ตอนที่2[บ้านสวน]
ตะวันเถื่อน
ตอนที่2
[บ้านสวน]
ร่างเล็กลุกขึ้นเดินออกไปหน้าบ้านแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปหาช่องประตูเหล็กแคบ ๆ ที่เพิ่งจะทำขึ้นมาใหม่ได้ไม่กี่เดือน นับดาวก้มลอดประตูเหล็กที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านของเธอกับบ้านนายหัวตะวัน แล้วเดินเข้ามาในบ้านตัวเอง
"อ้าว!หนูดาวมาทำไมละลูก หนูแต่งงานแล้วนะทำไมไม่อยู่ดูแลพี่ตะวันล่ะ" คุณพิมพ์แขมารดาเอ่ยถามบุตรสาวคนเดียว
"ดาวมาเก็บของคะคุณแม่ พี่ตะวันบอกว่าจะกลับบ้านสวนแล้ว" ร่างเล็กส่งยิ้มให้มารดาก่อนจะก้าวเท้าขึ้นชั้นบน
สักครู่ร่างเล็กก็เดินลงมาโดยมีพี่บัวที่เป็นพี่เลี้ยงเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ตามลงมาติด ๆ
"คุณพ่อละคะ" นับดาวเอ่ยถามมารดาเมื่อมองหาแล้วไม่พบ
"คุณพ่ออยู่ที่สวนข้างบ้านจ๊ะ" มารดากล่าวยิ้มละมุนให้
นับดาวจึงเดินไปหาบิดา
"คุณพ่อขา…ทำอะไรอยู่คะเนี่ย" นับดาวเอ่ยเสียงใสทักทายคุณรวินผู้เป็นบิดาแล้วสวมกอดเอาไว้
"อ้าว!สาวน้อยของพ่อ แต่งงานแล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ละเนี่ย" บิดากล่าวพร้อมสวมกอดบุตรสาวแล้วลูบศีรษะเบา ๆ
"หนูจะมาลาคุณพ่อไปอยู่บ้านสวนค่ะ" บุตรสาวเอ่ยพร้อมทำตาพริบ ๆ
"เด็กน้อยของพ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ และแต่งงานแล้วด้วยพ่อขอให้ชีวิตครอบครัวของหนูสุขสมหวังนะ" บิดาเอ่ยเสียงนุ่มนวล เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของบุตรเขย ที่เขาคิดว่าจะฝากฝังให้ดูแลลูกสาวแทนเขาได้
ก่อนนับดาวจะกราบลาพ่อกับแม่แล้วก้าวเดิน นำพี่บัวไปบ้านโน้นของว่าที่สามีตามกฎหมายของเธอ
รถสี่ประตูสีดำของนายหัวตะวันติดเครื่องรออยู่ เมื่อเห็นร่างเล็กเดินมาเขาก็เดินมารับกระเป๋าแล้วจับวางหลังรถให้
"เดินทางกันปลอดภัยนะลูก" เสียงคุณหญิงกับคุณมานพเดินมาส่งทั้งคู่ขึ้นรถเอ่ยขึ้น
"สวัสดีคะคุณพ่อคุณแม่" เสียงนับดาวกล่าวพร้อมยกมือไหว้ทั้งสองท่าน แล้วนายหัวตะวันก็ขับเคลื่อนออกไป
ทั้งคู่ออกจากกรุงเทพฯซึ่งเป็นบ้านเกิด แล้วมุ่งหน้าสู่บ้านสวนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสวนที่บิดาได้ซื้อเอาไว้นานตั้งแต่นายหัวตะวันยังจำความได้เป็นเนื้อที่พันกว่าไร่ ที่เพาะปลูกทั้งทุเรียน ปาล์ม และยางพารา ที่มีคนงานมากมายร้อยกว่าชีวิตที่นายหัวตะวันต้องดูแลปกครองอยู่ในขณะนี้
นั่งอยู่ในรถยนต์กันหลายชั่วโมงกว่าจะถึง เมื่อนับดาวนั่งกระสับกระส่ายชะง้อมองสองข้างทาง จนคนขับอย่างนายหัวตะวันรู้สึกได้ ถึงความร้อนรนของคนที่นั่งข้างจึงเอ่ยถาม
"เป็นอะไรของเธอฮึ!" เสียงตึง ๆ เอ่ยถาม
"แถวนี้เขาไม่มีปั๊มเลยเหรอ ดาวปวดฉี่" ร่างเล็กตอบกลับด้วยเสียงเขินอาย เพราะไม่คุ้นเคย
"ทนไปก่อนอีกหลายกิโลจะมีปั๊ม" คนขับใช้หางตาตวัดมองร่างเล็กแวบหนึ่งก่อนเอ่ยตอบ
นับดาวอดทนอีกพักหนึ่งจึงมองเห็นป้ายปั๊มชื่อดังอยู่ด้านหน้า เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปจอดร่างเล็กไม่รีรอรีบก้าวขาลงเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างไว
นายหัวลงไปดักรอนับดาวเดินออกมาจากห้องน้ำ
"ฉันหิวข้าวไปกินข้าวกัน" ว่าจบก็เดินดุ่ม ๆ เข้าร้านอาหารตามสั่ง
นับดาวไม่รีรอเพราะรู้สึกหิวจึงก้าวเดินตามไปติด ๆ
"เธอจะเอาอะไร ฉันเอากระเพราไข่ดาว" ร่างโตเอ่ย
"เหมือนกันก็ได้" นับดาวไม่อยากเรื่องมากจึงเอาแบบเดียวกัน และไม่อยากให้คนอื่นรอนานเพราะดูท่าจะคิวยาว
เมื่อทั้งคู่ทานอาหารเสร็จก็รีบเดินมาขึ้นรถ เพราะอยากให้ถึงบ้านสวนไว ๆ
นายหัวหันมามองร่างเล็กข้างกาย เพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบติดเครื่องยนต์แล้วขับเคลื่อนต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ เพราะต่างไม่รู้จะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไรก่อน นายหัวตะวันหันมาใช้สมาธิจ้องมองการจราจรบนท้องถนน ที่ตอนนี้ดูโล่งดี
ส่วนนับดาวก็จ้องมองวิวสองข้างทาง อย่างตั้งใจ ไม่นานนักสายตาก็เริ่มอ่อนล้า แล้วเปลือกตาก็เริ่มปิดลงสนิท
นายหัวรู้สึกข้างกายเงียบงันลง จึงมองผ่านเสี้ยวหน้า เห็นร่างเล็กหลับตาจึงหันไปสนใจเส้นทางข้างหน้าต่อ
ผ่านไปหลายชั่วโมงก็เข้าเขตบ้านสวน เมื่อแหงนมองป้ายใหญ่ด้านหน้า
'บ้านสวนบดินทร์เดชารักษ์'
นายหัวตะวันเลี้ยวรถเข้าไปตามเส้นทางเข้าบ้านสวน ที่มีบรรยากาศร่มรื่นสองข้างทางปลูกต้นไม้น้อยใหญ่ตลอดเส้นทาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ปลูกสร้างสไตล์หรูนำสมัยอย่างลงตัว
เมื่อรถชะลอจอดลงป้าเอียดแม่บ้านก็เดินออกมายืนรอรับ
"ยัยนิดอยู่ไหน?นายหัวกลับมาแล้ว" ป้าเอียดตะโกนร้องเรียกหลานสาววัยสิบแปด ที่เป็นหลานสาวให้ออกมาช่วยรอรับนายหญิงของนายหัวด้วย
"มาแล้ว ๆ คะป้า" นิดเด็กสาวผิวขาวสะสวยต่างจากป้าที่ผิวคล้ำกว่า
นายหัวตะวันเปิดประตูลงมา แล้วก้าวไปด้านหลังเปิดท้ายกะบะก่อนจะดึงลากกระเป๋าของนับดาวออกมาส่งให้นิด
"นิดช่วยยกกระเป๋าของนายหญิงขึ้นข้างบนที" ตะวันหันมาเอ่ยกับเด็กสาว
นับดาวที่หลับใหลอยู่หน้ารถ ก็ยังหลับสนิทคุดคู้ขดตัวอยู่เบาะหน้าท่าเดิม
นายหัวเปิดประตูเข้ามายังเห็นร่างเล็กหลับตาอยู่อย่างสนิท จึงตัดสินใจช้อนอุ้มร่างเล็กออกจากหน้ารถ แล้วก้าวเดินขึ้นชั้นบน เดินอุ้มไปวางลงที่เตียงนุ่มแผ่วเบา
"เห็นตัวเล็ก ๆ หนักชะมัด!!" วางลงแล้วบ่นพึมพำให้กับตัวเอง ก่อนจะก้าวออกจากห้องไป
นับดาวลืมตาขึ้นแล้วเผยฉีกยิ้ม ก่อนจะดีดตัวขึ้นแล้วบิดกายคลายความปวดเมื่อยแล้วเอ่ยออกมา
"สมน้ำหน้าวางท่าเก๊กดีนัก!!" นับดาวพูดทำหน้าแสยะยิ้มใส่อีกคนอย่างน่าหมั่นใส้ ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงกระจกใสบานใหญ่ข้างห้องนอน
ร่างเล็กยืนเหมอมองไปด้านหน้า ชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติรอบ ๆ สวนอย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อพบแสงสีส้มแดงของดวงอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังจะลับขอบฟ้าลง นับดาวตื่นเต้นไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย กำลังจ้องมองอย่างเพลิดเพลินก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก ๆ
"นับดาว! ตื่นหรือยัง" เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อเบา ๆ อยู่ด้านนอก
ร่างเล็กรีบเดินมาเปิดประตู
"ฉันมาดูเธอตื่นหรือยัง จะได้ลงไปทานข้าว" ตะวันเอ่ยเสียงเรียบ
"ลงไปก่อนเลยคะ เดี๋ยวฉันตามลงไป" ว่าจบก็ปิดประตูลงใส่หน้า
สักครู่ร่างเล็กของนับดาว ก็เดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง
"เชิญนั่งค่ะ นายหญิง" เสียงป้าเอียดแม่บ้านกล่าวเชิญชวน พร้อมส่งยิ้มอย่างผูกมิตรมาให้
นับดาวส่งยิ้มหวานตอบกลับอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามเจ้าของบ้าน แล้วก้มมองอาหารตรงหน้า ที่หน้าตาบ่งบอกว่าต้องรสจัดจ้าน จนร่างเล็กแทบไม่กล้าจะตักอาหารเข้าปาก
"ทำไม? กินไม่ได้เหรอ" เสียงห้วนถามขึ้น ขณะตวัดสายตาเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าทานอาหารต่ออย่างเอร็ดอร่อย
นับดาวนั่งเขี่ยข้าวมองอาหาร แล้วตักเข้าปากไปสองสามคำก็รีบยกแก้วน้ำดื่มตาม ก่อนจะรวบช้อนวางลงเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากออกร้อน บวมเจ่อด้วยความเผ็ดจัดของอาหาร
นับดาวยกแก้วน้ำมาดื่มอีกรอบ เพื่อดับพิษร้อน แล้วลุกจากเก้าอี้เดินขึ้นชั้นบน
ร่างโตเหลือบมองขึ้นตามด้วยสีหน้าเรียบ แล้วยกยิ้มร้ายออกมาก่อนจะยกแก้วน้ำ ดื่มตามเมื่อรู้สึกอิ่มท้อง
ร่างโตลุกขึ้นแล้วเดินไปยืดเส้นยืดสายทอดน่องหน้าบ้าน พักใหญ่จึงก้าวเท้าขึ้นชั้นบนเพื่อาบน้ำเข้านอน
แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองประตูที่ปิดสนิทตรงข้ามกันของนับดาว