6 คราวซวย
เช้าวันอาทิตย์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของสองแม่ลูก เสียงหัวเราะของเด็กหญิงพิมพ์พิชาดังไปทั้งบริเวณ
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อของเด็กหญิงตัวน้อยซื้อไว้ให้เธออาศัยตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง พลอยนาราเลยไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย
แต่ที่ต้องทำงานมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้า เธอและลูกยังจะได้รับการซัพพอร์ตจากเขาแบบนี้หรือเปล่า
“คุณแม่ขา เล่นกันต่อนะคะ” พิมพ์พิชาโยนลูกบอลขึ้นสูงแล้วตัวเองก็วิ่งไปรับอย่างสนุกสนาน
“น้องพราวเล่นอยู่ตรงนี้นะคะ แม่จะเข้าไปเอาน้ำมาให้” เพราะเธอกับลูกสาวเล่นกับมาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอกลัวว่าลูกจะเหนื่อยจนหมดแรงไปเสียก่อน
เอี๊ยดดด!!!
โครม!!!
เสียงดังมาจากหน้าบ้านทำให้พลอยนาราตกใจจนแก้วน้ำในมือเกือบจะร่วง
หญิงสาววิ่งออกมาหน้าบ้าน สนามหญ้าว่างเปล่า เธอเข่าอ่อนยวบ เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากถนนหน้าบ้าน
ความโกลาหลตรงหน้าทำให้คนเป็นแม่อย่างพลอยนาราทำอะไรแทบไม่ถูก
“น้องพราว เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก ไม่ต้องร้องนะคะแม่มาแล้ว” หญิงสาววิ่งมาหาร่างเล็กที่ล้มอยู่บนพื้นด้วยความเป็นห่วง
“ฮือ ฮือ ฮือ แม่ขา น้องพราวกลัว” เธอร้องไห้โผเข้ากอดผู้เป็นแม่
ตอนนี้คนเริ่มออกจากบ้านมาดูเหตุการณ์เยอะขึ้นเรื่อยๆ
“เจ็บตรงไหนคะลูก” พลอยนาราลูบไปตามลำตัวลูกสาวเพื่อดูว่าเธอเจ็บตรงไหนบ้าง
“น้องพราวไม่ได้เจ็บ แต่น้องพราวตกใจ”
“คนเจ็บอยู่ทางนี้ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลหน่อย” เสียงผู้ชายวัยกลางคนตะโกน
พลอยนาราหันไปมองตามเสียง ตอนนี้เห็นรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน ด้านหน้ามีรถจักรยานยนต์ ล้มทับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวด
“น้องพราว รออยู่กับยายทิพย์ก่อนนะคะ แม่ขอไปดูคนเจ็บตรงนู้นก่อน” พลอยนาราเห็นว่ายายสายทิพย์เดินออกมาพอดี
สายทิพย์หรือยายทิพย์คือคุณยายที่อยู่บ้านติดกันและเป็นคนคอยดูแลลูกสาวให้เวลาที่พลอยนาราต้องออกไปทำงาน
หญิงสาวเดินไปดูคนเจ็บที่ตอนนี้ยังคงนอนอยู่ที่พื้น ไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
คนขับรถเก๋งเดินลงมาดูด้วยท่าทางตกใจไม่แพ้กัน
“ขับรถยังไงถึงได้ชนคนอื่นแบบนี้” คนเจ็บกัดฟันถาม
“ฉันก็ขับของฉันมาดีๆ แล้วเด็กที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งตัดหน้า ถ้าฉันไม่หักหลบก็คงได้ชนกันพอดี”
“เลยมาชนฉันใช่ไหม”
“แล้วไอ้เด็กที่ว่านั่นมันอยู่ไหน เรียกพ่อแม่มันมารับผิดชอบเลย”
พลอยนาราตัวชา เพราะแถวนี้มีแต่บ้านเธอเท่านั้นที่มีเด็ก
“นั่นไง” คนขับรถเก๋งชี้ไปที่ลูกสาวของเธอที่ยืนอยู่กับยายสายทิพย์
“นั่นลูกสาวฉันเอง ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเมื่อกี้น้องพราวยังวิ่งเล่นอยู่ในบ้านเลย”
“พูดอย่างนี้จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม ดีเลยรถฉันมีกล้องจะได้รู้กันไปว่าใครเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”
รถพยาบาลมาพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลพอดีกับที่ตำรวจมาสอบปากคำ
อันที่จริงแล้วพลอยนารารู้ว่าการที่เด็กวิ่งตัดหน้ารถนั้นไม่ใช่ความผิดของเด็กแต่ฝ่ายเดียว แต่เพราะไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตเธอจึงยอมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บ ส่วนรถยนต์นั้นก็มีประกัน พลอยนาราจึงไม่ได้ร่วมรับผิดชอบ
“หนูนาราใจดีเกินไปแล้วนะลูก” สายทิพย์พูดกับหญิงสาว
“ยายทิพย์คะ นาราไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต” เธอกลัวว่าถ้าเรื่องนี้มีคนรู้มากหรือเป็นข่าว คนที่เดือดร้อนจะเป็นเธอกับลูก
“ไม่รู้ว่าต้องจ่ายอีกเท่าไหร่ แล้วจะมีเงินพอใช้เหรอนารา เอาที่ยายก่อนไหม”
สายทิพย์มีลูกสาวและลูกชายทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด ทั้งสองคนส่งเงินมาให้พ่อกับแม่ใช่อย่างไม่ขาดมือ ที่สายทิพย์ช่วยดูแลลูกสาวให้กับพลอยนารานั้นก็ไม่ได้คิดค่าจ้างแพงอะไรเลย เพราะอยากช่วยเหลือสองแม่ลูกเท่านั้น
“พอค่ะยาย นารายังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง” พลอยนาราไม่อยากรบกวนสายทิพย์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
เธอคำนวณดูแล้วคิดว่าคงช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลกับซ่อมรถจักรยานยนต์ของคนเจ็บได้โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน