เป็นตัวของตัวเองก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ผมจะสามารถเรียนรู้จักกับน้องได้เร็วที่สุด" อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตาม
"ทำแบบนี้ลูกสาวอาก็เสียเปรียบน่ะสิ"
"ผมสัญญาว่าจะเข้าไปแค่ศึกษาเรียนรู้จักกับน้องเท่านั้น แต่ถ้าคุณอาไม่โอเค ผมต้องขอโทษด้วยครับ" ผมยกมือไหว้ท่านด้วยความเคารพ ยังไงผมก็เป็นเด็ก
"เอาล่ะๆ ไออุ่นกำลังอยากได้คนขับรถไปรับไปส่งเวลาไปทำงานอยู่พอดี ถ้าภีร์สนใจจะเรียนรู้นิสัยใจคอกับน้อง อาจะจองตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ไว้ให้ก็แล้วกัน"
"ขอบคุณครับ"
"อีกสองวันอาขอคำตอบด้วย วันจันทร์หน้าน้องต้องเริ่มทำงานแล้ว"
"ผมตกลงครับ"
"ไม่ลองเอากลับไปคิดดูก่อนเหรอ เป็นคนขับรถนะ"
"ปกติผมก็ไม่ค่อยได้เข้าบริษัทอยู่แล้ว คนขับรถก็ได้ครับ แต่ถ้า..." แต่ถ้าผมไม่ชอบ ผมขอเดินออกมาเลย
"ถ้าศึกษานิสัยใจคอกันแล้วภีร์ไม่ชอบ อาจะถือว่ามีคนไว้ใจได้คอยช่วยดูแลลูกสาวอาช่วงระยะเวลาหนึ่งก็แล้วกัน อาไม่โกรธหรอก" มีคนไว้ใจได้! ท่านกำลังคาดหวังสิ่งนี้กับผม
"ขอบคุณครับ"
"ถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวก่อนนะคะคุณพี่"
"ขอบคุณนะคะ"
"ยินดีค่ะ"
"คุณอาสวัสดีครับ" ท่านหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินจากไป
"คุณแม่แน่ใจได้ยังไงว่าคุณอาจะไม่บอกลูกสาวของท่านถึงฐานะของผม"
"ไม่มีแม่คนไหน อยากให้ลูกได้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักลูกสาวของตัวเองจริงๆหรอก การศึกษาดูใจกันก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไงก็รีบๆหน่อยแล้วกันแม่รีบ" แต่ผมไม่รีบ!
@ทางด้านไออุ่น
เช้าวันนี้ฉันมาส่งพี่กัปตันที่สนามบิน พี่กัปตันขอเวลาอีกหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีจะรีบเคลียร์งานของตัวเองที่ทำค้างไว้ให้เสร็จ จากนั้นถึงจะย้ายตัวเองกลับมาบริหารงานอยู่ที่นี่ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทได้ขยายกิจการเพิ่มออกไปอีกสองแห่ง
ที่ที่คุณพ่อกับคุณแม่ทำงานอยู่เป็นออฟฟิศสำนักงาน ส่วนพี่อาชิได้รับผิดชอบบริหารโรงงานผลิตแห่งที่หนึ่ง ส่วนแห่งที่สองกำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี้ รอพี่กัปตันกลับมาก่อน ส่วนฉันได้รับมอบหมายให้ไปฝึกงานอยู่กับพี่อาชิก่อนค่ะ
"เป็นอะไรทำหน้าแบบนี้ คงไม่ได้คิดถึงพี่หรอกใช่มั้ย"
"เปล่าสักหน่อย อุ่นแค่เซ็ง เป็นเพราะดอกไม้ช่อนั้นแท้ๆ" ตั้งแต่ที่ฉันได้ช่อดอกไม้ของอลิซในงานแต่งวันนั้น ไปไหนมาไหนเจอคนรู้จักก็มีแต่คำถามยอดฮิตเต็มไปหมด เช่น เมื่อไหร่จะมีแฟน เมื่อไหร่จะแต่งงาน เมื่อไหร่จะมีลูก
"ใครอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปทำไมจะต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่นด้วย สนใจแค่คำพูดของพี่คนเดียวก็พอ"
"คำพูดของพี่ก็ยิ่งเบื่อ เหม็นขี้หน้าด้วย ไปๆรีบๆไป" เพราะมีพี่ฉันถึงได้โสดถึงทุกวันนี้
"พี่ไม่อยู่ไม่มีคนพาเที่ยวนะ" ชิ! มันไม่อยู่ฉันคงรู้สึกเหงา เหมือนขาดเพื่อน
"อุ่นจะลองหัดไปเองค่ะ"
"อย่าทำให้พี่เป็นห่วง ขอเวลาอีกหนึ่งปี โปรเจคใกล้จะสำเร็จแล้ว จบงานนี้จะรีบกลับมาอยู่กับน้องแน่นอน"
"ค่ะๆ เอาตามนี้ก็ได้ ช่วงแรกๆอุ่นคงต้องตั้งใจเรียนงานไปก่อน คงไม่มีเวลานึกถึงเรื่องเที่ยวเหมือนแต่ก่อนหรอกค่ะ"
"เครื่องจะออกแล้วพี่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วย"
"รู้แล้วค่ะ ถึงแล้วไลน์มาบอกด้วยนะคะ"
"อย่าให้ใครมาจีบล่ะ" ก่อนจะเดินออกไปยังอุตส่าห์ก้มมากระซิบบอกเรื่องนี้...ไอ้พี่บ้า!
"อุ่นนี่แหละจะไปจีบเขาก่อนเอง" มีพี่อยู่ชาตินี้คงได้ขึ้นคานแน่ๆ
"อายุเกินแล้วอาจจะหายากหน่อยนะ" ยังอีก มันยังไม่ยอมหยุดพูด
"เพราะพี่นั่นแหละ" ชิ! ฉันย่นจมูกใส่ พี่กัปตันหันมายิ้มให้ก่อนที่จะเดินเข้าด้านในไป ฉันยืนมองดูจนพี่กัปตันเดินหายเข้าไปด้านใน ฉันถึงหันหลังแล้วเดินกลับไปที่รถ
"ไปกันค่ะลุง"
"ลุงได้ข่าวว่าคุณหนูกำลังหาคนขับรถคนใหม่อยู่เหรอครับ"
"ค่ะ ปะป๊ากับคุณแม่เป็นห่วงค่ะ อุ่นเป็นผู้หญิงท่านไม่อยากให้ขับรถไปไหนมาไหนเองคนเดียว"
"ถ้าสำนักงานกับโรงงานไปทางเดียวกันลุงจะไปส่งให้อยู่หรอก แต่นี่ไปคนละทางแถมรถก็ยังติดอีก"
"ค่ะ อุ่นเข้าใจ"
"คุณหนูจะไปไหนต่ออีกมั้ยครับ หรือว่าจะกลับบ้านเลย"
"กลับบ้านเลยดีกว่าค่ะ"