7. ความรักในอดีต
ฮูหยินเอกว่านลู่เหมยนั่งไม่ติด เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวาย จนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียงหมิ่นต้องดึงนางให้นั่งลง
"เชื่อข้าเถิด มี่เอ๋อร์จะไม่เป็นอะไร ท่านหมอหลวงรับปากแล้วว่าจะตรวจอาการของนางให้"
"แต่ข้ากลัว กลัวจะเสียลูกไป" ว่านลู่เหมยไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะนี่ก็นานแล้ว เหตุใดท่านหมอหลวงจึงยังไม่ออกมา
เจียงหมิ่นจ้องมองนาง เขาเองเพิ่งนึกได้ในยามนี้ว่านานเพียงใดแล้วที่เขากับฮูหยินเอกไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นนี้
ยามนี้ใบหน้าของนางเริ่มมีริ้วรอยของกาลเวลา ต่างจากยามที่เขาพบนางครั้งแรก เวลานั้นนางงดงามอย่างยิ่ง ทำให้เขาหลงรักนางอย่างง่ายดาย หลายปีที่เพียรใกล้ชิด หลายปีที่เฝ้าทุ่มเทเพื่อพิชิตใจนาง จนสุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน
ทว่าเขากลับยังไม่พอใจ เขารับอนุภรรยาเข้ามา ทำให้เหินห่างจากนางไปมาก ยามนี้เขาจึงทราบว่าฮูหยินเอกของเขางดงามกว่าสตรีใด เหตุใดเขาจึงละเลยนางไปเสียได้ แม้ผ่านมาหลายปี แต่นางยังคงงดงามเช่นวันวาน
"นานแค่ไหนแล้วที่พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้" เขาเอ่ยขึ้น
ว่านลู่เหมยนิ่งไปครู่ก่อนจะหันไปมองหน้าสามีและเอ่ยออกมา "ข้าลืมไปหมดแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ท่านมาหาข้า ตอนนั้นมี่เอ๋อร์เพิ่งอายุไม่กี่เดือน ตลอดมามีเพียงข้ากับมี่เอ๋อร์เท่านั้น ส่วนท่านอยู่กับสตรีอื่นทุกค่ำคืน"
นางบอกกล่าวอย่างเรียบง่ายและเฉยชา ไร้ซึ่งความหึงหวงที่ควรมี ทั้งยังจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่ทุกข์ร้อน เพราะหลายปีที่ผ่านมานางทนทุกข์กับความเหงา และถูกเขาละเลยจนนางชาชิน
ยามนี้เมื่อได้มองหน้าสามีอย่างชัดเจนอีกครั้ง นางจึงพบว่าเขาแก่ชราลงไปมาก รูปร่างผ่ายผอม หมดเค้าสง่างามไปมากมาย หวนนึกยามเจอกันครั้งแรก เขานับเป็นบุรุษที่หล่อเหลาผู้หนึ่งจนนางเก็บไปฝันถึง
"เจ้าโกรธข้าหรือไม่"
นางยิ้มอ่อนๆ ให้เขาก่อนจะบอกออกมาคล้ายบอกกล่าวคนรู้จักคนหนึ่ง
"โกรธ? โกรธท่านไปก็เท่านั้น เพราะท่านไม่ได้สนใจข้าอยู่แล้ว มีท่านหรือไม่ ไม่สำคัญกับข้าอีกต่อไป มีเพียงมี่เอ๋อร์เท่านั้นที่สำคัญกับข้า" นั่นเพราะหากค่ำคืนนี้นางต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป ชีวิตของนางก็ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกต่อไปแล้ว
กล่าวจบแล้วว่านลู่เหมยก็หันไปมองประตูห้องของบุตรสาวที่ยังไม่ถูกเปิดออกมา ในใจของนางตอนนี้มีเพียงบุตรีเท่านั้นจริงๆ
"ข้าผิดต่อเจ้าและมี่เอ๋อร์ยิ่งนัก ข้าเป็นสามีและบิดาที่ไม่ได้เรื่อง หากสวรรค์ยังเมตตา ข้าขอให้มี่เอ๋อร์กลับมาแข็งแรง ข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าสองแม่ลูกด้วยชีวิตที่เหลืออยู่"
เจียงหมิ่นกล่าวอย่างขออภัยต่อนางและบุตรสาว เขาเพิ่งคิดได้ว่าทำผิดต่อพวกนางสองแม่ลูกเพียงใด
"หึ หึ...” นางแค่นหัวเราะออกมา
“...ท่านพี่ ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ขอเพียงมี่เอ๋อร์แข็งแรง ให้ข้ามีโอกาสได้เฝ้าดูนางเติบโต ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เท่านี้ข้าพอใจแล้ว"
เจียงหมิ่นนิ่งงัน เขาทราบดีว่าว่านลู่เหมยใจแข็งนัก ที่ผ่านมาเขาติดค้างนางมากมาย
"ยามนั้นที่ข้าสู่ขอเจ้า ข้าสัญญากับบิดามารดาของเจ้าว่าจะรักและดูแลเจ้าเป็นอย่างดี แต่ข้ากลับทำผิดต่อเจ้า หากมีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เคยเปลี่ยน ยามนั้นข้าเคยรักเจ้าเพียงใด ยามนี้ข้าก็ยังรักเจ้าเช่นนั้น และข้าจะทำหน้าที่บิดาให้ดี"
ว่านลู่เหมยยิ้มบางกับคำพูดนี้
เมื่อมองย้อนกลับไป นางมีเพียงบุตรสาวอยู่เคียงข้าง มันอ้างว้างยิ่งนัก นางต้องเข้มแข็งอย่างที่สุดจึงสามารถผ่านมาได้ ยามนี้ที่เขากล่าวว่ารักนาง นางจึงไม่รู้สึกอะไรเลย
"เรื่องราวนั้น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ยามนั้นที่ข้าต้องการท่าน ท่านกลับละเลยข้า ยามนี้ท่านแก่ชรา กลับมาพร่ำบอกว่ารักข้า ขอโอกาสจากข้า ข้าควรดีใจ? ท่านสมควรทราบว่าเวลานี้มี่เอ๋อร์เป็นตายเท่ากัน คนที่ท่านต้องห่วงคือนาง ไม่ใช่ข้า ข้าในเวลานี้มีเพียงมี่เอ๋อร์เท่านั้น ต้องขออภัย"
เสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียงหมิ่นนิ่งงัน คาดไม่ถึงว่านางตัดรอนเขาอย่างไม่เหลือเยื่อใย