บทที่ 4 ยืมดามฆ่าคน คุณหนูสี่สกุลโม่
บทที่ 4 ยืมดาบฆ่าคน
“ข้าถามว่า ท่านชอบนางรึ” หงอี้ถามเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้นาง กระนั้นหงอี้เดินออกจากกระโจมอย่างโกรธา นางจะต้องไม่ปล่อยนังอัปลักษณ์อยู่ในค่ายแห่งนี้อย่างมีความสุขแน่
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนดวงตาของเซี่ยหนาน ความอิจฉาของเหล่าอิสตรี ช่างน่ากลัวยิ่งนัก โม่ซินอย่าได้โทษข้า ที่ใจร้ายกับเจ้า หากเจ้ามิใช่คนสกุลโม่ ข้าก็คงไม่ทำร้ายเจ้า การยืมดาบฆ่าคนเป็นวิธีที่สนุกจริงๆ
ยามบ่ายคล้อยสองนายบ่าวมาตัดฟืนไม่ไกลจากค่ายทหารนัก อาจูมองเห็นเจ้านายนั่งผ่าฟืนไม้ไผ่จนมือแดงหมดแล้ว “คุณหนูพอเถอะเจ้าค่ะ แค่นี้ก็จะแบกไปไม่ไหวแล้ว” ตะกร้าพวกนางทั้งสองเต็มไปด้วยฟืนไม้ไผ่ โม่ซินจำต้องหยุดผ่าฟืน ชีวิตนี้ช่างเหนื่อยเหลือเกิน ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางกลับค่ายนั้น หงอี้ได้เข้ามาขวางพวกนางไว้
“องค์หญิง”
“นังคนใช้สารเลว กล้ามากที่คิดจะปืนเตียงท่านรองแม่ทัพ” หงอี้พ่นวาจาออกมาอย่างไม่อาย
“ข้าไม่ได้ทำ”
“คุณของข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น” อาจูทนไม่ไหว
“กล้าเถียงข้ารึ” หงอี้สะบัดผ่ามือใส่โม่ซิน จนนางนั้นใบหน้าหัน
“มันจะมากไปแล้วนะ” อาจูหมายจะตบคืน แต่ทว่าโม่ซินรั้งมือสาวใช้ไว้ ไม่อยากให้อาจูก่อเรื่อง
“จำใส่สมองของเจ้าไว้อย่าได้ ไปหาท่ารองแม่ทัพอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” หงอี้เชิดหน้าแล้วเดินจากไป
“คุณหนูเจ็บหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร พวกเรารีบกลับค่ายดีกว่า” โม่ซินแม้ในใจจะแค้นองค์หญิงหงอี้ แต่ทว่านางนั้นทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น ถ้านางหนีไปตอนนี้พี่ใหญ่จะเดือดร้อน นอกจากนางจะต้องจำใจอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ จนกว่าคนเถื่อนจะพอใจ
ในกระโจมรองแม่ทัพเวลานี้ เซี่ยหนานมองแผนที่ ที่จะตีเผ่าเติร์ก เพราะดินแดนของเผ่าเติร์กล้ำค่าไปด้วยเหมืองทองคำ ฝ่าบาทต้องการให้เขาตีเผ่าเติร์กให้ชนะ การศึกจะเริ่มเดือนหน้าซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาว เรื่องหากเขานำกำลังพลไปตีเผ่าเติร์กชนะ เขาจะได้เลื่อนขั้นเป็นท่านแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเหนือ กระนั้นเขาต้องทำให้สำเร็จ
“เรียนท่านรองแม่ทัพ องค์หญิงหงอี้ ไปทำร้ายแม่นางทั้งสองในป่าตอนที่ไปหาฟืนขอรับ” นายทหารชั้นผู้น้อยเอ่ย เขาสั่งให้ทหารสะกดรอยตามสองนายบ่าวคู่นั้น อยากจะรู้ว่าหงอี้จะทำอันใดเมื่อรู้ว่าเขาชอบโม่ซิน เป็นไปตามความคาดหมาย ความอิจฉาของอิสตรีช่างร้ายแรงยิ่งนัก ต่อไปนี้ เขาเมตตาโม่ซินแสร้งทำเป็นรักนาง ให้หงอี้มาทำร้ายนาง ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สาแก่ใจยิ่งนัก
เซี่ยหนานโบกมือให้นายทหารออกไปได้ จากนั้นเดินไปหาเจ้านกแสนรู้ที่อยู่ในกรง มันชื่อว่าเสี่ยวไป๋
“เสี่ยวไป๋ เจ้าว่าข้าทำถูกแล้วใช่ไหม” เขามองนกตัวสีขาวอย่างเอ็นดู
“นายท่าน ทำถูก” เจ้านกขี้อ้อนเอ่ยขึ้น เซี่ยหนานยิ้มให้มันอย่างเอ็นดูพร้อมคีบหนอนในกระถางออกมาให้มันในกรง…
หลังจากที่พวกนางสองนายบ่าวนำฟืนไปเก็บที่โรงครัวแล้ว พ่อครัวใหญ่จึงได้ให้ผักดองพวกนางเป็นอาหารเย็น กระนั้นทำให้สองนายบ่าวไม่พอใจยิ่งนักที่ต้องมานั่งกินข้าวกับผักดอง
“คนพวกนั้นรังแกเราเกินไปแล้วนะ” อาจูนั่งกินข้าวทั้งน้ำตา
“ช่างเถอะ” โม่ซินกินข้าวเงียบๆ ในระหว่างที่สองนายบ่าวกินข้างกันอยู่นั้น นายทหารผู้หนึ่งได้เข้ามาบอกให้โม่ซินไปหารองแม่ทัพที่กระโจม โม่ซินได้แต่จำใจไป อาจูมองเจ้านายอย่างสงสาร
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” หงอี้ที่นั่งอยู่ในกระโจมยามนี้อารมณ์ร้อนยิ่งนัก
“บ่าวได้ยินมาว่า รองแม่ทัพให้นังอัปลักษณ์เข้ากระโจมเจ้าค่ะ” ในตอนที่เสี่ยวฟงไปเอาสำรับที่โรงครัว นางได้ยินทหารตั้งหลายนายล้อมวงพูดกันอย่างสนุกปาก
“นังอัปลักษณ์” หงอี้ ทำลายข้าวของข้างในกระโจมอย่างไม่เหลือชิ้นดี ดวงตาของนางนั้นเป็นประกายไฟลุกโชนขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว นางจะแพ้คนอัปลักษณ์ไม่ได้
กระโจมรองแม่ทัพเวลานี้ เขานั่งร่ำสุราอย่างมีความสุข รอสาวงามอย่างโม่ซินเข้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเตรียมแผนการอันใดใช้จัดการนาง ในยามค่ำคืนนี้ แค่คิดก็สนุกแล้ว
ไม่นานนักโม่ซินก็เดินเข้ามา เซี่ยหนานมองร่างบางยืนที่หน้ากระโจมมองเขาราวกับเขาเป็นปีศาจ ตัวร้าย นางกลัวเขาอย่างนั้นรึ
“เข้ามาใกล้ๆ ข้า”
โม่ซินไม่รู้ว่าคนชั่วอย่างเขามีแผนอันใด เมื่อนางเขามาใกล้เขา ร่างอรชรได้นั่งทับที่ตักเขาอย่างง่ายดาย
“ปล่อยข้านะ” ช่วงฉวยโอกาสกับนางยิ่งนัก
กลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวของนาง ทำให้เขาไม่อาจปล่อยนางไปได้ “เจ้าอยู่นิ่งๆ ถ้าเจ้าไม่อยากให้คนสกุลโม่ที่อยู่เมืองหลวงเดือดร้อน ก็ทำตามคำสั่งข้า” เซี่ยหนานกระซิบข้างหูโม่ซิน กระนั้นทำให้นางหยุดขัดขืนและต่อว่าเขา นางไม่อยากให้พี่ใหญ่เดือดร้อน
ได้ผลแค่เอ่ยถึงคนสกุลโม่มาขู่นาง นางก็เงียบ ช่างเป็นน้องสาวที่รักพี่ชายจริงๆ มุมปากหนาเผยอยิ้มอย่างพอใจ โม่ซินเหม็นกลิ่นสุราบนตัวเขายิ่งนัก ลิ้นหนาขบติ่งหูของนาง จนทำให้นางขนลุกไปทั้งตัว
“ท่านจะทำอะไรกันแน่”
“ทำเรื่องที่ชายหญิงเขาสมควรทำกันอย่างไร”
“ไม่นะ ปล่อยข้านะ” นางดิ้นขัดขืนทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ทำเป็นไม่เคยไปได้ เจ้าอยู่สกุลเกา เป็นฮูหยินน้อย ตั้งหลายปี จะไม่เคยได้อย่างไร อีกอย่างในค่ายโจร เจ้าไม่ใช่เสร็จเจ้าโจรราคะไปแล้วรึ เพิ่มข้าอีกสักคนจะเป็นไรไป”
ในตอนนั้นที่เขาไปช่วยนาง ไม่คิดว่านางเป็นคุณหนูสี่สกุลโม่ เห็นเพียง เอี๊ยมกับกางเกงสีขาวเท่านั้น นางจะรอดพ้นจากโจรราคะได้อย่างไร
เขาช่างสารเลวยิ่งนักเอ่ยวาจาทำร้ายนาง
“ท่านมันคนเลว”
“หุบปาก แล้วอยู่นิ่งๆ”
มือหนาใหญ่ล้วงเข้าไปใต้กระโปรง ผ่านกางเกงสีขาวบาง เข้าไปในเนินบุปผางามที่เต็มไปด้วยเขา แล้วเขี่ยไปเขี่ยมา นางนั้นแทบจะทรมาน
“ไม่นะ” นางเอ่ยทั้งน้ำตา
“ไอ้หยา แฉะหมดแล้ว”
นางไม่ต้องการเยี่ยงนี้ เซี่ยหนานสกัดจุดนางไว้แล้วอุ้มไปที่เตียงนอน นางได้แต่นอนกรอกตาไปมา มองเขาถอดเสื้อผ้าของนาง และของเขาลงไปทีละชิ้น
ร่างขาวงามประจักษ์แก่ดวงตาของเซี่ยหนาน เรือนร่างงามช่างงดงามราวกับเทพธิดา ผิวขาวเนียนระเอียดราวกับหิมะแรกฤดูที่ตกลงมา
“อย่านะ ข้าขอร้องท่าน อย่าทำข้าเลย”
มือหนาใหญ่แหย่เข้าไปร่องรักอันขาวอวบๆ อย่างแรง “ปากบอกว่าอย่า แต่ข้างในแฉะหมดแล้ว คุณหนูสี่สกุลโม่ เจ้าช่างปากไม่ตรงกับใจจริงๆ”
นางทั้งเจ็บแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ปล่อยข้าเถอะ” ทำไมร่างกายของนางต้องทรยศตัวนางเองด้วยเล่า
“เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมข้าต้องทำร้ายเจ้า เพราะพี่ใหญ่ของเจ้า แย่งโม่หวายไปจากข้า” เดี๋ยวก่อนนะ นางไม่อยู่เมืองหลวงมาหลายปี เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกี่ยวอันใดกับโม่หวาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าจะเล่าความจริงให้ฟัง” หลังจากนั้น เซี่ยหนานเล่าเรื่องทุกอย่างให้โม่ซินฟัง โม่ซินกระจ่างใจแล้ว พี่ใหญ่ชอบโม่หวาย จึงแต่งงานกับโม่หวาย ทำให้เซี่ยหนานอกหัก จึงต้องมาแก้นาง โม่ซินเข้าใจแล้ว
“ท่านปล่อยข้าไปเถอะ แค้นไปไม่มีประโยชน์” การแก้แค้นมีแต่เจ็บกับเจ็บ มิสู้ปล่อยวางดีกว่า โม่ซินพยายามเกลี้ยกล่อมเขา
“หุบปาก”
มือเขายิ่งแหย่อย่างรุ่นแรง จนนางเจ็บช้ำหมดแล้ว มันไม่ได้ผล เซี่ยหนานโน้มใบหน้าลงมาชิมรสหวานของบุปผางาม โม่ซินร้องเตือนเขา แต่ทว่าไม่ทันแล้ว ลิ้นหนาสัมผัสกับติ่งดอกไม้ช่างหวานเหลือเกิน จนทำให้โม่ซินเผลอครางออกมา
ลิ้นหนายังคงแหย่ข้าไปในร่องรักลึกกว่าเดิม จากเสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางออกมาอย่างแรง เซี่ยหนานยิ้มอย่างพอใจ สตรีก็เหมือนกันหมดเมื่อถูก…
ท่อนเอ็นขนาดใหญ่ผงาดขึ้น ทำให้เซี่ยหนานแหย่มันเข้าไปในร่องรักที่คับแคบของโม่ซิน นางนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ปึก!!! ราวกับว่ามีเส้นใยบางๆ ขาดออกจากกัน
“ข้าเจ็บ”
เซี่ยหนาเหลือบมองเลือดที่ไหลออกมาจากท่อนเอ็นของเขา อย่าบอกนะว่านางเป็นสตรีที่บริสุทธิ์ เป็นไปไม่ได้ นางแต่งงานแล้ว อีกทั้งในรังโจรนั่น นางยัง
“คนเลว”
ช่างเถอะถึงอย่างไรไม่เกี่ยวกับเขา ถือว่าเป็นโชคสองชั้นแล้วกัน เรือนกายหนาขยับสะโพกอย่างแรง นางเจ็บมากจนทนไม่ไหวแล้ว ร่องรักของนางตอดท่อนเอ็นเขาดียิ่งนัก เวลาผ่านไปสองชั่วยาม บทเพลงพิณแห่งความเร่าร้อนจึงได้จบลง เซี่ยหนานสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย คลายจุดให้นาง กระนั้นโม่ซินใส่เสื้อผ้า
“กลับไปเสีย”
นางได้ยินเขาไล่นางออกไป โม่ซินไม่รอช้ารีบพาร่างอันบอบช้ำกลับไปที่กระโจมพักผ่อน ในยามนั้น อาจูยังรอเจ้านาย พอเห็นเจ้านายเดินถ่างขาเข้ามา อาจูก็พอจะรู้ว่าคุณหนูของนางโดนอะไรมา สองนายบ่าวกอดคอกันร้องไห้…