บทที่ 5 นางทาส คุณหนูสี่สกุลโม่
นับแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตของโม่ซินก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย ทุกคืนนางต้องปรนนิบัติเซี่ยหนานจนกว่าเขาจะพอใจ กลางวันนางต้องทำงานในโรงครัวอีกด้วย อีกทั้งองค์หญิงหงอี้หาเรื่องนางไม่หยุด กล่าวร้ายนาง หาว่านางให้ท่ารองแม่ทัพเซี่ยหนาน เวลาผ่านไปเจ็ดวันนางไม่เคยมีความสุขเลยที่อยู่ในค่ายทหารแห่งนี้
“คุณหนู ท่านไหวหรือไม่เจ้าคะ ถ้าไม่ไหว ไม่ต้องทำหรอกเจ้าคะ” อาจูเห็นเจ้านายล้างชามตั้งแต่เช้าจนยังไม่ทันได้พักผ่อนเลย อาจูไม่อยากให้โม่ซินต้องทำงาน โม่ซินจึงวางมือจากชาม แล้วให้อาจูทำจนเสร็จ ในระหว่างนั้นสองนายบ่าวกำลังจะกลับกระโจมของพวกนาง แต่ทว่าหงอี้ได้เข้ามาขวางไว้เสียก่อน
“หลบไป” โม่ซินเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว นางคิดว่า หลายวันมานี้ นางไม่โต้ตอบ องค์หญิงผู้นี้ยิ่งได้ใจทำร้ายนางทุกวัน วันนี้นางจะขอสู้ตาย
“เจ้ากล้าสั่งข้ารึ” องค์หญิงหงอี้ส่งสายตาไปเสี่ยวหงหมายจะให้เสี่ยวฟงไปตบโม่ซิน แต่ทว่าโม่ซิน
หลบทันอีกทั้งยังถีบเสี่ยวฟงกองลงไปกับพื้น
อาจูหัวเราะอย่างมีความสุข ในที่สุขคุณหนูของนางก็สู้คนเสียที นางคิดว่าคุณหนูจะไม่ตอบโต้คนเสียแล้ว
“องค์หญิงช่วยบ่าวด้วยเพคะ” เสี่ยวฟงร้องอย่างเจ็บปวด
“เจ้ากล้าทำคนของข้า” หงอี้ไม่ยอมแพ้ปรี่เข้าไปหาโม่ซิน คิดหรือว่านางจะให้ตบโดยง่าย โม่ซินหลบมือหงอี้ จากนั้นก็ถีบหงอี้ลงไปกองกับพื้นอีกคน
“เกิดอะไรขึ้น” เซี่ยหนานได้รับรายงานว่า โรงครัวเกิดเรื่องขึ้น กระนั้นเขาจึงรีบสาวเท้าเข้ามาในโรงครัว ภายในใจคิดว่า โม่ซินคงจะถูกหงอี้ตบเป็นแน่แท้ แต่ไหนกลับกลายเป็นว่า โม่ซินตบหงอี้จนนอนกับพื้น
“รองแม่ทัพต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะ”
โม่ซินกับอาจูนั่งคุกเข่าในกระโจมรองแม่ทัพ สองนายบ่าวพลันสบตากัน นั่งฟังหงอี้สาดน้ำมันไปในกองเพลิงอีกทั้งยังใส่ร้ายพวกนางทั้งสองคน
“ท่านพูดจบรึยัง ถ้าจบแล้วให้ข้าได้เล่าความบ้าง” โม่ซินทนไม่ไหวจริงๆ เซี่ยหนานพลันมองพวกนางแสดงงิ้ว แย่งบุรุษภายในใจมีความสุขยิ่งนัก
“รองแม่ทัพดูมัน”
“องค์หญิงพอได้แล้ว”
“องค์หญิงเป็นฝ่ายหาเรื่องข้าก่อน ข้าปกป้องตัวเอง ข้าผิดด้วยรึ” ถ้านางไม่ตอบโต้ นางจะโดนกระทำตลอด
“แต่เจ้าก็ไม่ควรทำองค์หญิงรุนแรง นางเป็นราชนิกุล เจ้าเป็นแค่ทาส ชั้นต่ำ” คำพูดของเซี่ยหนานทำให้หงอี้พอใจยิ่งนัก
“องค์หญิง กลับไปพักผ่อนที่กระโจมเถอะ ข้าจะลงโทษนางอย่างสาสมเอง”
“ฝากท่านรองแม่ทัพด้วย” หงอี้ยิ้มหวานให้เซี่ยหนาน โดยมีเสี่ยวฟงประคองนางเดินออกไป ด้านโม่ซินกับอาจูยังคงคุกเข่า
“ทหารเข้ามา” นายทหารคนหนึ่งเข้ามา
“ขอรับ”
“นำตัวสาวใช้คนนี้ไปขังในคุก ไม่ให้นางกินข้าวสามวันสามคืน”
“อาจู” โม่ซินเห็นอาจูถูกนายทหารรากตัวไป “คุณหนู” อาจูถูกคุมตัวไป โม่ซินรีบโขกศีรษะให้เซี่ยหนาน
“ขอร้องท่านปล่อยนางเถอะ นางไม่ผิด ข้าผิดเอง”
“ไม่ปล่อย ใครใช้ให้พวกเจ้าไปทำร้ายองค์หญิงหงอี้เล่า”
“เอ่ยเยี่ยงนี้ แสดงว่านางทำร้ายข้าได้ แต่ข้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายนางรึ”
“ใช่”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว สตรีนางนั้น หลงรักท่าน ท่านทำไมไม่รักนาง อีกทั้งมาให้ปรนนิบัติทุกคืน อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ แผนการชั่วร้ายของท่านนะ การยืมดาบฆ่าคน”
เขาจงใจให้นางมาปรนนิบัติ เพื่อให้องค์หญิงหึงหวง และจะได้มาหาเรื่องนาง
“เจ้าไม่โง่นี่”
“ท่านมันคนเลว คนทุเรศ”
“ข้าจะเลว ข้าก็เป็นผัวของเจ้า”
“ท่านมันคนหยาบช้า”
ยังมีหน้าคิดว่าจะเป็นผัวนางอีกรึ คนเยี่ยงนี้
“เด็กๆ นำเตียงยาวเข้ามา และไม่หวดมาด้วย”
“ท่านจะทำอะไรข้า”
“ข้าจะสั่งสอนเจ้าโดยการโบยเจ้าให้รู้สำนึก”
ไม่นะ ทำไมต้องดหดร้ายกับนางด้วยเล่า แค่นี้ นางก็ช้ำไปทั้งกายและใจแล้ว ร่างบางถูกนอนราบกับตั่งยาว
“ลงมือ”
เสียงนายทหารหวดหวายลงไปที่ก้นของนางอย่างแรง โม่ซินแทบขาดใจตาย คนดูอย่างเซี่ยหนานพลันยิ้มอย่างมีความสุข ที่ได้ทำร้ายโม่ซิน
“ข้าเจ็บ”
เสียงหวดหวายยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
“นางสลบไปแล้ว”
“พอ” โดนแค่ไม่ถึงสิบหวาย นางก็เป็นลมไปแล้ว “พวกเจ้าออกไปได้” เขาอุ้มร่างบางไว้ที่เตียง จากนั้นเป็นดูข้างหลังนาง พบว่าเป็นรอยแดงมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย
เจ้าเจ็บแค่นี้ มันยังน้อยไป ที่ข้าต้องเสียโม่หวายให้กับพี่ชายของเจ้า ครั้งที่โม่ซินลืมตาขึ้นมาก็เป็นเช้าของวันใหม่แล้ว พบว่าเจ้าคนเถื่อนออกไปจากกระโจมแล้ว นางรู้สึกว่าหลังของนางจะมีคนทายาให้ แสดงว่าเขาทำแผลให้นาง ไม่ได้แล้ว นางจะอยู่ที่แห่งนี้ไม่ได้ นางจะไม่หนีไปหาพี่ใหญ่ นางต้องพาอาจูหนีไปจากขุมนรกแห่งนี้
โม่ซินลอบออกมาจากกระโจมรองแม่ทัพ นางค่อยๆ เดิน มองไปที่ล้านซ้อมกระบี่ นางเห็นเขาและเหล่าทหารกำลังซ้อมกระบี่กันอย่างขยัน ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่นางจะลอบไปหาอาจู
“คุณหนู” อาจูที่อยู่ในกรงไม้ เห็นเจ้านายมาหาก็ดีใจ
“ท่านมาได้อย่างไร ข้านึกว่า เขาจะกักตัวท่าน”
“อย่าพูดมากเลย พวกเรารีบหนีไปจากที่นี่เถอะ”
“พวกเราจะไปไหน”
“ไปที่ไหนก็ได้ ข้าจะไม่ไปหาพี่ใหญ่ ใต้หล้าต้องมีที่ที่สองนายบ่าวอย่างเราอยู่” โม่ซินรีบดึงปิ่นปักผมมาสะเดาะกุญแจออก
“คุณหนูเก่งยิ่งนัก”
“พวกเราไปกันเถอะ ตอนนี้พวกเขาซ้อมกระบี่กันอยู่ เป็นโอกาสดีที่เราจะต้องรีบหนี” สองนายบ่าวค่อยๆย่องไปข้างหลังค่าย จากนั้นพวกนางก็รอดผ้าขาดออกมาอย่างง่ายดาย อาจูรอดออกมาแล้วกอดเจ้านาย
“พวกเรารีบไปเถอะ” สองนายบ่าวรีบสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยหนานต่อไปนี้ข้าคงจะไม่พบเจอคนเลวอย่างเจ้าอีก…
ลานซ้อมกระบี่ของเหล่าทหาร เซี่ยหนานพอใจยิ่งนักที่เหล่าทหารกล้านับพันนายฝึกซ้อมกันอย่างตั้งใจ เห็นทีเผ่าเติร์กคงต้องพ่ายให้แก่พวกเขาครานี้กระมัง ในระหว่างที่ใจเขาเบิกบานอยู่นั้น นายทหารผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรนใจ
“มีอันใดรึ”
“แย่แล้ว ขอรับ พวกนางหนีไปแล้ว”
สารเลวยิ่งนักกล้าหนีออกไปจากค่ายทหารอย่างนั้นรึ คอยดูเถอะข้าจะได้จะแร่เนื้อเป็นชิ้นๆ เลย ขนาดโดนทำโทษแล้วยังกล้าคิดหนี…
สองนายบ่าววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตในป่าไผ่ ถึงแม้ร่างกายของโม่ซินจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกเฆี่ยนตี แต่ทว่า นางนั้นก็ไม่ย่อท้อในการวิ่งหลบหนี นางไม่อยากจะอยู่ในค่ายทหารที่ทรมานนางอย่างตายทั้งเป็น สู้หนีไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
“โอ๊ย! คุณหนูบ่าวไม่ไหวเจ้าค่ะ” จู่ๆ อาจูนั้นสะดุดกิ่งไม้ล้ม จนเจ็บเท้า ไม่ได้ถึงยังไง โม่ซินก็ไม่คิดจะทิ้งอาจูไว้ในป่าแห่งนี้
“ต้องไหวสิ ข้ากับเจ้าร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันหลายครา ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้า” อาจูได้ยินคำพูดประโยคนี้ จากปากเจ้านาย นางก็พลันปีติในหัวใจ
“เจ้าค่ะ” โม่ซินประคองอาจูเดิน
จังหวะนั้นเสียงม้าเข้าใกล้พวกนางทุกทีแล้ว
“แย่แล้ว พวกเจาตามเรามาแล้ว พวกเราต้องรีบ” โม่ซินเร่งฝีเท้าอย่าไว นางจะไม่ยอมเป็นทาสราคะของเขาเป็นอันขาด ขอแค่หลบหนีไปจากที่แห่งนี้ได้ นางจะใช้ชีวิตใหม่
“ย่าห์!!!!” เซี่ยหนานที่ควบม้าอย่างสง่าได้นำกำลังพลทหาร ออกตามหาโม่ซิน เขาจะไม่ปล่อยให้นางหนีรอดไปจากเงื้อมือเขาเป็นอันขาด
“รองแม่ทัพพบรอยเท้าพวกนางขอรับ ดูเหมือนว่าพวกนางกำลังจะไปทางหน้าผาอวิ๋นซาน” นายทหารผู้หนึ่งรายงานเซี่ยหนาน ดูเหมือนว่าสตรีทั้งสองนาง จะไม่รู้ว่าตนเองนั้นได้ไปทางหน้าผาอวิ๋นซานที่ชันและสูงเป็นอย่างมาก รนหาที่ตายชัดๆ