7 เหตุจำเป็น
แต่ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมดเมื่อเย็นวันหนึ่งพิมพ์พิชาก็ปวดท้องอย่างหนัก พลอยนาราพาลูกสาวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เสียงร้องไห้ของลูกสาวทำให้พลอยนาราไม่อาจทนเห็นได้ ถ้าเลือกเจ็บได้หญิงสาวก็พร้อมที่จะแลก แต่ในเมื่อมันทำไม่ได้เธอก็ได้แต่ปลอบใจและคอยอยู่ข้างกายลูกสาวเพียงเท่านั้น
หลังจากใช้เวลาตรวจไม่นานแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินก็แจ้งว่าพิมพ์พิชานั้นเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องทำการผ่าตัดด่วน
“น้องมีประกันสุขภาพไหมคะคุณแม่” เจ้าหน้าที่เวชระเบียนถามขึ้นเพราะต้องกรอกข้อมูลทั้งหมดให้ครบก่อนนำตัวไปผ่าตัด
“ไม่มีค่ะ ถ้าไม่มีจะผ่าไม่ได้เหรอคะ” พลอยนาราเคยคิดที่จะทำประกันชีวิตแต่ก็ได้แค่คิด จนเวลาผ่านเรื่อยมา
“เปล่าค่ะ เราแค่ต้องการข้อมูลเท่านั้น ถ้ามีประกันทางเราจะได้เลือกห้องให้ตรงกับจำนวนวงเงินที่ทำไว้ แต่ถ้าไม่มีคุณแม่ก็เลือกเองได้เลยค่ะ ว่าจะให้น้องออกมาอยู่ห้องแบบไหนหลังผ่าตัด”
พลอยนาราเห็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วก็ถอนหายใจ เงินจำนวนนั้นมากเกินกว่าที่เธอจะหาได้เวลานี้ เงินสำรองก็เอาไปช่วยคนเจ็บแล้ว ตอนนี้เธอเหลือเงินไม่ถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ
“คุณมีปัญหาอะไรให้เราช่วยหรือเปล่าคะ ถ้าติดปัญหาตรงไหนบอกเราได้ ถ้าไม่สะดวกจะย้ายน้องไปโรงพยาบาลรัฐบาลเราก็จะส่งตัวไปให้ได้นะคะ ถ้าคุณแม่ตัดสินใจเร็วน้องก็จะได้รับการรักษาเร็วนะคะ” พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาบอก
พลอยนาราไม่รู้ว่าลูกสาวจะทนได้มากแค่ไหน
“รอสักครู่นะคะ”
หญิงสาวเลี่ยงออกมากดโทรศัพท์ไปยังปลายสายจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า
“พาน้องไปผ่าตัดได้เลยค่ะ” พลอยนาราบอกพยาบาล
เวลารอคอยหน้าห้องผ่าตัดเป็นช่วงที่ทรมานมากสำหรับหัวอกคนเป็นแม่ เธอเดินวนไปมาหน้าห้องผ่าตัดอยู่เป็นชั่วโมง พอไฟเหนือประตูห้องผ้าตัดดับลงพลอยนาราก็มายืนรอหน้าประตู
“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะหมอ”
“ปลอดภัยดีครับ ผ่าตัดเล็กแบบนี้ ไม่กี่วันน้องก็กลับมาวิ่งเล่นได้ตามปกติแล้วครับ”
“แล้วทำไมน้องพราวยังไม่ออกมาล่ะคะคุณหมอ” เธอถามอย่างสงสัย
“มันเป็นระเบียบครับหลังผ่าตัดจะต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอย่างน้อย สองชั่วโมง ระหว่างนี้คุณแม่ไปรอที่ห้องพักก็ได้นะครับ ถ้าครบเวลาแล้วจะมีพยาบาลกับเจ้าหน้าที่จะพาน้องไปส่ง”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”พลอยนารายกมือไหว้ศัลยแพทย์หนุ่มอีกครั้ง
ขณะที่รอให้ลูกสาวกลับมาที่ห้องพลอยนาราก็โทรศัพท์ไปบอกยายสายทิพย์ว่าเย็นนี้เธอกับลูกจะไม่กลับบ้าน เพราะปกติแล้วเย็นวันศุกร์พิมพ์พิชาจะต้องไปนอนค้างกับคุณยายเนื่องจากเธอต้องไปทำงานเสิร์ฟที่ผับแห่งหนึ่ง
“ตายแล้วลูก ยังเด็กยังเล็กต้องมาผ่าตัดแล้ว ยายสงสารจังเลย ตัวแค่นั้นคงจะเจ็บมาก”
“ยายทิพย์ไม่ต้องห่วงนะคะ หมอบอกว่าปลอดภัยดีทุกอย่าง ไม่กี่วันก็วิ่งเล่นได้อย่างเดิม”
“แล้วอยู่โรงพยาบาลไหน ยายกับตาจะได้ไปเยี่ยม” สายทิพย์หมายถึงพิทักษ์ สามีของเธอที่รักพิมพ์พิชาเหมือนหลานแท้ๆ
พลอยนาราบอกชื่อโรงพยาบาลไป ทำให้คนปลายสายตกใจอีกครั้ง เพราะโรงพยาบาลนี้ค่ารักษาพยาบาลนั้นแพงกว่าที่อื่นมาก
“มันแพงมากใช่ไหมนารา”
“ค่ะยาย แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ นาราพอมีจ่าย”
“มีจ่ายแน่นะนารา เมื่อวันก่อนก็พึ่งจ่ายไปเอง”
“มีค่ะยาย แต่หลังจากนี้อาจต้องทำงานเพิ่ม คงรบกวนให้น้องพราวไปค้างกับยายหลายคืน”
“ไม่เป็นไรเลย มานอนกับยายทุกคืนก็ได้ ยายกับตาจะได้ไม่เหงา”
“นาราขอบคุณนะคะยาย”
เมื่อครู่พลอยนาราโทรศัพท์ไปยืมเงินเจ้าของสำนักงานทนายความที่เธอทำอยู่ และคิดจะทยอยใช้เจ้านายทุกสิ้นเดือน
พลอยนาราคิดว่างานเสิร์ฟสองคืนคงหาเงินได้ไม่มาก เธอคงต้องขอเจ๊เพ็ญผู้จัดการร้าน เพื่อทำงานเป็นเด็กนั่งดริงค์ เพราะสองตำแหน่งนี้เงินค่าจ้างต่างกันอยู่มาก
ขณะนั่งคิดอะไรเพลินๆ พยาบาลก็พาพิมพ์พิชามาส่งพอดี
“คุณแม่คะ น้องปลอดภัยดีทุกอย่าง ตอนนี้ยังคงหลับเพราะฤทธิ์ยาสลบอยู่ แต่อีกสักพักก็คงตื่น”
“แผลใหญ่ไหมคะ”
“แผลเล็กนิดเดียวค่ะ แต่หลังจากตื่นน้องอาจเจ็บแผลบ้าง คุณหมอสั่งยาไว้แล้ว ถ้าน้องปวดมากให้คุณแม่กดออกเรียกพยาบาลนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พยาบาลกลับไปแล้ว พลอยนาราได้แต่นั่งมองหน้าลูกสาว ด้วยความสงสาร ไม่รู้ว่าหลังจากตื่นเธอจะเจ็บแผลมากไหม แต่เท่าที่ดูขนาดแผลก็ไม่น่าจะต้องกังวลเท่าไหร่
พิมพ์พิชาเริ่มขยับเล็กน้อย เปลือกตาขยับก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ
“น้องพราว เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บแผลหรือเปล่า”
“แม่ขา น้องพราวไม่เจ็บเลยค่ะ เก่งไหมคะ”
“เก่งมากค่ะ ลูกสาวของแม่เก่งที่สุดเลยจ้ะ” พลอยนาราสวมกอดอย่างรักใคร่ ตอนนี้ยังไม่เจ็บแต่ถ้าหมดฤทธิ์ยาก็ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทนได้มากแค่ไหน
แล้วสิ่งที่เธอกังวลก็มาถึงเพราะพิมพ์พิชาร้องไห้งอแงเนื่องจากเจ็บแผล พยาบาลต้องมาฉีดยาแก้ปวดให้ จากนั้นลูกสาวตัวน้อยถึงดีขึ้น
“น้องพราวขา แม่ว่าหนูควรหลับได้แล้วนะนะ จำที่คุณพยาบาลบอกได้ไหมคะ นอนพักผ่อน พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็จะดีขึ้น น้องพราวก็จะได้ทานข้าว ทานขนมได้”
“แต่หนูยังไม่อยากนอนเลย การ์ตูนที่โรงพยาบาลสนุกทุกเรื่องเลยนะคะ” เพราะทีวีจอใหญ่บวกกับช่องการ์ตูนทำให้เด็กสาวนอนตาใสแม้จะเลยเวลานอนตามปกติมาแล้วก็ตาม
“น้องพราวไม่ง่วงแต่คุณมาง่วงแล้วนะคะ แล้วถ้านอนดึกพรุ่งนี้ แม่ตื่นนอนสายไปทำงานไม่ไหว คุณลุงอั๋นไล่แม่ออก แล้วทีนี้เราจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อขนมอร่อยๆ ล่ะคะลูก”
“น้องพราวขอดูอีก 5 นาทีได้ไหมคะแม่”
“5 นาทีแน่นะคะ เดี๋ยวแม่ไปเข้าห้องน้ำก่อน พอกลับมาเราจะปิดไฟนอนกันนะคะ”
“ค่ะแม่”
แม้จะมีกันแค่สองแม่ลูก แต่นับว่าพลอยนาราโชคดีเพราะลูกสาวเป็นเด็กที่ค่อนข้างเชื่อฟัง ไม่งอแง หญิงสาวจึงไม่เหนื่อยมาก