5. ค่ำคืนที่แสนเจ็บปวด
เสียงฝีเท้าที่สับสนดังขึ้น บ่าวไพร่วิ่งวุ่นด้วยความร้อนใจ สองมือถืออ่างน้ำ ผ้าสะอาด อีกคนถือกาน้ำร้อน และอีกหลายคนเดินสวนไปมาด้วยท่าทางรีบร้อน ทำให้ภายในบ้านหลังใหญ่ดูเล็กลงถนัดตา
"ท่านหมอหลวงมาหรือยัง คุณหนูจะไม่ไหวแล้ว" สาวใช้คนหนึ่งสีหน้าไม่สู้ดี ชะเง้อคอมองหา
"ยังไม่มาเลย ข้าเกรงว่าหากยังเป็นเช่นนี้ คุณหนูคง..." สาวใช้อีกคนสีหน้าเศร้าหมอง
"พวกเจ้ามายืนทำอะไรตรงนี้! รีบนำของเข้าไปในห้องสิ เร็วเข้า อาการคุณหนูไม่ดีนัก!" เสียงกระด้างของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น
"ท่านหัวหน้าเจ้าคะ หากคืนนี้...."
"หุบปากของเจ้าเสีย! รีบไปได้แล้ว! คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูจะต้องปลอดภัย"
หัวหน้าสาวใช้กล่าวเสียงหนักแน่น แม้สีหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อครู่ที่นางเข้าไปในห้องก็พบว่าอาการของคุณหนูใหญ่เจียงลี่มี่ทรุดลงมาก ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแตกระแหง ร่างกายสั่นสะท้าน นัยน์ตาเหม่อลอย มองอย่างไรก็ไม่เห็นทางรอด ได้แต่หวังว่าท่านหมอหลวงจะช่วยคุณหนูใหญ่หายเป็นปกติได้
นางสงสารฮูหยินเอกว่านลู่เหมยนัก มีบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่จู่ ๆ ร่างกายก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สาเหตุ ต่อมาก็ล้มป่วยจนไม่สามารถลุกเดินได้ วัน ๆ ได้แต่นอนอยู่บนเตียง เป็นเช่นนี้มาหลายปี แต่ฮูหยินเอกก็ไม่เคยหมดหวัง เสาะแสวงหาสมุนไพรมารักษาไม่ขาด หากสุดท้ายดูเหมือนไม่อาจช่วยได้
"อาการของคุณหนู..."
สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล หัวหน้าสาวใช้เพียงยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะรีบเดินไปที่หน้าประตู เฝ้ารอหมอหลวงอย่างกระวนกระวาย บรรดาสาวใช้ที่เห็นอาการของคุณหนูใหญ่ล้วนแปลกใจ เหตุใดอาการจึงทรุดหนักเร็วนัก จากเด็กสาวงดงามกลายเป็นอ่อนแอ ร่างกายซูบผอม ผิวขาวซีดราวผีดิบ
"อาการของคุณหนูร้ายแรงนัก ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดเจ็บป่วยเช่นนี้มาก่อน"
สาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิด ทั้งชีวิตนางไม่เคยพบเห็นคนที่มีอาการเช่นนี้เลยสักครั้ง
"ข้าก็คิดเช่นเจ้า หากกล่าวว่าคุณหนูใหญ่ถูกวางยา แต่นี่คือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย ผู้ใดจะกล้าลงมือ" สาวใช้อีกคนส่ายศีรษะให้กับความคิดตนเอง นี่มันเป็นไปได้ยากนัก ในจวนมีแต่คนรักเอ็นดูคุณหนูใหญ่ทั้งสิ้น
"ข้าว่าเพราะคุณหนูใหญ่เกิดมาร่างกายอ่อนแอ เมื่อเติบโต ความเจ็บป่วยจึงมากขึ้น" สาวใช้อีกนางกล่าว คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผลที่สุด ทุกคนพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย
"ถูกต้อง เพียงแต่เหตุใดอาการจึงกำเริบตอนนี้ ยามเด็กคุณหนูร่างกายแข็งแรง วิ่งเล่นในสวนทุกวัน แต่เวลานี้ทุกอย่างตรงกันข้าม"
"ช่างน่าสงสารนัก ข้าเกรงว่าหากท่านหมอหลวงมาช้า อาจไม่ทันเวลา"
"ข้าสงสารเสี่ยวจูยิ่งนัก นางเติบโตมาพร้อมคุณหนูใหญ่ รักคุณหนูใหญ่ที่สุด ตอนนี้นางร้องไห้อยู่ข้างเตียงคุณหนูใหญ่ ราวกับจะสิ้นใจตาม"
ยามนี้บรรยากาศภายในห้องเศร้าหมองยิ่งนัก มีเพียงเสียงร้องไห้คร่ำครวญ
"ท่านหมอหลวงมาแล้ว ! !"
หัวหน้าสาวใช้ที่ยืนรอหน้าประตูจวนเอ่ยเสียงดัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นสีหน้าหมอหลวงที่แวะเวียนมาตรวจอาการให้บ่อยครั้ง สาวใช้ทั้งหมดก็แทบถอดใจ
"ดูจากสีหน้าท่านหมอหลวง ราตรีนี้คุณหนูใหญ่คง..." สาวใช้ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
"คุณหนูใหญ่น่าสงสารนัก อายุเพียงเท่านี้ก็..." สาวใช้อีกคนกล่าว
"หากพวกเจ้ายังพูดจาเช่นนี้ ข้าจะสั่งโบยพวกเจ้าคนละสิบไม้ คุณหนูใหญ่ต้องไม่เป็นอะไร" หัวหน้าสาวใช้กล่าวเสียงดุ