นายเป็นอะไร
สองทุ่มตรงเสียงดนตรีก็ดังกึกก้องขึ้นทั่วผับ การขับร้องจากคิงชายหนุ่มผู้มีเสียงหวานละมุนไม่สมชื่อที่มาดแมน ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินและผ่อนคลายอารมณ์ไปกับเขาตลอดการกินมื้อเย็นของแขกแต่ละโต๊ะ
เมื่อโชว์เริ่มไปครึ่งชั่วโมง สายลมผู้ชอบมองสำรวจไปรอบด้านก็หันไปเจออะไรบางอย่าง สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้เขาเสียสมาธิจนถึงกับเล่นเบสผิดคีย์
คิงผู้รู้ทันทีว่า สายลมเล่นไม่ถูก ก็แกล้งตีเนียนเดินร้องเพลงไปมองหน้าแล้วเลิกคิ้วใส่ สายลมเห็นดังนั้นก็รู้ตัวทันที เขาพยักหน้าให้คิงแล้วจึงตั้งใจเล่นต่อ จากนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
แกร๊ก เสียงตะวันผลักประตูผับ เพื่อเดินออกไปสูดอากาศข้างนอก พอดีกับมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินสวนเขาเข้ามา กลิ่นกายของเขาทำให้ตะวันฉายต้องหันไปมองตาม มันเป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทำให้รู้สึกสะอาดและสดชื่น จนอยากจะดึงเขาคนนั้นมาถามว่าซื้อน้ำหอมที่ไหนเขาจะไปซื้อมาใช้บ้าง
แต่ทว่าชายหนุ่มคนนั้น ก็แค่เดินผ่านเข้าไปด้านใน แล้วหันมามองเขาเล็กน้อยในจังหวะที่ตะวันฉายหันหน้าหนี พอเขาหันกลับไปดูอีกผู้ชายคนนั้นก็เดินลึกเข้าไปด้านในแล้ว
หลังจากพักเบรกนั่งสูดอากาศด้านนอกนานเกือบ 1 ชั่วโมง เขาก็เข้ามาทำหน้าที่มือกลองต่อ ระหว่างเล่นดนตรีอยู่ตะวันก็เหลือบเห็นอาการของสายลมที่ดูเครียดๆ บางครั้งก็เล่นผิดคีย์จน คิงผู้มีพรสวรรค์ด้านแยกเสียงต้องเดินไปเตือนอยู่หลายครั้ง กว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ เล่นเอาตะวันฉายลุ้นแทบตาย
“ถือว่ายังดีนะที่เสียงของเบสมันยังพอถูไถไปกลับเสียงกลอง เลยไม่มีใครสังเกต แต่หากเป็นนักดนตรีจริงๆ เข้ามาดูเขาคงหัวเราะเยาะพวกเราแน่” ตะวันฉายคิดแล้วก็ส่ายหัวกับเรื่องในวันนี้
เมื่อการละเล่นจบลง คิงก็กล่าวขอบคุณลูกค้า และกล่าวขออภัยหากมีเรื่องผิดพลาด นั่นเป็นการปิดวงของทุกค่ำคืนอยู่แล้ว รอบสามจะเป็นวงอื่นตอนหลังเที่ยงคืน
“อะไรเนี่ย นายเป็นอะไรเล่นผิดตั้งหลายรอบ” คิงบ่นเมื่อเดินเข้าห้องพัก แต่สายลมก็ไม่ตอบ เดินมาผลักหน้าอกของคิงออกให้พ้นทางจนเขาผงะถอย
“นี่นาย” คิงผู้ที่ภายนอกดูมาดแมนน้ำเสียงอ่อนหวานจนดูเป็นคนใจเย็นถึงกับถลึงตากำกำปั้นแน่น เขาก้าวเท้าเข้าหาสายลมกะจะเอาเรื่องคู่กรณีให้ได้
“เอาน่า ใจเย็นๆ ครับพวก เดี๋ยวผมคุยเอง” ตะวันฉายเดินไปตบที่หัวไหล่คิงเบาๆ แล้วตะวันฉายก็เดินไปหาสายลมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บของเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“เฮ้ย!! เดี๋ยวประชุมวงก่อนสิ พรุ่งนี้เราจะเอาเพลงอะไรขึ้น”
“นายช่วยโทรบอกฉันหน่อยก็แล้วกัน” สายลมหันไปบอกกับตะวันฉาย
“ไม่ได้หรอก” เสียงคิงที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้น “นายต้องอยู่ สิ่งที่นายกำลังเป็นอยู่ในหัวของนายน่ะ โยนมันทิ้งซะ” สายลมถึงกับชักสีหน้าแต่สุดท้ายเขาก็นั่งลง
พอเสร็จจากการประชุมงานเรื่องวางคิวเพลงที่จะร้องของคืนวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน แต่แล้วตะวันซึ่งเดินตามหลังสายลมออกมาจากห้องพักนักดนตรีก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนที่เดินนำหน้าหยุด จนชายหนุ่มเกือบเดินชนแผ่นหลังเพื่อนร่วมงาน
ตะวันฉายมองตามทิศทางที่สายลมกำลังมองไปนั่นคือ บูธ ดีเจ ที่ที่คุณกาลของพวกเขากำลังเปิดเพลงและเอนเตอร์เทนลูกค้าของผับอยู่ จากนั้นสายลมก็รีบโกยอ้าวเบียดกับฝูงชนโดยไม่สนใจใคร ตะวันฉายถึงกับงง
“อะไรของเขาวะ”
เมื่อเขาหันกลับไปมองอีกที ก็สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่โต๊ะของดีเจ และเธอกำลังมอง รติกาลโยกไปตามเสียงเพลงอย่างมีความสุข
“ขอโทษนะครับๆ” ตะวันรีบเบียดกับผู้คนออกมาด้านนอกเพื่อตามสายลมให้ทัน
“เดี๋ยวสิ ลม นายเป็นอะไรของนายน่ะ เดินชนลูกค้าไปทั่วเลย จะโกรธจะเคืองอะไรก็ใจเย็นหน่อยสิ” ตะวันฉายวิ่งตามมาดึงไหล่สายลมเพื่อถามและต่อว่าเล็กน้อยเรื่องที่สายลมเสียมารยาท
“ฉันขอโทษด้วยแล้วกัน” สายลมก้มหน้าตอบสายตามองต่ำแล้วก็เดินจากไป ตะวันฉายหยุดกึกลังเลใจว่าจะก้าวตาม หรือจะถอยหลังดี ขณะนั้นเขามองสายลมเดินห่างออกไปแล้วก็ส่ายหน้า ชายหนุ่มตัดสินใจเดินวนกลับมายังผับเพื่อมาถามบางเรื่องกับตี๋ เพราะตอนที่เขาวิ่งออกมา เขาเจอตี๋ ดูแลลูกค้าอยู่หน้าผับพอดี
“ตี๋ๆ” ชายหนุ่มเดินไปใกล้ๆ แล้วสะกิดเรียก
“ครับพี่ตะวันครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“แหมไม่ขนาดนั้นหรอก พี่แค่มีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อยน่ะ”
“ครับพี่ เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะหลัง บูธ ดีเจ ของคุณกาลน่ะใครกันเหรอ”
“ผู้หญิง...” ตี๋นึกอยู่สักพักก็คิดออก “อ๋อ ผมไม่รู้ครับ อาจจะเป็นแฟนเขามั้ง เพราะดูจากสายตาที่พวกเขามองกัน อีกอย่างคุณกาลก็ไม่เคยพาแฟนมาที่นี่หรือควงใครมาโชว์ตัวเลย ผมเองก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ”
“จริงเหรอ” ตะวันฉายถามย้ำเพื่อไขข้อข้องใจ
“ทำไมเหรอครับพี่ เมื่อช่วงสามทุ่มครึ่งพี่ลมก็มาถามผมเรื่องเดียวกันเลย”
“ห๊ะ!!! จริงเหรอตี๋”
“ใช่ครับ”
“แล้วเราตอบเขาไปว่ายังไง”
“ก็ตอบเหมือนที่ผมบอกพี่ตะวันนี่แหละ”
“ผมไปดูลูกค้าก่อนนะครับ พวกเขาเรียกผมแล้ว” ตะวันพยักหน้าตอบ
“ขอบใจนะตี๋ พี่ก็จะกลับแล้ว” “ครับพี่” ตอนนี้ตะวันรู้แล้ว ว่าสายลมเป็นอะไร
“ทำไมนะ ทำไมนายไม่เคยมองเห็นความรู้สึกของฉันบ้าง”
ตะวันฉายเดินทอดสายตาเศร้าสร้อยก้มหน้ามองปลายเท้าของตนเองที่กำลังมุ่งไปด้านหน้าสลับกันซ้ายขวาตรงไปยังจุดจอดรถของเขา แล้วชายหนุ่มก็ต้องหยุด เมื่อปลายเท้าเขาชนเข้ากับปลายเท้าอีกคู่ที่อยู่ด้านหน้า
“เดินมองทางหน่อยสิครับ”
ตะวันชะงักกึก แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายแปลกหน้าที่ถึงจะตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยแต่ก็ยังดูดีในชุดเสื้อยืดสีขาวง่ายๆ และกางเกงสกินนี่สีดำ แต่งเข่าแฟชั่นแบบขาดวิ่น ตะวันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ทำทีพินิจพิเคราะห์ เหมือนกำลังคิดว่า.. “นี่ใครวะ”
“เอ่อ ขอโทษครับ” ตะวันฉายก็หลบทางให้กับชายหนุ่มคนนั้นและผู้ชายคนนั้นก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อยแล้วก็เดินจากไป เมื่อลมโชยพัด กลิ่นน้ำหอมก็เตะจมูกเขาอีกครั้ง
“เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้นนี่” ตะวันฉายนึกได้ แต่เมื่อหันไปว่าจะเรียกถามเรื่องน้ำหอม เขากลับเดินหายไปท่ามกลางผู้คนเสียแล้ว
“ว้า.. ว่าจะถามอยู่ว่าซื้อน้ำหอมที่ไหน หายไปซะแล้ว” ชายหนุ่ม ยืนเกาหัวแกรกๆ หันหลังกลับเดินไปขึ้นรถที่จุดจอดแล้วก็ขับออกไปจากที่นั่นทันที
รถกระบะสีดำของเขาพุ่งทะยานไปตามท้องถนนตรงกลับบ้านจากแสงสว่างในตัวเมืองสู่ความมืดมิด เขาขับรถฝ่าเข้าไปในถนนที่ตัดเข้ากลางทุ่งนา