บท
ตั้งค่า

8. ปาฏิหาริย์

หลังจากสั่งให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายและฮูหยินเอกออกไปรอด้านนอก หมอหลวงก็นั่งลงข้างเตียง คำอ้อนวอนของฮูหยินเอกทำให้เขาเห็นใจนางยิ่งนัก แต่เมื่อมองดรุณีน้อยที่นอนอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ

"ข้าจะช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าสิ้นวาสนาแล้วเช่นนี้"

หมอหลวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเวทนา ใบหน้าของเจียงลี่มี่ขาวซีด ลมหายใจอ่อนเบาจนแทบขาดหาย ตรวจชีพจรแล้วก็ต้องส่ายหน้า แม้อยากช่วยเพียงใดก็ไม่สามารถช่วยได้อีกแล้ว

"อาการของคุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

เสี่ยวจู สาวใช้คนสนิทของเจียงลี่มี่เอ่ยถามอย่างมีความหวัง นัยน์ตาของเสี่ยวจูแดงก่ำหลังร้องไห้มาอย่างหนัก

"ตามฮูหยินเอกกับท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายเถอะ หากช้าคงไม่ทันกาล"

เสี่ยวจูอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิ่งกว้างอย่างตื่นตะลึง แม้ลึกๆ จะทราบดีว่าคุณหนูของนางไม่มีทางรอดแต่นางยังมีความหวังเล็กๆ ว่าอาจมีปาฏิหาริย์ แต่เมื่อได้ยินกับหูเช่นนี้ แขนขาของนางพลันอ่อนแรง หากครู่เดียวก็ตั้งสติได้ นางฝืนใจรวบรวมเรี่ยวแรงเร่งเดินออกไปตามฮูหยินเอกและเสนาบดีฝ่ายซ้าย

"มี่เอ๋อร์เป็นอย่างไร" ว่านลู่เหมยถามขึ้นเมื่อเห็นเสี่ยวจูออกมาจากห้อง

"ท่านหมอหลวงให้ข้ามาเชิญนายท่านและฮูหยินเข้าไปด้านในเจ้าค่ะ"

ว่านลู่เหมยทราบทันที หมอหลวงไม่สามารถรักษาบุตรสาวของนางได้ นางลุกขึ้นและรีบเดินไปโดยไม่สนใจผู้ใด เจียงหมิ่นรีบตามเข้าไปเช่นกัน

"ท่านหมอ โปรดช่วยบุตรสาวข้าด้วย ได้โปรด" ว่านลู่เหมยกล่าวออกมาทั้งน้ำตาทันทีที่เห็นหมอหลวง

บนเตียงกว้าง บุตรสาวของนางใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ริมฝีปากแตกระแหง ลมหายใจแผ่วเบาราวจะสิ้นใจได้ทุกเวลา ร่างบอบบางยังสั่นสะท้านด้วยความทรมาน หยาดเหงื่อผุดขึ้นทั้งร่าง แขนขาเกร็งแน่น

"คุณหนูต้องไม่เป็นอะไร ฮือ ๆ” เสี่ยวจู สาวใช้คนสนิทของเจียงลี่มี่ประคองมือเรียวบางวางแนบที่แก้มของตน น้ำตาไหลริน

"มีสิ่งใดอยากกล่าวกับนางก็กล่าวเถิด หากพ้นราตรีนี้ไป นางไม่อาจรับฟังได้แล้ว" หมอหลวงกล่าวอย่างเวทนา เขาถูกเชิญมาที่นี่ ด้วยความหวังของผู้เป็นมารดา แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ อาการของนางหนักหนาเกินไป

ว่านลู่เหมยร้องไห้โฮทันที

"ท่านหมอ บุตรสาวข้าอายุยังน้อย ท่านช่วยนางไม่ได้หรือ หากต้องการสิ่งใด โปรดบอก ข้าจะหามาให้" เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวออกมา

"อาการของนางหนักเกินกว่าข้าจะช่วยได้อีกแล้ว"

หมอหลวงส่ายหน้า ถอยออกไปยืนด้านข้าง ปล่อยให้บิดามารดาของเจียงลี่มี่ได้ร่ำลาบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย

"แต่นางยังเด็กนัก ทำไมสวรรค์จึงพรากนางไปจากข้าเร็วเช่นนี้ ฮือ ๆ” ว่านลู่เหมยเอ่ยออกมา นางไม่อาจทำใจเห็นบุตรสาวที่เฝ้าถนอมจากไปได้

นางนั่งลงข้างเตียง ลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างแผ่วเบา น้ำตาไหลพรั่งพรู กล่าวไปก็ร้องไห้ไป "มี่เอ๋อร์ ไยเจ้าจึงรีบจากแม่ไปเร็วนัก ไม่รักแม่ ไม่อยากอยู่กับแม่แล้วหรือ"

"คุณหนู หากไม่มีท่าน ข้าจะอยู่ต่อไปอย่างไร ท่านจะทิ้งข้าไว้คนเดียวจริงๆ หรือเจ้าคะ หากไม่มีท่าน ข้าก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ไปทำไม" เสี่ยวจูเอ่ยออกมาก่อนจะก้มหน้าร้องไห้ เพราะทั้งชีวิตของนางมีเพียงคุณหนูใหญ่เจียงลี่มี่ที่เป็นทั้งเจ้านาย สหาย และพี่น้อง

ร่างบอบบางพลันกระตุกอย่างรุนแรง เจียงลี่มี่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ว่านลู่เหมยรวบร่างบุตรสาวมากอดไว้ ร้องไห้ราวจะขาดใจ

"ท่านหมอหลวง แม้ไม่อาจรักษานางได้ แต่ท่านช่วยบรรเทาความทรมานให้นางได้หรือไม่ ข้าไม่อาจทนเห็นนางเจ็บปวดเช่นนี้" เจียงหมิ่นกล่าวออกมา

หมอหลวงพยักหน้า ก่อนจะเขียนเทียบยายื่นให้ "มันเป็นเพียงยาบรรเทา ไม่ใช่ยารักษา ข้าช่วยได้เท่านี้"

"ขอบคุณท่าน เท่านี้ก็ดีมากแล้ว"

เขายื่นเทียบยาให้เสี่ยวจู นางรับมาและรีบไปต้มยาให้

"แม้สิ้นวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ แต่บิดาอยากให้เจ้ารู้ว่าเจ้าคือบุตรสาวที่บิดารัก หากมีสิ่งใดที่บิดาสามารถแลกเพื่อให้เจ้าอยู่ต่อได้ บิดารับปากจะกระทำทันที" เจียงหมิ่นกล่าวออกมา

ร่างบอบบางในอ้อมกอดของมารดาสั่นด้วยความเจ็บปวด หากนัยน์ตากลับเปิดปรือขึ้นเล็กน้อยและเหม่อมองอย่างเลื่อนลอย คล้ายว่าเจียงลี่มี่ต้องการร่ำลามารดาของนาง ครู่ถัดมาลมหายใจค่อย ๆ อ่อนจนหยุดลง นัยน์ตาที่เปิดปรือค่อย ๆ ปิดสนิท

ว่านลู่เหมยรู้สึกได้ทันทีว่าร่างของบุตรสาวแน่นิ่งไปแล้ว เพ่งมองใบหน้าน้อยๆ ก็เห็นเพียงนัยน์ตาที่ปิดสนิท นางยื่นมือสั่นระริกไปอังใต้จมูกของบุตรสาว จึงพบว่าไม่หายใจอีกต่อไปแล้ว

“มี่เอ๋อร์ ! ! !”

นางร้องเรียกบุตรสาวสุดเสียงและหมดสติในทันที

เจียงหมิ่นรีบเข้าไปอุ้มว่านลู่เหมยพาออกไปพักที่ห้องด้านข้าง หมอหลวงได้แต่มองตามอย่างเศร้าใจ หากก่อนที่เขาจะตามออกไป หางตาก็เหลือบเห็นคนที่สิ้นลมไปเมื่อครู่กำลังลืมตาและมองมาที่เขา หมอหลวงอ้าปากค้างอย่างตกใจ เท้าเผลอก้าวถอยหลังไปจนชิดประตูห้อง ครู่หนึ่งจึงค่อยเอ่ยออกมา

"จะ...เจ้า...เป็นผีหรือคน"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel