บทที่ 2
ลิซ่าเร่งฝีเท้าขึ้นเต็มเหนี่ยว ถลาเข้าไปในท่ามกลางความมืดนั้น ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามมาติดๆ และใกล้จะถึงตัวเข้ามาทุกที และแล้วก็ได้ยินเสียงหอบหายใจและทันใดร่างเธอก็ถลาล้มลงท่ามกลางพงหญ้าหนาทึบ พร้อมกับน้ำหนักตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่กดทับลง ลิซ่ารีบหันไปมองด้วยสัญชาตญาณแห่งการป้องกันตนเองและทันเห็นแขนเสื้อสีกากีของเครื่องแบบที่ผู้ชายคนนั้นสวมอยู่ เธอกรีดร้องออกมาเต็มเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างฟาดลงบนใบหน้า และโลกก็มืดดับลง...
...ลิซ่าฝันว่าเธอได้กลับไปอยู่บ้านอีกครั้ง ขณะนั้นเธอเป็นสาววัยรุ่นที่มีชีวิตอบอุ่นเป็นสุขอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของปู่ที่ เชลซาพีค เบย์ เธอคือหลานรักของปู่ เป็นเครื่องปลอบประโลมใจชิ้นเดียวที่ท่านมี ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เธอต้องการแล้วจะไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว โรงเรียนที่ดีที่สุด รถยนต์คันงาม เธอพรั่งพร้อมไปหมดในทุกสิ่งทุกอย่างแต่ทว่า ในวัย 19 นั้น สิ่งที่เธอปรารถนาอย่างที่สุดคือ เจฟฟ์...เจฟฟ์ คอลลินส์ หนุ่มรูปหล่อนักฟุตบอลผู้มีชื่อเสียง และเป็นทายาทคนเดียวของท่านวุฒิสมาชิก เขาเป็นผู้ชายในความฝันของผู้หญิงทุกคน แม้จะออกเดทกับเขาเพียงแค่ 2 ครั้ง แต่เธอก็ปรารถนาที่จะได้อยู่เคียงข้างเขาชั่วชีวิต และสิ่งใดก็ตามที่ลิซ่าต้องการแล้ว เธอจะต้องได้...
เธอมีจิตใจที่มั่นคงต่อเจฟฟ์เพียงผู้เดียว มันเป็นความตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่เธอได้รับมรดกจากปู่ผู้เป็นมหาเศรษฐีและเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์มากมายหลายฉบับ และเธอก็ทำให้เจฟฟ์ต้องออกปากขอแต่งงานกับเธอจนได้ ทั้งที่เพิ่งคบหากันได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น การหมั้นหมายระหว่างเขาและเธอ เป็นที่ชื่นชมของบุคคลในครอบครัวทั้งสอง
“เป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก” คือคำพูดที่ใครทุกคนวิพากษ์วิจารณ์การหมั้นหมายในครั้งนี้ และลิซ่าก็ถือประโยชน์จากความเป็นสุขของตนเองเป็นที่ตั้งชีวิตนี้จะต้องการอะไรมากไปกว่า การที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีความเหมาะสมทุกประการเช่นเขา และเธอหวังว่าชีวิตจะมีแต่ความสุขเช่นนั้นตลอดไป
และเธอก็ได้รับมันมาอย่างเต็มเปี่ยม อย่างน้อยก็เป็นเวลาเกือบปี แม้ว่าชีวิตการแต่งงานจะมิได้นำความรุ่งเรืองมาให้มากกว่าที่มันเป็นอยู่ แต่เธอก็พอใจ ทั้งนี้เพราะมันเป็นการแต่งงานที่มีพื้นฐานอยู่บนความไว้วางใจและรักใคร่ในกันและกันอย่างสุดซึ้ง
แต่ทว่า ในความเป็นส่วนตัวแล้ว ลิซ่าก็ยังสงสัยอยู่ ชีวิตที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเพื่อให้เป็นกุลสตรีนั้น ทำให้เธอไม่ใคร่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องทางเพศเท่าไรนัก ตอนที่แต่งงานกับเจฟฟ์ ลิซ่ายังเป็นสาวพรหมจารีอยู่ด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่ค่อยมีโอกาสพบปะกับผู้ชายคนใดเท่าไรนัก แต่ทว่า การที่ได้ออกเดทบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้เธอมีความรู้ว่า การสัมผัสแตะต้องทางด้านเรือนกายนำมาซึ่งความตื่นเต้น และความใคร่รู้ต่อความลับทั้งหลายที่ยังถูกปิดไว้และน่าจะมีความสุขอย่างมาก
แต่เมื่อมาอยู่กับเจฟฟ์เข้าจริงๆ มันกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เธอไม่เคยมีความสุขทางเพศกับเขาเลย และเขาเองก็ดูจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะพยายามอำพรางแต่ก็ยังขาดความกระตือรือร้นอยู่ดี
เมื่อเวลาผ่านไป และทุกสิ่งทุกอย่างดูจะไม่มีอะไรดีขึ้น ลิซ่าก็เริ่มกังวลว่า หรือความผิดพลาดนั้นจะเป็นที่ตัวเธอเอง บางทีเธออาจจะขาดความรู้ที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของผู้ชายให้ตื่นตัวขึ้นก็ได้ ดูเหมือนเธอจะไม่เคยกระตุ้นอารมณ์ของเจฟฟ์ให้เริงโลดขึ้นมาได้เลย นอกเสียจากเธอจะเป็นผู้หญิงสาวที่มีความสวยงามน่ารักเท่านั้น ซึ่งใครๆ ก็พูดกันเช่นนี้ทั้งนั้น
ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่มีเรือนร่างเพรียวระหง ทุกสัดส่วนบนเรือนร่างนี้วางอยู่ในตำแหน่งอันเหมาะเจาะงดงาม ใบหน้านั้นประกอบด้วยเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบ เรือนผมเป็นประกายระยับ และเธอใช้เครื่องแต่งหน้าน้อยมาก ซึ่งต้องตรงรสนิยมของเจฟฟ์ ดวงตาเป็นสีเขียวขาบ แต่งกายงามในทุกกระเบียดนิ้ว ก็แล้วมันยังมีตรงไหนให้ตำหนิได้อีกเล่า
และแล้วเธอก็ได้รู้ในความผิดพลาดนั้น ก่อนหน้าที่จะครบรอบวันเกิดปีที่ 20 เพียงแค่ 2 วัน และเป็นวันเดียวกับที่เธอได้รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ที่จริงเธอเองก็สำเหนียกความผิดปกติของร่างกายมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่ยังไม่อาจจะพูดอะไรกับเจฟฟ์ จนกว่าจะแน่ใจว่ามันเป็นความจริงเสียก่อน
ในเช้าวันดังกล่าว เมื่อหมอได้ยืนยันว่าเธอตั้งครรภ์อย่างแน่นอนแล้ว ลิซ่าก็รีบกลับบ้านด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขไม่สนใจกับนัดหมายรับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนอีกต่อไป และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ทั้งแปลกใจและดีใจระคนกันที่พบว่าเจฟฟ์อยู่บ้าน ทั้งเสื้อคลุมและหมวกของเขาอยู่ในตู้ชั้นล่าง เมื่อเห็นของสองสิ่งนี้เข้า ลิซ่าก็อมยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ เธอเชื่อและหวังว่าเขาจะต้องตื่นเต้นกับข่าวที่ตัวเองกำลังจะเป็นคุณพ่อครั้งนี้อย่างแน่นอน
เธอเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เธอมั่นใจว่าเจฟฟ์จะยังคงอยู่ในห้องอย่างแน่นอน และเขาก็อยู่จริงๆ บนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่นอนร่วมกับเธอมาทุกคืน เพียงแต่ว่าในตอนเช้าวันนี้ เขาอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
เธอเกือบจะหย่าขาดจากเขาตั้งแต่วันนั้นถ้าไม่เห็นกับลูกในท้อง เจฟฟ์ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อับอาย บอกกับเธอว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้ การมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขามาก่อน เขาให้คำมั่นสัญญาว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นมาอีก เขาถึงกับอ้อนวอนขออย่าให้เธอบอกใครรู้ถึงสิ่งที่มาพบเห็นด้วยตาตนเองในเช้าวันนี้ ขอโอกาสให้เขาอีกสักครั้ง ซึ่งในที่สุดลิซ่าก็ใจอ่อนพอที่จะยอมทำตามคำขอร้องนั้น ทั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่ลูกนั่นเอง
แต่ทว่ามันเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงครั้งที่ 2 ที่เธอปล่อยให้เกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อเวลาผ่านไปปัญหาของเจฟฟ์ก็ดูจะหนักหนายิ่งขึ้นทุกวันๆ แต่ทว่าเมื่อเจนนิเฟอร์ลืมตาขึ้นดูโลก เขาก็เปลี่ยนไป โดยทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับลูกแทนตัวเธอ ซึ่งทำให้ลิซ่าไม่อาจตัดใจพรากลูกไปจากเขาได้ ขณะเดียวกันเธอก็ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะบอกให้ลูกเข้าใจได้อย่างไรว่า แท้ที่จริงแล้วพ่อมีความรักในตัวผู้ชายอื่นมากกว่าที่จะรักแม่... ทั้งนี้เพราะเขาได้แสดงให้เธอเห็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่แล้ว ก็มาถึงวันหนึ่งที่ลิซ่ามีความรู้สึกเหมือนโลกได้ทลายลงต่อหน้าต่อตา ความฝันทั้งมวลของเธอได้สูญสลายไปสิ้น เมื่อหมอได้บอกให้เธอทราบว่าลูกสาวสุดที่รักของเธอเป็นลูคีเมีย ลิซ่าทุ่มเทเงินทองอย่างไม่คิดเสียดายเพี่อที่จะรักษาลูกให้หายขาดจากโรคมะเร็งในเม็ดเลือดนี้ แต่ปรากฏว่า เธอไม่สามารถจะช่วยลูกได้เช่นที่คิด ต้องปล่อยให้แกค่อยๆ ตายลงทีละน้อยๆ ต่อหน้าต่อตา
และถ้าจะพิจารณาดูแล้ว เธอก็เห็นว่าขณะนี้ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ต่างก็ค่อยๆ ตายจากกันไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จนในที่สุดเจนนิเฟอร์ก็จากลาโลกแสนโหดร้ายนี้ไปก่อน
วันที่ลูกตายจากไปนั้น ลิซ่าเป็นลมล้มฟุบลง และหลังจากนั้นอีกหลายเดือน กว่าที่เธอจะฝืนทนมีชีวิตอยู่ไปเพียงวันๆ โดยไม่ร้องไห้ และก็มาถึงวันหนึ่งที่เธอตัดใจยอมรับในความตายของลูกได้
ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คิดที่จะเข้าทำงานในหนังสือพิมพ์แอนนาโปลิส เดลี่ สตาร์ อันเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในจำนวนหลายฉบับที่ปู่เป็นเจ้าของอยู่เลย แต่ปู่ก็ยืนยันที่จะให้เธอทำ เพราะถึงเวลาที่เธอควรจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองเสียบ้าง และต้องการที่จะให้เธอทำหน้าที่นักข่าวสังคม เพราะอย่างน้อยเธอก็ถูกฝึกมาเพื่อการเข้าสังคมชั้นสูงมาโดยตลอด ลิซ่าเพียงแต่ยักไหล่และก็ยอมทำตามความปรารถนาของปู่ไปตามเพลงเท่านั้น
แต่แล้ว เธอก็ต้องแปลกใจในความสามารถของตัวเอง คล้ายกับเพิ่งจะค้นพบว่าตัวเองนั้นมีพรสวรรค์ในการขีดๆ เขียนๆ อยู่ และเริ่มมีความรู้สึกว่าชีวิตจิตใจได้กลับคืนมาสู่อีกครั้ง ลืมความทุกข์อันเกิดจากความตายของลูกและความผิดปกติทางเพศของสามี ได้พบเพื่อนใหม่ๆ ในวงสังคมทั่วไป และมาถึงจุดหนึ่งที่เธอคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เธอกับเจฟฟ์ควรจะหย่าขาดจากกันเพื่อความสุขอันแท้จริงของทั้งสองฝ่าย แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้าทำอะไรรุนแรงลงไป ด้วยเกรงว่าจะก่อความสะเทือนใจให้เกิดขึ้นกับปู่ พ่อแม่ของเจฟฟ์ และเพื่อนๆ ทั้งหลายที่จะต้องติฉินนินทาอย่างแน่นอน