บทที่ 1
แรนส์ แมคเควด เดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องระเบียงเรือนหลังเล็กที่ก่อด้วยอิฐ เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าแสงอาทิตย์ยามเข้าสาตรังสีกระจ่างไร้เมฆหมอกปกคลุม สายลมตะวันตกเฉียงเหนือเย็นชื่นแผ่วพริ้วผ่านหมู่ต้นสน แต่เสื้อแจ็กเก็ตสีเหลืองนวลที่เขาสวมใส่อยู่ ก็ยังเปีดอกไว้อย่างไม่แยแสกับอุณหภูมิของอากาศ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่ลงเมื่อกวาดไปตามแนวต้นพีคั่นในไร่ มันยังคงยืนต้นเปล่าเปลี่ยวปราศจากใบอ่อนอยู่ เห็นเป็นแนวไกลสุดสายตา
ริมฝีปากที่บอกถึงความหนักแน่นหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างพอใจ จนมองเห็นลักยิ้มที่กดลึกลงบนข้างแก้มที่ปราศจากไขมัน ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงในตัวเขา ผู้มีสิทธิในการบริหารไร่อันเป็นสมบัติของตระกูล อเล็กซานเดอร์...อย่างเต็มที่
ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่จะมาเหนี่ยวโน้มใจให้เขาทิ้งแผ่นดินเท็กซัสไปยังตอนใต้ของมิสซิสซิปปิ้ได้ แพส์ แมคเควดได้แถลงอย่างกระจ่างแจ้งแล้วในเรื่องนี้กับมาร์ติน อเล็กซานเตอร์ก่อนที่จะเข้ารับหน้าที่ บุรุษผู้นั้นได้ให้คำมั่นไว้แล้วว่า แรนส์จะมีสิทธิในการบริหางานในไร่ทั้งหมด และแรนส์เองก็ยอมรับในความท้าทายของงานขึ้นนี้อยู่ ซึ่งหลังจากที่ช่วงเวลา 2 เดือนเต็มผ่านไป เขาก็ได้ประจักษ์ว่า มาร์ติน อเล็กซานเดอร์คือบุคคลที่มั่นคงในวาจาของตน
เมื่อก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็ทำให้เขานึกถึงเวลานัดหมายขึ้นมาได้ เขาก้าวช้าๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบลงบันไดไปยังรถปิคอัพที่จอดอยู่ใกล้ตัวเรือน สายลมปัดเส้นผมสีน้ำตาลไหม้เหมือนสียาเส้นให้กระจายขึ้น และเขาก็เพียงแต่ใช้นิ้วเสยๆ มันขึ้นให้เข้าที่ ก่อนที่จะปีนขึ้นนั่งบนตัวรถสีเชียวใบไม้ซึ่งมีรถพ่วงด้านหลังเป็นสีขาว
ระยะทางไปสู่เรือนใหญ่ไม่ไกลนัก ปรกติแล้ว แรนส์ควจะเดินตัดหมู่สนที่กั้นกลางอยู่ระหว่างเรือนของเขาไปยังบ้านของอเล็กซานเดอร์ได้ แต่หลังจากรายงานผลผลิตเมื่อปีกลายของมาร์ดิน อเล็กชานเดอร์ เขามีหน้าที่จะต้องดูแลปศุสัตว์ด้วย ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะแยกตัวออกมาเสียจากบ้านหลังใหญ่
บ้านอเล็กชานเดอร์นั้นมีลักษณะเด่นสะดุดตา รูปแบบของมันไม่ใหญ่โตหรูหราแบบบ้านของผู้มีอันจะกินทางใต้เท่าใดนัก มองเห็นอิทธิพลสเปนได้อย่างเด่นชัดในการออกแบบก่อสร้าง และงานฝีมือในการใช้เหล็กตัดเป็นลวดลายงดงาม ความมั่นคงของตระกูลนั้นไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง หลายๆ ครั้งที่แรนส์เคยมองมายังบ้านหลังนี้ในยามค่ำ ซึ่งมีแสงไฟเรืองรองสาดสว่างออกมาจากหน้าต่างทุกบาน ดูมันเป็นบ้านที่อบอุ่นน่าพำนักพักพิงยิ่งนัก
เมื่อเข้ามาถึงประตูบ้านด้านหน้า เขาเคาะห่วงทองเหลืองขึ้น 3 ครั้ง แรนส์ยังไม่สนิทสนมกับนายจ้างพอที่จะเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่บอกกล่าวให้รู้ต่วงหน้าได้ ดังนั้นเขาจึงยืนคอย สายตามองดูประตูซึ่งฉาบไว้ด้วยสีขาว และบานหน้าต่างซึ่งรายเรียงไปตามความยาวของตัวบ้าน ที่มีลวดลายแกะสลักประดับอยู่
บานประตูเปิดออก แรนส์ละสายตาจากสิ่งที่กำลังมองดูอยู่และได้พบกับดวงตาคู่สีดำเข้มเกือบจะเท่ากับสีดวงตาของเชาที่กำลังมองมายังร่างสูงหกฟุตของเขาอยู่ อันเป็นเหตุการณ์ที่มิได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
"สวัสดี แมคเควด" ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ายิ้มกว้างจนเห็นไรฟันสีขาว ผลักบานประดูให้เปิดกว้างกว่าเดิม "คุณคงจะมาพบมาร์ตินละสินี่ เข้ามาก่อนสิ"
"สวัสดี เทรเวอร์" แรนส์ตอบรับคำทักทาย ก้าวเข้าไปในห้องโถงของตัวบ้านอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก "คุณมาร์ดินสั่งให้ผมมาหา"
"ผมรู้แล้วละ" เทรเวอร์ คอชแรนอิ่มออกมาอีก "แต่ตอนนี้เขากำลังพูดโทรศัพท์ทางไกลอยู่ ผมว่คุณเข้าไปนั่งรอในห้องนั่งเล่นก่อนไม่ดีหรือ? ไม่นานนักหรอกน่า เอากาแฟก่อนไหมล่ะหรือจะเอาน้ำชา จะไรก็ได้ ตอนที่รออยู่นี่?"
"ไม่ละ" เขาสั่นศีรษะประกอบคำปฏิเสธ
"เดี๋ยวผมจะไปบอกมาร์ตินให้นะว่าคุณมาถึงแล้ว" และทำนักพักพิงยิ่งนักด้วยการผงกศีรษะด้วยท่าทางของคนที่สำแดง ความอาบุคคลที่ต้อยต่ำกว่า ผู้ขายร่างสูงผมดำคนนั้นก็เดินออกไป
ห้องสมุด
สายตาของแรนส์มองตามแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นไปเป็นครู่ จึงได้หันมาทางประตูบานคู่ที่เปิดเข้าสู่ห้องนั่งเล่น กรามนูนเป็นสันขึ้น เขารู้อยู่ว่าทำไมตัวเองจึงไม่สบายใจเลยเมื่อพบ
หน้าเทรเวอร์ คอซแรน
เมื่อตอนที่แรนส์เดินทางมารับหน้าที่ในไร่แห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นประมาณเดือนพฤศจิกายน เขาออกจะแปลกใจอยู่มากที่ได้พบว่า มาร์ติน อเล็กซานเดอร์นั้นมีลูกเขยแล้ว เป็นคนหนุ่มท่าทางฉลาดเฉลียว และมีชื่อว่า เทรเวร์ คอชแรน เป็นสามีของลูกสาวคนเดียวของมาร์ดินซึ่งจะต้องดำรงตำแหน่งทายาทของตระกูลอเล็กซานเดอร์ต่อไป ถ้าจะมองกันโดยทั่วๆ ไปแล้ว มาร์ตินน่าจะมอบหน้าที่นี้ให้กับลูกเขยของเขา แต่เขากลับทำสัญญาระยะยาวว่าจ้างให้แรนส์เป็นผู้รับผิดชอบงานในไร่ทั้งหมดแต่ผู้เดียว
แรนส์เคยคิดอยู่เสมอว่า การตัดสินใจของมาร์ตินในครั้งนี้จะต้องนำความมุ่งร้ายหมายขวัญจากผู้เป็นบุตรเขยมาสู่เขาแน่แต่กระนั้น เทรเวอร์ คอรแรน ก็ดูจะไม่มีทีท่าอย่างที่เขาคาดหมายไว้เลยแม้แต่น้อย เทรเวอร์ช่วยงานทางด้านบริษัทและพำนักอยู่กับภรรยาในบ้านหลังเดียวกันกับพ่อตาด้วย ทำทางของเขาดูจะพอใจด้วยซ้ำที่จะมีใครสักคนมารับผิดขอบงานดังกล่าวแทน
ถึงแม้จะรู้สึกว่าเทรเวอร์ไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราซึ่งมีส่วนอยู่ในไร่ขนาดมหึมาเช่นนี้ จะไม่รีบเร่งรับงานบริหารที่ท้าทายความสามารถ
และความสำเร็จได้
แต่ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย แม้ว่ารูปร่างของเทรเวอร์ คอชแรน จะบอกถึงความเป็นชายอยู่ก็จริงแต่ก็ดูจะเป็นคนอ่อนหัด เพราะฉะนั้นย่อมจะไม่ทานทนกับความลำบากตรากตรำที่งานในหน้าที่นี้จำเป็นจะต้องใช้อย่างแน่นอน ความสามารถของเขานำจะมีจำกัดอยู่เพียงแค่ในห้องนอน เทรเวอร์เป็นคนหน้าตาท่ทงดีมาก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้รูปร่างหน้าตานี้ให้เป็นประโยชน์อย่างมากที่สุด ถ้าช่าวลือทั้งหลายเหล่านั้นเป็นความจริง
เขาเอื้อมมือไปรูดม่านสีเขียวให้เปิดออก ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นภาพหิวทัศน์ของสนามหญ้าที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ร่มเย็นด้วยเงาของทิวสนที่รายเรียงอยู่ตรงขอบ ทันใดก็มีเสียงฝีเท้ากระทบพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องยางในห้องโถงภายนอกติดตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งที่เบากว่าแรนส์ปล่อยม่านในมือลง หันไปทางเสียงนั้นอย่างมาดหมาย
"เอลเลน..." เสียงเทรเวอร์ คอซแรนดังมาจากภายนอกและแรนซ์ก็ถอนหายใจอย่างอึดด ที่ต้องมาทนคอยพบมาร์ตินอเล็กชานเตอร์ "เมื่อเข้านี้เมียนเขาลงมาข้างล่างหรือเปล่า ไม่เห็นเจอหน้าที่โต๊ะอาหารเช้าเลยนี่"
"คุณลาร่า...เอ้อ...คุณนายคอชแรนน่ะค่ะ" เสียงแม่บ้านรีบกล่าวแก้สรรพนามอย่างรวดเร็ว"ทานอาหารเข้าในห้องของเธอเมื่อสักชั่วโมงแล้วละค่ะ
ห้องของเธอ...คิ้วของแรนส์ขมวดเข้าหากัน รอยยิ้มเยาะปรากฎขึ้น เพราะเคยคิดว่าแยกห้องกันนอนน่าจะหมดสมัยไปพร้อมๆ กับกระโปงบานสุ่มไก่นั่นแล้ว จะอย่างไรก็ตาม มันก็เท่ากับเป็นการอธิบายถึงข่าวชุบชิบนินทา นับแต่ตอนแรกที่เขาเหยียบย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้วที่ว่า เทรเวอร์ คอชแรนใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงอื่นมากกว่าเมียของตน
"แต่...เขาไม่ได้ลงมาเลยหรือนี่?" เสียงเทรเวอร์ คอชแรนถามย้ำ "เธอแน่ใจ?"
"กำลังถามหาฉันหรือคะ เทรเวอร์?" เสียงผู้หญิงคนที่สองลอดเข้ามาในห้องนั่งเล่น น้ำเสียงนั้นแม้จะอ่อนเบาแต่ก็หนักแน่น แฝงความเย็นชาอยู่อย่างเห็นได้ซัด
ดวงตาของแรนส์เป็นประกายกล้าขึ้น จับจ้องอยู่กับภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกที่ประดับห้องนั่งเล่น
จากมุมที่ยืนอยู่สามารถมองเห็นส่วนล่างของบันไดห้องโถงซึ่งขณะนี้ลาร่าอเล็กชานเดอร์เดินลงมาหยุดอยู่
เธอเป็นสตรีที่ต้องนับว่ามีความงามเป็นเลิศอย่างไม่อาจจะเปรียบเทียบกับใครได้ ขณะที่แรนส์จับตามองดูภาพสะท้อนของเธอในกระจกนั้น เขารู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตนเอง เข้าวันนี้เธออยู่ในชุดผ้าเนื้อหยาบสีน้ำตาลอมทอง ต่ำจากชายกระโปรงคือช่วงขาที่เรียวงาม นอกจากความหยาบของเนื้อผ้าที่ทำให้ดูหนาขึ้นแล้ว ทรวดทรงองค์เอวของเธอคือส่วนสัดที่เหมาะเจาะ แนวตะเข็บของตัวเสื้อ เผยให้เห็นความบางของช่วงเอว เน้นนาลเนื้อตรงเนินทรวงอย่างเด่นขัด ซึ่งแวนสใคร่จะได้โอบอุ้มไว้ในอุ้งมือนัก
ถ้าเพียงเรือนร่างของเธอยังจะเรียกความสนใจจากผู้ชายได้ไม่พอเพียง แรนส์เชื่อว่าความผสมกลมกลืนระหว่างเรือนผมสีแดงอมทองกับดวงตาสีเขียว จะต้องช่วยเพิ่มความประทับใจได้แน่ และที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ รูปหน้าอันงามงดหาที่เปรียบได้ยากนับแต่แนวคิ้วราวจับวาด จมูกโด่งเป็นสัน ลาดลงมายังริมฝีปากอิ่มเต็มเย้ายวนใจนัก