บท
ตั้งค่า

9 บอกลา

“นารา น้องพราวเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว นาราขอบคุณพี่อั๋นกับพี่กวางมากนะคะ ที่ให้นารายืมเงิน”

“เงินไม่ได้มากมายอะไร พี่กับพี่กวางยินดีช่วย แล้วไม่ต้องรีบคืนก็ได้ ทยอยจ่ายตอนสิ้นเดือน เอาที่ตัวเองจ่ายไหวนะ อย่าให้ต้องเดือดร้อน” พูดจบเจ้าของสำนักงานก็เดินกลับเข้าไปยังห้องทำงาน

“ค่ะพี่อั๋น”

“นารา น้องพราวเป็นอะไรเหรอ”

“น้องพราวผ่าตัดไส้ติ่งค่ะพี่ขวัญ”

“อ้าว แล้วตอนนี้น้องพราวอยู่กับใคร ทำไมนาราไม่ลางานกับพี่อั๋น” ขวัญฤทัยถามเพื่อนรุ่นน้อง

“น้องพราวอยู่กับยายทิพย์ค่ะ นาราไม่อยากขาดงาน แค่เมื่อวานพี่อั๋นกับพี่กวางให้นารายืมเงินไปจ่ายค่าโรงพยาบาลก็เกรงใจมากแล้วค่ะ”

“พี่กวางกับพี่อั๋นใจดีอย่างนี้ตลอด พี่เองก็เคยยืมเหมือนกัน กว่าจะผ่อนหมดก็หลายเดือน”

“นาราก็จะผ่อนใช้เหมือนกันค่ะ” พลอยนาราไม่อยากติดหนี้ใครนานๆ เธอต้องหาทางนำเงินมาคืนให้เร็วที่สุด

หลังเลิกงานพลอยนารารีบกลับไปหาลูกสาวที่โรงพยาบาล เพราะอยากให้ยายสายทิพย์ได้พัก

“นารา มาจากที่ทำงานเลยใช่ไหม”

“ค่ะยายทิพย์ วันนี้น้องพราวเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บแผลอยู่ไหมลูก แล้วกวนคุณยายหรือเปล่า”

“เจ็บนิดหน่อยค่ะแม่ แต่พอดูการ์ตูนน้องพราวก็หายเจ็บเลยค่ะ”

“เหรอคะ การ์ตูนนี้มันดีอย่างนี้นี่เอง”

“ยายทิพย์คะ นาราซื้อข้าวกับขนมมาให้นะคะ ฝากให้คุณตาด้วยนะคะ”

“คราวหลังไม่ต้องหอบหิ้วอะไรมาแบบนี้นะ แค่ตัวเองขี่มอเตอร์ไซค์ยายก็ห่วงมากแล้ว ยังจะหอบของพะรุงพะรังมาอีก”

“คุณยายขา คุณแม่ขับไม่เร็วเลยค่ะ น้องพราวนั่งมาผมน้องพราวแทบไม่กระดิกเลยนะคะ”

เพราะทุกครั้งที่ลูกสาวซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเธอ พลอยนาราจะขับช้าจนลูกสาวบ่นเวลาเห็นรถคันอื่นแซง

“ช้าหรือเร็ว ยังไงก็เนื้อหุ้มเหล็ก”

“นาราจะระวังนะคะ ยายทิพย์รีบกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติดนะคะ”

“ได้จ้ะ แล้วพรุ่งนี้ตอนออกโรงพยาบาล ยายจะเอารถยนต์มารับนะ”

“ค่ะยาย นารากับน้องพราวขอบคุณมากนะคะ”

พอยายสายทิพย์กลับไปแล้วสองแม่ลูกก็นั่งดูการ์ตูนกันต่อคืนนี้พิมพ์พิชาเข้านอนก่อนเวลา เพราะกลางวันเด็กสาวไม่ได้นอน

วันนี้พลอยนาราลางานช่วงเช้าเพราะทำเรื่องออกโรงพยาบาลให้ลูกสาว พอทุกอย่างเรียบร้อย พิมพ์พิชาก็นั่งรถไปกับคุณยายสายทิพย์ที่มารอรับตั้งแต่เช้า เพราะกลัวสองแม่ลูกจะกระเตงกันขึ้นจักรยานยนต์อย่างเคย

“แล้วเจอกันตอนเย็นนะคะน้องพราว แม่ไปทำงานก่อน”

“ไม่ต้องห่วงนะนารา ยายจะดูแลให้” สายทิพย์เห็นสีหน้าของพลอยนาราก็รู้ว่าหญิงสาวทั้งห่วงทั้งเกรงใจเป็นอย่างมาก

“ค่ะคุณยาย”

พอส่งลูกสาวขึ้นรถไปแล้ว หญิงสาวก็กลับไปทำงานตามเดิม

เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนดังขึ้น พลอยนาราละมือจากแป้นคีย์บอร์ด เสียงจากปลายสายทำให้หญิงสาวหน้าซีด พอวางสายก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของเจ้านาย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเลย” เสียงอิศเรศดังออกมา

“อ้าวนารา มีอะไรทำไมทำหน้าตื่นอย่างนั้น”

“นั่งสิ” พรปวีร์รีบพาลูกน้องนั่ง

“พี่กวาง พี่อั๋น โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าอาการคุณตะวันไม่ดีเลย นาราขอลาต่อได้ไหมคะ” เพราะช่วงเช้าเธอพึ่งจะลาไปรับลูกสาวออกจากโรงพยาบาล แล้วกลับมาทำงานไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องลางานอีกแล้ว

“ให้พี่ไปส่งที่โรงพยาบาลดีไหม”

“พี่เห็นด้วยกับพี่กวางนะ”

“นาราเอามอไซค์ไปดีกว่าค่ะ เร็วดี”

“ขับช้าๆ นารา”

“ค่ะ นาราจะระวังอย่างดี”

พลอยนาราขี่รถจักรยานยนต์อย่างระมัดระวังเพราะเธอมีลูกสาวที่ต้องดูแล ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอพิมพ์พิชาจะอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน

พอมาถึงหญิงสาวก็วิ่งไปยังทิศทางที่คุ้นเคย พลอยนาราไม่กล้าเข้าไปในห้องเพราะตอนนี้มีคนอยู่ในนั้นมากมายเหลือเกิน เธอไม่รู้ว่าในนั้นมีญาติของหมอตะวันรวมอยู่ด้วยหรือเปล่า

“นารา”

“พี่เปรมคะ ทำไม”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอตะวันอาการทรุด หลังจากพี่โทรไปบอกไม่นานหัวใจก็หยุดเต้น”

“หมอเจ้าของไข้บอกว่าครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าหมอตะวันจะอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไหร่ นารารออยู่ตรงนี้นะ พี่ขอเข้าไปดูสักหน่อย”

เปรมยุดากลับเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วย ตอนนี้ภายในห้องนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เครื่องมือและอุปกรณ์ทุกอย่างที่จำเป็นถูกขนย้ายเขามาจนเต็มห้อง

“คืนนี้ผมจะอยู่เฝ้าที่ซันเอง พ่อกับแม่กลับไปพักก่อนนะครับ”

“ไม่เป็นไรลูก พ่อกับแม่อยากอยู่กับซันให้มากที่สุด”

“ผมขอไปสั่งงานก่อน แล้วจะกลับมาอยู่ด้วยอีกคนนะครับแม่ อ้อ! แล้วพี่ฟ้าล่ะครับแม่”

“กำลังบินกลับจ้ะ”

สองสามีภรรยาจับมือกันแน่น ต่างฝ่ายต่างปลอบใจกันและกัน เวลาผ่านมา 4 ปี แต่ทั้งสองก็ยังทำใจไม่ได้เลยสักนิด ยิ่งพอมาวันนี้อาการลูกชายทรุดหนัก ทั้งสองคนรู้ดีว่าเหลือเวลาอีกไม่นานลูกชายคนโตคงจะจากทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับ

เปรมยุดา เดินกลับออกมาจากห้อง ตรงไปหาพลอยนาราที่นั่งรออยู่อีกด้วยใบหน้ากระวนกระวาย

“พี่เปรม นาราอยากไปเยี่ยมคุณตะวัน”

“ตอนนี้พ่อกับแม่ของหมอตะวันยังอยู่ในห้อง นาราจะเข้าไปไหม”

“ถ้าอย่างนั้น นาราขอยืนดูอยู่ห่างๆ ได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้จะตอบคำถามกับท่านทั้งสองยังไงพลอยนาราเลยเลือกที่จะไม่เผชิญหน้า

“เอาอย่างนี้นะนารา เดี๋ยวพี่จะให้ท่านไปนั่งตรงมุมรับแขกในห้อง นาราค่อยเข้าไปเงียบๆ”

เปรมยุดาอยากให้หญิงสาวได้เจอกับหมอตะวันอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเธอหรือเปล่า

“ได้ค่ะพี่เปรม นาราขอบคุณมากนะคะ”

พลอยนารากลับจากโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่สุด อาการของหมอตะวันที่เธอเห็นวันนี้มันดูแย่กว่าทุกครั้ง เปรมยุดาบอกเธอให้พยายามทำใจเพราะมีโอกาสสูงที่เขาจะจากไปได้ทุกเมื่อ

หญิงสาวไม่รู้จะบอกเล่าเรื่องราวนี้ให้กับใครฟัง ถ้าหมอตะวันจากไปจริงๆ ก็เท่ากับว่าจากนี้ชีวิตของเธอจะเหลือกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น

“คุณแม่ขา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ น้องพราวเรียกตั้งนานแล้วคุณแม่ไปตอบสักที”

“แม่ขอโทษนะคะน้องพราว แม่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ต้องดื่มนมเยอะๆ แล้วก็นอนพักนะคะ”

“ได้สิคะ งั้นเราดื่มนมแล้วไปนอนกันดีไหม นอนพักเยอะๆแผลจะได้หายเร็ว”

“ค่ะแม่ น้องพราวจะไปโรงเรียนตอนเปิดเทอมได้ไหมคะ”

“ได้สิลูก อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดทอม หนูตื่นเต้นไหมคะ”

“ตื่นเต้นค่ะ น้องพราวจะเล่าให้เพื่อนฟังด้วยว่าได้เข้าไปในห้องผ่าตัด”

พอลูกสาวหลับไปแล้วเธอก็โทรศัพท์ไปหาเปรมยุดาอีกครั้ง ตำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม

“พรุ่งนี้เช้า สัก 7 โมง นาราพาน้องพราวมาได้ไหม”

“ได้ค่ะพี่เปรม แล้วนาราจะไม่เจอคนอื่นใช่ไหมคะ”

“ไม่จ้ะ” เพราะทำงานที่นี่มานานเปรมยุดารู้ดีว่าเวลานั้นเป็นเวลาสะดวกที่สุด

พลอยนาราปลุกลูกสาวให้ตื่นเช้ากว่าปกติ แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปเยี่ยมคุณลุงใจดีแต่เช้าแต่พิมพ์พิชาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“น้องพราว ไปยืนใกล้คุณลุงหน่อยนะคะ แม่จะถ่ายรูปให้” แม่รู้ว่ามันผิดกฎของโรงพยาบาลแต่พลอยนาราก็อยากให้ลูกสาวมีรูปที่ถ่ายคู่กับหมอตะวันเก็บไว้ เรื่องราวทุกอย่างมันซับซ้อน แต่เธอตั้งใจจะบอกทุกอย่างกับลูกสาวเมื่อโตขึ้นกว่านี้

“น้องพราวคะ บอกลาคุณลุงนะคะ เราอาจไม่ได้มาเยี่ยมคุณลุงอีกแล้ว”

“ทำไมคะแม่ คุณลุงจะไปไหน”

“คุณลุงอาจต้องย้ายไปอยู่ที่ไกลๆค่ะ”

“น้องพราวไม่อยากให้คุณลุงไปเลยค่ะ ถ้าคุณลุงไปแล้วใครจะพาเราไปหาพ่อล่ะคะ”

“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางทีถ้าน้องพราวโตขึ้น เรียนเก่งๆ เราสองคนอาจไปหาพ่อด้วยกันได้”

“เหรอคะ น้องพราวจะตั้งใจเรียนค่ะ”

“ดีมากจ้ะ”

“คุณลุงขา น้องพราวจะกลับแล้วนะคะ คุณลุงจะไปอยู่ที่ไหนอย่าลืมบอกน้องพราวกับแม่นะคะ ถ้าโตขึ้นร้องพราวจะไปตามหาคุณลุงกับคุณพ่อนะคะ”

คำพูดไร้เดียงสาของลูกสาวทำให้พลอยนารากลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ทุกคำพูดมันบาดลึกลงไปในหัวใจ ถ้าพิมพ์พิชาโตขึ้นและเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้ก็คงดี แต่ในเมื่อเธอยังเด็กพลอยนาราก็เลยต้องทำแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง เธอรู้ แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอไม่มีใครคอยให้คำปรึกษา ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยนอกจากพิมพ์พิชาเพียงคนเดียวเท่านั้น

โลกใบเล็กของพลอยนาราพังทลายทันทีเมื่อได้รับสายจากเปรมยุดาหัวหน้าพยาบาล เธอทำอะไรแทบไม่ถูก แม้วันก่อนจะไปเยี่ยมอาการของหมอตะวันมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้

หญิงสาวร้องไห้อยู่ในห้องน้ำตั้งแต่ได้รับสาย ร้องจนแทบไม่เหลือน้ำตาอีกแล้ว พลอยนาราสัญญากับตัวเองว่าครั้งนี้จะเป็นการร้องไห้ครั้งสุดท้าย จากนี้เธอจะต้องเข้มแข็ง แม้หนทางข้างหน้ามืดมนไปหมด แต่เธอต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น เธอต้องดูแลลูกสาวตามลำพัง และต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน

พลอยนารารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงลูกสาวเรียกหาเพราะตื่นมาได้เจอแม่ของตัวเอง

“คุณแม่ขา คุณแม่อยู่ไหนคะ”

“แม่เข้าห้องน้ำค่ะน้องพราว” เธอรีบล้างหน้า แต่ก็ไม่อาจปิดดวงตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเลยสักนิด หญิงสาวถือผ้าเช็ดตัวปิดใบหน้า เพราะกลัวลูกสาวจะเห็น

พอเปิดประตูห้องออกมาพิมพ์พิชาก็รออยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว

“น้องพราวจะเข้าห้องน้ำเหรอคะ”

“ค่ะแม่ น้องพราวอยากรีบไปโรงเรียนวันนี้เปิดเทอมวันแรกนะคะ คุณแม่ลืมหรือเปล่า”

“ไม่ลืมหรอกค่ะ เดี๋ยวแม่เตรียมอาหารเช้ารอนะคะ น้องพราวอาบน้ำแต่งตัวเองได้หรือเปล่า”

“ได้นิดหน่อยค่ะ”

เพราะเธอฝึกให้ลูกสาวช่วยตัวเองมาตลอด ตอนเช้าจึงไม่ได้วุ่นวายมาก เพียงแค่ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านอีกครั้งก็พอ

ลูกสาวเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว พลอยนารารีบเปิดลิ้นชักหาเครื่องสำอางอย่างน้อยมันก็ช่วยปกปิดได้บ้าง

พอส่งลูกสาวที่โรงเรียนพลอยนาราก็มาทำงาน แต่ตลอดทั้งวันแทบไม่มีสมาธิเลยสักนิด จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พลอยนาราไม่ต้องรีบไปรับลูกสาวเพราะบอกกับยายสายทิพย์ไว้แล้วว่าเธอจะกลับช้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel