1 อุบัติเหตุ
“น้องต้า ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ”
เสียงหวานจ๋อยของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถามเธอ ในขณะที่อมิตากำลังนั่งหัวฟูเคลียร์เอกสารต่าง ๆ ในมือ
ร่างอวบกลมแต่ไม่เข้าขั้นอ้วนของอมิตาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหยัดตัวขึ้นดูว่าใครที่เป็นคนเอ่ยถาม หญิงสาวขยับแว่นสายตาที่ตัวเองสวมใส่เพื่อมองให้ชัดว่าใคร
“เอ่อ...งานยังไม่...” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไรใคร ทั้งห้องทำงานที่เคยเต็มไปด้วยเสียงดังโวยวายก็ไม่เหลือใคร
“ก็งานที่พวกพี่โยนให้หนูยังไม่เสร็จ หนูก็เลยยังไม่ได้กลับไงคะ” อมิตานั่งจ๋องได้แต่พูดพึมพำกับตัวเอง เท่านั้น
เธอเป็นเด็กจบใหม่เพิ่งเริ่มทำงานที่นี่ได้ 5 เดือน หลังจากผ่านโปร อมิตาก็ถูกเลือกให้มาอยู่ที่แผนกนี้ ซึ่งไม่ใช่แผนกที่เธอเลือกเข้ามาทำงานตั้งแต่แรก โดยบริษัทจูงใจให้เธอเลือกที่นี่ และบอกว่าจะได้เงินเดือนเพิ่มจากที่เคยอยู่ ราว 3,000 บาท
อมิตาที่เพิ่งเข้าสู่สังคมแห่งการทำงานตกลงเลือกที่นี่ทันทีโดยไม่มีบิดพลิ้ว ก่อนจะพบว่าตัวเองกลายมาเป็นเจนเนอรัลเบ๊ให้กับคนในทีม ทำงานหนักซัปพอร์ตทุกคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด จนวัน ๆ แทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองฟ้า
เมื่อท้องฟ้ามืดสนิทก็เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแล้ว เธอจึงเริ่มจัดการเก็บของ และกลับบ้านทันที
หญิงสาวต้องแบกตัวเองกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปหลายป้ายรถเมล์ด้วยสภาพสังขารที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน
ติ๊ง++
เสียงแจ้งเตือนนิยายตอนใหม่จากแอปพลิเคชันนิยายออนไลน์ชื่อดัง ส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้เป็นเจ้าของเครื่องกดเข้าไปอ่าน อมิตาทำตาโตด้วยความตื่นเต้น อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีนิยายพวกนี้ให้เธอได้อ่านผ่อนคลาย ยามที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน
“ยังไม่อ่านดีกว่า เก็บไว้อ่านตอนเสาร์-อาทิตย์นี้รวดเดียว” มือเล็กปัดข้อความแจ้งเตือนการอัปนิยายทิ้ง เพราะสายตาของอมิตากำลังนั่งจ้องมองแต่โทรศัพท์ ทำให้เธอไม่เห็นรถเมล์คันใหญ่กำลังมุ่งหน้ามายังจุดที่เธอยืนอยู่
ปรี๊นนนน!!!
ผู้ที่เป็นคนขับกดแตรรถดังลั่นเพื่อให้คนที่อยู่บนฟุตพาทรับรู้ถึงความผิดปกติ เมื่ออมิตาเงยหน้าขึ้นมาอีกที รถเมล์เบรกแตกก็พุ่งเข้ามาถึงตัวเธอแล้ว
เรือนร่างกลมกลึงที่เต็มไปด้วยสัมภาระมากมายซึ่งหอบหิ้วมาจากที่ทำงานถูกชนจนกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร ร่างกายของอมิตาเริ่มจากความชา ก่อนที่ต่อมาจะค่อย ๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย
“ช่วย...หนู...ด้วย” เธอพยายามเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือ
สายตาของหญิงสาวเห็นและได้ยินเสียงของผู้คนมากมายกำลังกรีดร้องโวยวาย
“ช่วย......หนู...ด้วย...ค่ะ” อมิตาที่กำลังอยู่ในสภาพปางตายสำลักเลือดออกมากองใหญ่ จนเธอเปล่งเสียงพูดออกมาได้อย่างยากลำบาก
ทีมกู้ชีพมาถึงร่างที่นอนแน่นิ่งในเวลาไม่นาน อมิตาพยายามขยับมือขยับแขนเพื่อบอกให้พวกเขารู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
“เคสแดงอาการหนักมาก ต้องส่งโรงพยาบาลด่วนเลย”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่อมิตาได้ยิน ไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านมานานเท่าไร หญิงสาวลืมตาขึ้นอีกครั้ง และพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในสถานที่ที่คาดว่าน่าจะเป็นร้านอาหาร เธอจำได้ว่าตัวเองเดินวนไปวนมาอยู่ในนั้น และทะเลาะกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็สลบไปอีกหนึ่งรอบ
“คุณเกรซเป็นอะไรคะ” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนค่อนไปทางสูงอายุพูดด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่รู้สิ เดิน ๆ อยู่ก็ล้มลงไป” เสียงของผู้ชายอีกคนบอก
“ตายจริง คุณปลาย ทำไมเสื้อถึงมีแต่รอยสีแดงแบบนั้นล่ะคะ เหมือนเลือดเลย” คุณสายหยุดแม่บ้านเก่าแก่ของบ้านตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม เมื่อเสื้อเห็นธนัตเต็มไปด้วยเลือด
ธนัตก้มลงดูตัวเอง และพบว่าเป็นจริงอย่างที่ผู้สูงวัยว่า เขาจึงสำรวจว่าอะไรเป็นสาเหตุของรอยสีแดงพวกนี้ และพบว่าที่คางกลมมนของผู้หญิงที่เขาพามามีรอยเลือดเปรอะเปื้อน น่าจะเกิดจากตอนที่เธอเป็นลมไปละมั้ง
“คุณสาย เดี๋ยวเอากล่องยาขึ้นไปที่ห้องทีนะครับ”
“ห้องใครคะ? ห้องคุณเกรซหรือห้องคุณปลาย”
ร่างสูงมีท่าทีลังเล
“ห้องผมครับ”
อมิตาได้ยินเสียงของคนสองคนที่ไม่คุ้นหูพูดคุยกัน คนตัวเล็กพยายามลืมตาขึ้นมาเพื่อดูให้ชัด ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สภาพร่างกายของเธอเหนื่อยอ่อน และไร้เรี่ยวแรงเกินไป ไม่ว่าจะฝืนขนาดไหนเธอก็ลืมตาขึ้นไม่ได้ หญิงสาวค่อย ๆ หลับไปในที่สุด
ไม่นานคุณสายหยุดก็เดินตามขึ้นมาบนห้อง ผู้ชรามองร่างเล็กแบบบางที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงนอนของคุณผู้ชายที่เป็นเจ้านายของบ้านคนปัจจุบัน
“ดูเธอจะเหนื่อยมากเลยนะคะ” สายหยุดออกความคิดเห็น
“น่าจะเพราะทะเลาะกับผมจนหมดแรงมากกว่า” ธนัตเอ่ย
“คุณปลาย” สายหยุดเรียกชื่อของเจ้านายหนุ่มเชิงตำหนิ
“คุณสายทำแผลให้เธอด้วยก็แล้วกันนะครับ ผมจะไปนั่งทำงานต่อ”
ผู้เป็นสามีมองเฝ้ามองร่างเล็กแบบบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนของเขา ในเวลาที่เธอหมดฤทธิ์ก็ดูเป็นผู้หญิงปกติคนหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะนามสกุลที่ห้อยท้ายเอาไว้ เขาจะไม่มีวันยอมตกลงแต่งงานกับเธอเด็ดขาด
ครอบครัวเขาและเธอไปมาหาสู่กันมาอย่างยาวนาน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของคนรุ่นพ่อส่งผลกระทบมาถึงรุ่นของเขา เขาต้องเลือกลูกสาวของบ้านนั้นมาแต่งงาน
ตอนแรกธนัตคาดหวังว่าจะได้แต่งกับรสิตาผู้ที่เป็นน้องสาวซึ่งเป็นลูกนอกสมรส เขาถูกใจเธอและชอบรสิตาตัวน้อยมาโดยตลอด เธอทั้งอ่อนโยน น่ารัก มีน้ำใจ มองโลกในแง่บวก เขาชอบเวลาที่เธอยิ้ม แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นลูกนอกสมรสที่แทบจะไม่มีสิทธิ์อะไรเลยในมรดกหลายพันล้านของตระกูลบรรพรุ่งเรือง
ต่างกันกับลูกสาวคนอีกคนที่เป็นทายาทโดยชอบธรรมชอบตระกูล มีสิทธิ์ในการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนั้น เติบโตมาดุจเจ้าหญิง ถึงจะสวย แต่ก็เป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญ ขี้เหวี่ยง เอาแต่ใจ ไม่เคยคิดถึงใจจิตใจของใคร
เขารู้ว่าอมิตาอิจฉารสิตาผู้เป็นน้องสาวที่จู่ ๆ ก็เข้ามาเป็นส่วนสำคัญของบ้าน ได้รับความรักมากมายจากคุณปู่คุณย่า เรียนเก่ง สวยงาม อ่อนโยน เป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งบ้าน
แตกต่างจากเธอทุกอย่าง รสิตากลายเป็นคนสำคัญของบ้านจนกระทั่งวันหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกเขารับรู้แล้วว่ารสิตาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลบรรพรุ่งเรืองจริง ๆ แต่เพราะความแสนดีและน่ารักของเธอทำให้ทุกคนยังคงนับว่ารสิตาเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของครอบครัว