บทที่1 ตอน "เวลาชีวิต" 1
๑
เวลาชีวิต
“จดทะเบียนเป็นภรรยาพี่แล้วนะ สาวน้อย...”
เสียงเข้มฟังดูอบอุ่นกระซิบชิดกระหม่อมของเธอ ทำให้จันทร์ฉัตรกระชับแขนโอบกอดเอวสอบให้แน่นขึ้น
“จันทร์รักพี่ค่ะ”
“เดือนหน้าจันทร์ก็จะจบแล้วใช่ไหม...”
“ค่ะ” ปลายคางมนเรียวถูกมือใหญ่เชยให้เงยขึ้น ดวงหน้าหล่อของเขาโน้มลงมา ปากหยักประกบจูบเรียวปากนุ่ม เขาจูบเธอตอดเล็กตอดน้อย
“เราแต่งงานกันนะ...พี่จะประกาศให้ทุกคนบนโลกนี้รู้ว่าจันทร์เป็นภรรยาพี่...พี่จะพาจันทร์และน้าเพ็ญไปอเมริกา ไปรู้จักพ่อแม่ของพี่...”
“ค่ะ”
จันทร์ฉัตรไม่ต้องการอะไร เงินทองที่ชายหนุ่มมีล้นฟ้าไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวต้องการ เธอต้องการเพียงความรักและขอให้ชายหนุ่มยืนเคียงข้างและรักเธอ
“พี่อยากสร้างครอบครัวกับจันทร์ อยากมีลูกกับจันทร์ อยากให้จันทร์เป็นแม่ของลูกพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างพี่จะยกให้ลูก...”
คำว่า ‘เวลาพี่ตาย จันทร์กับลูกจะได้ไม่ลำบาก’ ถูกเรียวปากจิ้มลิ้มจูบประกบปิดเสียงเข้ม
“ไม่พูดค่ะ”
จันทร์ฉัตรเขย่งปลายเท้าทำตัวให้สูงเท่าชายหนุ่ม แขนทั้งสองข้างเกาะคอหนาฉุดให้ใบหน้าหล่อก้มลงมาหา
“ชู่ววว...เป็นภรรยาพี่ต้องไม่ร้องไห้นะ รู้ไหม”
ด้านตะวันฉายอำนวยความสะดวก อุ้มร่างน้อยจนเท้าของเธอลอยเหนือพื้น ทำให้ดวงหน้าของพวกเขาอยู่ระดับเดียวกัน
“ไม่อยากให้จันทร์ร้องไห้ พี่ก็อย่าพูดเรื่องแบบนี้สิคะ”
จันทร์ฉัตรซบหน้าแนบแผ่นอกแกร่ง ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนหัวใจของเธอ
“พี่จะอยู่เป็นตะวันคอยส่องจันทร์ ดูแลจันทร์เองนะ มอบชีวิตของจันทร์ให้พี่ปกป้องนะ...”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยคำมั่นสัญญาทำให้สาวน้อยหลงเชื่อน้ำคำ เขาบอกเธอทุกเวลาว่าจะซื่อสัตย์มั่นคงและรักเธอ จะมีเพียงเธอคนเดียว ดังกึกก้องแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามพิโรธ ‘ครืนน’ ช่างขัดกับการกระทำของตะวันฉาย ชายหนุ่มใช้เท้าเหยียบย่ำทำร้ายหัวใจของเธอจนแตกสลาย โดยการพาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาทำลายชีวิตคู่ พวกเขาทั้งสองมีอะไรกันบนที่นอนของเขาและเธอ
“จันทร์หยุดเดี๋ยวนี้! อย่าวิ่ง!”
เสียงเรียกของผู้ชายไม่มีหัวใจดังอยู่ข้างหลัง ตอกย้ำทำให้จันทร์ฉัตรต้องวิ่งหนี ในเวลานี้ เธอเหมือนคนตายที่หายใจได้ จิตใจของหญิงสาวเลื่อนลอย ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเหมือนสายน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก เธอคิดอย่างเดียวว่าต้องหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า จึงวิ่งข้ามถนนโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงแตรและแสงไฟรถกะพริบ
ปรี๊นนน!!
“กรี๊ดด!!” โครมมม!!!
“จันทร์!!! ระวังง!!”
ช้าไปเสียแล้วกับการที่จะฉุดเอาตัวของน้องมากอด เมื่อรถบรรทุกหินวิ่งฝ่าสายฝนมาด้วยความเร็ว ชนจนร่างของสาวน้อยล้มกลิ้งไปตามถนน
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยภรรยาผมด้วย...ช่วยภรรยาผมที...ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมทีครับ...ฮืออ...จันทร์ พี่ขอโทษ ฟื้นขึ้นมาคุยกับพี่สิ มาบอกพี่ว่าจันทร์ท้อง...ฮืออ...พี่ขอโทษ”
ตะวันฉายร้องไห้โฮ หัวใจเจ็บร้าวฉีกขาดเหมือนเขาจะตาย เมื่อเห็นร่างของน้องเต็มไปด้วยบาดแผล น้ำฝนเจิ่งนองเต็มถนนกลายเป็นสีเลือดแดงสด ชายหนุ่มล้มทั้งยืน ร่างโตทรุดนั่งกองกับพื้น คลานเข้าไปนั่งข้างร่างน้อย สองแขนกำยำประคองกอดอุ้มคนตัวน้อยเข้ามากอด
ตะวันฉายจูบเช็ดเลือดที่ไหลซึมปลายดวงตาทั้งสองข้างของน้องออกอย่างแผ่วเบา ในเวลานี้ เขาสติแตก พูดพร่ำเพ้อเหมือนคนบ้า ตะวันฉายอุ้มร่างไร้สติเลือดท่วมตัววิ่งไปหาคนนั้นที คนนี้ทีเพื่อจะให้พวกไทยมุงช่วยเหลือ
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...
ห้าสิบนาทีที่ยืนอยู่หน้าห้องไอซียู ตะวันฉายไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ ซึ่งชายหนุ่มแน่นหน้าอกจึงต้องใช้ปากช่วยหายใจเข้าออก มือเรียวใหญ่เกาะผนังห้องเดินไปยืนตรงประตูห้อง แล้วเดินกลับมานั่งเก้าอี้ ทำอยู่แบบนี้เป็นสิบครั้ง และนี่ก็เป็นอีกรอบที่เขาเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าห้อง ดวงตาสีเข้มคลอน้ำตามองผ้าม่านสีฟ้าที่นางพยาบาลเลื่อนปิดกั้นไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผมของน้องผ่านทางกระจกช่องสี่เหลี่ยม
“ฉาย?”
หญิงชราวัย 70 ปี นางใจจะขาดตายอยู่แล้วเมื่อรับรู้ว่า ลูกสาวคนเดียวเกิดอุบัติเหตุ นางเจ็บและแน่นหัวใจจึงยกมือขึ้นทุบตรงหน้าอกด้านซ้าย เมื่อได้เห็นสภาพของลูกเขย นางไม่รู้ว่าเลือดที่เปื้อนเสื้อของตะวันฉายนั้นเป็นเลือดใคร ของลูกสาวหรือของลูกเขย นางภาวนาขออย่าให้เป็นของพวกเขาทั้งสองเลย
“น้าเพ็ญ”
