บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

แม่บ้านได้แอบเร้นกายทิ้งสามีภรรยาทั้งคู่ด้วยกันตามลำพังในห้องโถงนั้น แต่แรนส์ไม่อาจจะวางตาจากภาพที่กำลังแอบมองดูอยู่ได้

"ใช่สิ ผมถามหาคุณ" เทรเวร์ตอบคำถามของเธอ "ผมไปเคาะประตูห้องเรียกก็แล้ว แต่คุณไม่ยอมเปีด"

เคาะประตูห้องคุณ...อีกครั้งหนึ่งที่รอยยิ้มเยาะปรากฎขึ้นชีวิตสมรสของคนคู่นี้ช่างมีบรรยากาศของนิยายสมัยวิคตอเรี่ยนเสียนี่กระไร...

"ฉันคงกำลังอาบน้ำมั้งถึงไม่ได้ยิน" ลาร่ายักไหล่ประกอบคำพูด เดินลงบันไดต่อจนถึงห้องชั้นล่าง "ฉันก็กำลังจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน คุณต้องการอะไรล่ะ?" ใบหน้าที่ขาวผ่องราวหินอ่อนเนื้อดีของเธอ ดูว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อแหงนขึ้นมองสามี ดวงตาของแรนส์หรี่ลงกับภาพสะท้อนในกระจกนั้นความงามบนใบหน้าของเธอราวกับถูกสลักเสลาขึ้นจากหินอ่อนเนื้อสีขาวอง ความไม่สมบูรณ์ทั้งหลายถูกขัดเกลาจนหมดสิ้นเหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่าที่เคลือบความมีชีวิดจำใจไว้ มันดูจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แรนส์บังเกิดความชื่นซมในตัวเธอขึ้นโดยปราศจากแรงตัณหามากระตุ้นในจิดใจ เธอคืองานศิลปะอันบรรเจิด แต่ทว่าเยือกเย็นแข็งกระด้างนัก

"ผมสั่งงานที่บริษัทไว้หมดแล้ว วันนี้ก็เลยว่าง" เสียงเทรเวอร์พูดต่อ รอยยิ้มอย่างผู้ชนะจุดประกายขึ้นบนริมฝีปากเป็นรอยยิ้มที่สามารถจะทำให้ผู้หญิงทุกคนใจสั่นได้ แต่เหมือนลาร่า คอซแรนจะมิได้หวั่นไหวเลยด้วยซ้ำในเสน่ห์ของสามี "ที่จริงมันก็นานอยู่นะที่เราไม่ได้มีเวลาเป็นตัวของตัวเยงเลย ผมก็เลยคิดจะชวนคุณขับรถไปเที่ยวทะเลกัน

ริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยสีน้ำตาลอมทองเผยอออกเป็นรอยยิ้มราวจะขออภัยเพียงแต่มันมิได้จรึงใจนัก

"ฉันกำลังจะไปล้มเบอร์ตันค่ะ เทรเวอร์"

"มีอะไรที่ลัมเบอร์ต้นงั้นรี?" รอยย่นอย่างข้องใจปรากฏขึ้นบนหน้าผากที่ราบเรียบ

"ก็ แองจี้ คอนเนอร์สน่ะสิคะ" เป็นคำตอบด้วยเสียงสงบ "สามีเขาบินมาลองลีฟ เห็นว่าจะมาล่าสัตว์แล้วเขาก็เลยตามมาด้วย"

"แองจี้ คอนเนอร์ส.." เขาทวนชื่อเพื่อนสาวของภรรยาอย่างใช้ความคิด "อ่อ...คนผมสีดำที่เป็นเพื่อนเจ้าสาววันที่เราแต่งงานกัน คนนั้นใช่ไหม? ที่ว่าอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันน่ะ?"

"ใช่ค่ะ" ลาร่า คอรแรน เบีอนหน้าไปเสียทางหนึ่งเมื่อตอบคำถามของสามี ซึ่งจากท่าทางนั้น แรนส์ แมคเควด เดาเอาว่าเธอคงสำรวจเรือนร่างจากกระจกรูปไข่ในห้องโถงกลาง"ตั้งสองปีมาแล้วที่เราไม่มีโอกาสได้พบกันเลย มะรืนนี้เขาก็จะไป

แรนส์จับตามองตามนิ้วเรียวยาวที่ไส้ปอยผมสีไฟที่ปรกลงบนใบหน้า ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเรือนผมนั้นยุ่งเหยิงเลยสักครั้งเธอมักจะขมวดมุ่นเรือนผมเป็นมวยต่ำเน้นความงามอันมหัศจรรย์ของรูปหน้าอยู่เสมอ ไม่เคยเห็นเธอปล่อยผมสยายยาวเคลียไหลให้แรงลมไล้เล่น หรือมือของผู้ชายคนใดสามารถจะโลมลูบลงบนเส้นไหมสีแดงอมทองนั้นได้

"ผมเองก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับเขาเลยนะ เอาเป็นว่าผมไปกับคุณด้วยก็แล้วกัน" เทรเวร์บอก "ที่จริงมันก็ถูกต้องอยู่หรอกที่ผมควรจะทำตัวมักคุ้นกับเพื่อนสนิทของคุณไว้บ้าง"

"อย่าเลยค่ะ" แม้จะเป็นคำปฏิเสธ แต่น้ำเสียงก็ราบเรียบหนักแน่น *ขืนไปคุณก็เบื่อแย่เท่านั้น เทรเวอร์ และที่สำคัญก็คือฉันคิดว่าวันนี้พ่อคงอยากจะให้คุณอยู่บริษัทมากกว่าไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวลางานหรือไม่ก็ตามเถอะ"

สีหน้าของเทรเวอร์เข้มขึ้น

"ลาร่า...." เขาทำท่าเหมือนจะเถียงตรงจุดนี้ แต่ก็พอดีกับที่ประตูห้องโถงเปิดและปิดลงซึ่งแรนส์ไม่เหันว่าเป็นเพราะใคร

"เทรเวร์ คุณบอกว่าแรนส์มาแล้วใช่ไหม?"

เมื่อได้ยินเสียงของมาร์ติน จเล็กซานเดอร์ แนส์ก็ละสายตาเสียจากกระจกเงาบานนั้น เลื่อนสายตามองไปยังเตาผิงดำมะเมื่อมในห้อง

"อยู่ในห้องนั่งเล่นแน่ะครับ ผมจะไปตามให้" เทรกดตอบห้วนๆ

"สวัสดีค่ะ พ่อ" ลาร่า คอชแรนทักทายบิดาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสแทนเสียงห้วนๆ ของเทรเวอร์ที่เดินมาหยุดอยู่เบื้องประดูห้องนั่งเล่น แรนสีบเท้าสบายๆ ให้เวลากับตนเองด้วยการจุดบุหรี่สูบไปด้วย

"สวัสดี ยายหนู" มาร์ดิน อเล็กซานเดอร์ตอบรับคำทักทายของลูกสาวอย่างแสนรัก "เมื่อเช้านี้พ่อไม่เห็นหนูที่โต๊ะอาหารนี่ลูก"

"หนูตามใจตัวเองค่ะ เลยสั่งให้เขาจัดขึ้นไปให้บนห้องนอน" แม้เสียงพูดนั้นกลั้วสำเนียงหัวเราะ ขณะที่

แรนส์ก้าวเข้าไปในห้องโถง แต่กระนั้น แววในดวงตาคู่สีเขียวก็ยังบอกถึงความถือตัวเมื่อปรายมองมาทางเขา "สวัสดีค่ะ คุณแมคเควด"

"คุณนายคอซแรน" แรนส์เพียงผงกศีรษะตอบรับคำทักทายของเธอก่อนที่จะหันไปทางนายจ้าง "สวัสดีครับ คุณมาร์ติน"

"เมื่อพ่อกับคุณแมคเควดจะต้องเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องทำงาน ปรึกษาเรื่องธุระการงานกัน ก็ดีแล้วละค่ะ" ลาร่าหยีบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าถือ "หนูเห็นจะต้องไปเสียที หนูบอกเอลเลนแล้วละค่ะว่าวันนี้จะไม่กลับมาทานกลางวันที่บ้าน"

"ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก"พ่อของเธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ฝากสวัสดีไปถึงแองจี้ด้วยนะ"

“ผมจะไปส่งที่รถนะ ที่รัก" เทรเวอร์จับปลายศอกเธอไว้

ตอนที่ลาร่าชักแขนออกจากสัมผัสของเขานั้น ท่าทางของเธอปรกตินุ่มนวลที่สุด

"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ" เธอตอบอย่างเยือกเย็น "เราลากันตรงนี้ก็พอแล้ว"

จากใต้ม่านควันสีเทาอ่อนนั้น และดูจะรู้ตัวว่ามีเขารวมอยู่ในห้องนั้นด้วย เทรเวอร์จึงฝืนยิ้มออกมา แสดงทำยินดีตอบรับข้อเสนอของเธอ

"ก็ได้" ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำโน้มลงจุมพิตเธอและในวินาทีสุดท้ายนั้นที่ลาร่าเบือนศีรษะออก ริมฝีปากของสามีจึงแตะลงบนนวลแก้มแทนริมฝีปาก

"แล้วพบกันตอนอาหารค่ำค่ะ" เธอยิ้มให้สามีอย่างปราศจากทั้งความอบอุ่นและอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตูหน้า ด้วยทำาทางสง่างาม

มุมปากของแรนส์เหยียดขึ้นเป็นรอยเยาะ ขณะที่ออกเดินตามมาร์ตินเข้าไปในห้องทำงาน อกจะเห็นใจเทรเวร์อยู่มากเพราะดูเหมือนเขาจะแต่งงานกับแม่มตสาวผมแดงมากกว่าแรนส์ให้สงสัยนักว่ ทำไมนะผู้หญิงที่สวอย่างหาตัวจับยากเช่นนี้จึงมีทำทางเย็นชานัก? และก็ยังมาร์ติน...น่าสงสารจริงๆ ที่จะต้องมีผู้หญิงที่สร้างเกาะกำบังตัวไว้แน่นหนาเป็นลูกสาว บางที การที่ได้เป็นพ่อของเธอ อาจจะทำให้เขาหน้ามืดตามัวไปกับความงามของลูกสาวก็เป็นได้

ลาราขับรถมุ่งหน้าลงไปทางใต้ห่างจากไร่และแฮทติสเบิร์กเกือบสิบไมล์แล้วความตึงเครียดจึงได้คลายตัวลง ทางหลวงสายนั้นขนาบด้วยต้นสนเป็นแนวตลอด ภูมิภาพที่สงบสงัดช่วยให้เธอผ่อนคลายอารมณ์ลงมาก และปล่อยให้จิตใจล่องลอยไป

แสงอาทิตย์ฉาบประกายลงบนแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวน้ำงามที่เป็นแหวนแต่งานนั้น ความผ่อนคลายสบายใจกับการที่เทรเวร์ไม่สามารถจะบังคับให้เธอยอมอนุญาตให้เขาร่วมทางมาด้วยในวันนี้ดูจะเลือนหายไป เขาคงไม่กล้าขออีกแล้ว

อุ้งมือที่กระชับอยู่กับพวงมาลัยรถเพิ่มน้ำหนักขึ้น เมื่อนึกถึงคำพูดของเทรเวอร์ที่บอกว่า วันนี้เขาว่าพอที่จะ

ใช้เวลาทั้งวันกับเธอ ราวกับว่า เธอควรจะคุกเข่าลงขอบคุณแก่เขา ถ้าจะไม่รู้สึกสะอิดสะเอียน มันก็น่าหัวเราะอยู่ดี

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ทำให้เธอนึกถึงภาพสายตาที่บอกแววเยาะหยันในดวงตาของแรนส์ เมคเควดขึ้นมาได้

ลาร่ารู้ดีว่าเขาจะต้องคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ชาเย็นไร้ความรู้สึก ถูกพะเน้าพะนอตามใจากพ่อมาตลอด ผู้ชายคนอื่นๆ ก็คิดเช่นนี้ทั้งนั้น

ความเย็นเยือกด้วยประจักษ์ในความจริงประการหนึ่งวาบไปทั่วไขสันหลัง มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับเมื่อตอนที่พบเขาในครั้งแรก พ่อได้เชิญเขามารับประทานอาหารในค่ำวันหนึ่งหลังจากที่แรนซั่ม แมคเควด เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายไร่อเล็กชานเดอร์ได้เพียงวันหรือสองวันเท่านั้น

ถ้าจะเปรียบเทียบกับสามีของเธอแล้ว จะเรียกว่า แรนชั่มเมลเควดเป็นคนหล่อไม่ได้เลย ใบหน้าเสี้ยมๆ แต่กระนั้นความกำยำล่ำสัน ความบึกปืนของเขาก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ซึ่งก็เท่ากับบังคับให้เทรเวอร์ดูเป็นแค่คนหน้าตาดีมีเสนห์คนหนึ่งเท่านั้น

เรือนผมของเขาไม่ได้เป็นสีดำเข้มเหมือนของเทรเวอร์แต่เป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนสียาเส้นดวงตาเป็นสีน้ำตาลเดียวกันแม้จะดูเรื่อยเฉื่อย แต่ก็ไม่ยอมให้มีสิ่งใดพลาดสายตาไปได้ความสูงไส่เรียกับเทรเวร์ แต่รูปร่างใหญ่กว่าเกือบสองเท่าลาร่าสังเกตเห็นมัดกล้ามใต้เสื้อที่เขาสวมไว้ และรู้ว่ามันปราศจากไขมันในทุกสัดส่วน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel