บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ทำลายภาพวาดของจ้าวฉิง

"แม่นางเพ่ยตามพวกข้ามาเถอะ อย่าขัดขืนเลย ท่านอ๋องต้องการพูดคุยกับเจ้าเพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง" ทหารหน้านิ่งคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดเดินเข้ามาจับแขนเรียวของนางเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นางหนี

เพ่ยเหวินจวินยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย พร้อมชวนพวกเขาคุยไปด้วย

"ท่านอ๋องต้องการพูดคุยกับข้าเรื่องใดหรือเจ้าคะ"

"ไม่รู้หรอก" เขาตอบกลับมา

"แหม ถ้าพวกท่านบอกข้าตั้งแต่คราแรกว่าท่านอ๋องต้องการพบข้า ข้าก็คงไม่แกล้งหลอกพวกท่านหรอกเจ้าค่ะ" เพ่ยเหวินจวินทำทีเป็นชวนพวกเขาพูดคุยต่อ

ทหารสกุลเกาเห็นว่าเพ่ยเหวินจวินเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งไร้หนทางสู้ อีกทั้งเกาอ๋องยังย้ำนักย้ำหนาว่าต้องพานางไปพบให้ได้ ทหารสกุลเกาจึงคิดว่านางคงมีความสำคัญต่อเกาอ๋องไม่น้อยเลยทีเดียว

"อะ โอ๊ย"

"แม่นางเพ่ยเป็นอะไร" 

"ข้าปวดท้อง" เพ่ยเหวินจวินยกมือขึ้นกุมท้อง สีหน้าเหยเกบ่งบอกถึงความทรมาน

"ทนหน่อยเถิด พวกข้าจะพาท่านไปที่จวนอ๋อง" 

"ทนไม่ไหวหรอก มันจะออกแล้ว ข้าต้องเอามันออกตอนนี้หาไม่ต้องเลอะแน่ๆ" 

"ไม่ได้หรอก ท่านต้องไปพบท่านอ๋องก่อน"

"เอ๊ะ! พวกท่านนี่อย่างไรกัน จะให้ข้าไปขับถ่ายต่อหน้าท่านอ๋องเลยหรือถึงจะพอใจ ข้าเป็นสตรีก็อายเป็นเหมือนกันนะ ท้องไส้ของข้ายิ่งไม่ค่อยดีอยู่ด้วย มันจะเหม็นได้นะท่าน"

เหล่าทหารต่างหันมาสบตากันด้วยสีหน้าหนักใจ

"ตรงนั้นมีป่าเล็กๆ ข้าจะไปขับถ่ายตรงโน้นพวกท่านรออยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน" เพ่ยเหวินจวินชี้นิ้วไปยังป่าขนาดย่อมที่มีต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงาและพงหญ้ารกชัฏ ก่อนจะวิ่งเข้าไปข้างใน

"พวกท่านหันหน้าไปเซ่! จะดูข้าอึหรืออย่างไร!" 

เหล่าทหารได้ยินเช่นนั้นก็รีบหมุนกายหันหลังให้นาง จวบจนเวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชาก็ได้ร้องถามขึ้น

"แม่นางเพ่ย ท่านทำธุระเสร็จหรือยัง" 

"..." เงียบ! ไร้เสียงตอบรับ

"แม่นางเพ่ยพวกข้าจะหันไปแล้วหนา" 

"..." 

และในตอนนั้นเองที่พวกเขาได้รู้ว่าเสียรู้ให้นางเข้าแล้ว! 

"หานางให้พบไม่เช่นนั้นพวกเราต้องโดนท่านอ๋องสั่งลงโทษแน่!" 

เพ่ยเหวินจวินหลบอยู่หลังเรือนร้างแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นเหล่าชายฉกรรจ์สามคนวิ่งหายไปแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก นางรู้จักทางหนีทีไล่ในตลาดแห่งนี้เป็นอย่างดี พวกเขาไม่มีทางหานางเจอหรอก

นางตั้งใจจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ๆ รอจนมั่นใจก่อนแล้วจึงค่อยออกมาหาทางไปจวนสกุลโม่เพื่อขอความช่วยเหลือจากโม่เสว่ชง

"อ๊ะ!" จู่ๆ เพ่ยเหวินจวินก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนมากระชากคอเสื้อของนาง เมื่อหันไปมองก็ต้องอ้าปากค้าง

ฉิบหายแล้ว! พ่อมา! 

ในตอนนี้เพ่ยเหวินจวินคิดว่าตัวนางเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก หากเอาชีวิตของนางไปแต่งนิยายขาย คงจะขายดีไม่น้อยเลยทีเดียว

"เก่งมากนะที่หลอกทหารของข้าได้" เกาเหรินหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก สีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ทว่าเพ่ยเหวินจวินกลับสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากสายตาคู่คมของเขา

"ทะ ท่านอ๋อง ใจเย็นๆก่อนนะเพคะ หม่อมฉันแค่ตกใจเพียงเท่านั้นเอง" แม้จะเอ่ยเสียงหวาน แต่ในใจกลับคิดว่าเกาอ๋องเป็นปีศาจหรืออย่างไรกัน อุตส่าห์ว่าหลบดีแล้วแต่ก็ยังหานางเจอจนได้

"เจ้าทำอะไรผิดไปงั้นหรือ ถึงได้หวาดกลัวทหารของข้าเช่นนี้" มือหนายื่นมาบีบปลายคางมนอย่างแรง คิดไม่ผิดจริงๆถึงได้ออกมาตามนางด้วยตัวเอง

"มะ หม่อมฉัน..." เพ่ยเหวินจวินนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

"ไม่ต้องพูด ข้าไม่อยากฟังคำโกหกของเจ้า" เอ่ยจบเพียงเท่านั้น ก็ใช้มือหิ้วคอเสื้อของนางขึ้นมา ฉุดกระชากลากถูไปขึ้นรถม้าที่เถียนหยวนเตรียมไว้ให้เพื่อกลับจวนอ๋อง

รถม้าคันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ที่หน้าประตูจวนอ๋อง เมื่อประตูเปิดออก เกาเหรินหมิงก็คว้าคอเสื้อของเพ่ยเหวินจวินให้เดินตามเข้าไปข้างใน ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว นางก็ปล่อยตัวทิ้งกายนั่งลงอยู่บนพื้นกอดเสาเอาไว้แน่นไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวไปไหน

"เพ่ยเหวินจวิน ปล่อยมือออกจากเสาเดี๋ยวนี้!" 

"ท่านอ๋องรู้จักชื่อของจวินจวินด้วยหรือเพคะ แหม.. ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก" 

"ปล่อย-แขน-ออก-จาก-เสา-เดี๋ยว-นี้" เกาเหรินหมิงกัดฟันพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยคิดว่าต้องใช้ความอดทนต่อสตรีตัวเล็กๆถึงเพียงนี้มาก่อน

"ไม่ปล่อยเพคะ หากท่านอ๋องไม่ยอมปล่อยหม่อมฉันกลับไป หม่อมฉันก็จะนั่งกอดเสาอยู่แบบนี้แหละ" เพ่ยเหวินจวินกล่าวอย่างดื้อดึง เอาสิ! เป็นไงก็เป็นกัน นางไม่ยอมถูกรังแกง่ายๆหรอก

"ดี ไม่ปล่อยก็นั่งกอดเสาอยู่แบบนี้แหละ เถียนหยวนไปเอาเชือกมาผูกนางมัดไว้กับเสา หากข้าไม่อนุญาตห้ามผู้ใดช่วยเหลือหรือปล่อยนางเป็นอันขาด!"

เพ่ยเหวินจวินทำตาโต อ้าปากร้องโวยวาย

"ท่านอ๋องจะมาจับหม่อมฉันไว้เช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันมีพ่อมีแม่นะ ท่านลักพาตัวหม่อมฉันมาเช่นนี้ มันผิดธรรมเนียมประเพณีอันดีงามนะเพคะ"

"ท่านพ่อของเจ้าสิ้นชีพไปเมื่อปีก่อน ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงและสามีใหม่ จะให้ข้าส่งเจ้ากลับไปหาพวกเขาดีหรือไม่" เกาเหรินหมิงแสยะยิ้มเหี้ยม เมื่อเห็นนางปล่อยมือออกจากเสา เขาก็กดตัวนางไว้เช่นเดิม จากนั้นก็ปล่อยให้เถียนหยวนมัดตัวของนางเอาไว้

"ฮัดชิ้ว" เพ่ยเหวินจวินจามออกมาเป็นครั้งที่สาม ยามนี้เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงยามซวี (19.00 - 20.59 น.) แล้ว ทว่าเกาเหรินหมิงก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวนาง

เพ่ยเหวินจวินทั้งง่วงทั้งหิว มองไปรอบกายพบเพียงแค่ความมืดมิดของราตรีกาล ถึงแม้จะมีทหารยืนคุมอยู่แต่พวกเขาก็อยู่ห่างจากนางไปไกล เพราะเกาเหรินหมิงสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้นาง

"ท่านอ๋องสั่งให้ข้านำอาหารมาให้นาง" นางกล่าวกับทหารรักษาจวนพลางปรายตามองมายังเพ่ยเหวินจวิน

คำว่าอาหารทำให้คนที่นั่งสัปหงกอยู่ถึงกับลืมตาตื่นขึ้น แลเห็นสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถือถาดใส่อาหารส่งกลิ่นหอมชวนให้น้ำลายสอ

"แม่นางอดทนหน่อยเถิด ยามจื่อคนของคุณชายโม่จะมาพาตัวเจ้าหนี" วาจาของนางที่กระซิบเสียงเบาทำให้ทำให้เพ่ยเหวินจวินดีใจจนเนื้อเต้น นางจะได้หลุดพ้นจากอ๋องชั่วนั่นเสียที

เมื่อเห็นเพ่ยเหวินจวินผงกศีรษะรับ สาวใช้ก็หนิบขนมวอวอโถวใส่ปากให้เพ่ยเหวินจวินหนึ่งคำจากนั้นก็เดินจากไป

'เอาล่ะ หลังจากนี้ข้าก็แค่ต้องอดทน รอให้ถึงเวลานัดหมายก็เพียงพอแล้ว!' หญิงสาวคิดอย่างหมายมาดพลางเคี้ยวขนมตุ้ยๆ

ยามจื่อ (23.00 - 00.59 น.)

เพ่ยเหวินจวินรอคอยอย่างอดทน จวบจนกระทั่งเวลานัดหมายมาถึง นางได้ยินเสียงตุ้บดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อหันไปมองก็เห็นร่างของทหารรักษาจวนสองนายล้มฟุบไปกองอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว

"ท่านลี่หาน" นางขานชื่อคนมาใหม่ด้วยความดีใจ ถึงอย่างไรโม่เสว่ชงก็รักษาสัญญา เขาส่งคนมาช่วยนางอย่างที่พูดไว้จริงๆ

"ชู่วว อย่าส่งเสียงดังไป" ชุยลี่หานกล่าวเตือน ในขณะที่มือของเขาช่วยปลดเชือกให้นางไปพลาง

"เกาอ๋องกับเถียนหยวนเข้าวังหลวง ตอนนี้ทางสะดวก เรารีบไปกันเถอะ" ทันทีที่เป็นอิสระ เขาก็รีบเอ่ยชวน เพ่ยเหวินจวินขานรับอย่างไม่รีรอ สองร่างลัดเลาะไปตามขอบผนัง สายตาของชุยลี่หานมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง จนกระทั่งมือเล็กเอื้อมมากระตุกชายเสื้อของเขาเบาๆ

"อย่าเพิ่งไป ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ข้าขอทำงานให้คุณชายโม่ให้เสร็จเลยก็แล้วกัน"

"งานอะไรหรือ" ชุยลี่หานถามด้วยความไม่เข้าใจ

"ทำลายภาพวาดของคุณหนูจ้าวฉิงอย่างไรเล่า" เพ่ยเหวินจวินตอบพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

เพ่ยเหวินจวินรู้ว่าภาพวาดของจ้าวฉิงอยู่ในห้องหนังสือ นางจึงไม่รอช้ารีบเดินไปยังที่หมาย โดยให้ชุยลี่หานไปรออยู่ที่จุดนัดพบซึ่งก็คือประตูท้ายจวนอ๋อง

มือบางค่อยๆ แง้มประตูเปิดออก เมื่อไม่เห็นใครก็แทรกกายเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ที่นี่คือจวนอ๋องจริงหรือ เหตุใดถึงได้วังเวงเงียบเหงาพิกล ไม่มีแม้กระทั่งทหารรักษาจวน การรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมเช่นนี้

เกาเหรินหมิงช่างโง่เขลายิ่งนัก!

แต่ก็ช่างเถิด! ไม่มีคนอยู่ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ทำงานสะดวกมากขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel