บทที่ 6
“สัญญามั่นไหนกัน”
คำถามนี้ดังมาจากปากของคนที่ยืนถอดเสื้อโชว์ล่ำอยู่ข้างเธอ ทำให้หอมรักหันขวับไปทำตาเขียวกับเขาทันที
“ก็คนที่เคยมาทำงานที่นี่ ที่เจ้านายของคุณมักง่าย หลอกน้องสาวฉัน จน...จน...”
หอมรักพูดไม่จบประโยค เธอปล่อยโฮออกมา ทำให้ทุกคนมองตากันอย่างงุนงง อันดามันทำสัญญาณอย่างหนึ่งให้คนในบ้านอยู่ในความสงบ ซึ่งหอมรักไม่เห็น เพราะมัวแต่ร้องไห้ด้วยความเสียใจแทนน้องสาว
โธ่...ยัยมั่น เขาจำแกไม่ได้ด้วยซ้ำน้องสาวพี่
“อะไรกันน่ะครับนาย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สัญญามั่น? ใครอะ แล้วทำไมนายจะต้องให้ผมเป็นนาย นายเป็นผม โอ๊ย...งง”
วทัญญูตอนนี้เกาหัวเกาหูจนยุ่งไปหมด ที่ถูกอุปโลกน์เป็นนายหัวเสียอย่างนั้น นายหัวตัวจริงเองก็หน้านิ่วคิ้วขมวด ลุงไข่กับนางอุ่นเองก็มองหน้ากัน พร้อมกับพยายามคิด...ว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน?
ตอนนี้ทุกคนย่องออกมาจากห้องรับแขก ที่มีหอมรักปิดหน้าปิดตาร้องไห้อยู่อย่างสุดกลั้น กับเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาหาตัวเอง จนสติหลุดไปรอบสอง ตกลงกันว่าจะปล่อยให้แขกอยู่แบบนั้นไปก่อน เพื่อจะได้มาคุยกันว่า ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่
“เอ...คุ้นๆ นะครับ สัญญามั่น มั่น มั่น อ้อ...”
ลุงไข่ลากอ๋อยาว พร้อมกับดีดนิ้ว นางอุ่นเองชิงตอบก่อนลุงไข่เพราะดันคิดได้พร้อมกัน
“คนงานที่โรงแรมโน้นน่ะค่ะนาย คนที่ชื่อสัญญามั่นนี่เป็นนักศึกษาฝึกงาน หน้าตาสวยน่ารักเลยล่ะ เห็นตามนายหัวสิมิลันมาด้วย แต่ก็...ไม่ได้เป็นอะไรกะนายหัวสิมิลันนะคะนาย แค่มาช่วยทำเอกสาร ทำบัญชี”
“แล้วทำไมเค้าถึงท้องได้ล่ะ พี่สาวเค้ามาโวยวายถึงนี่”
“ก็นั่นน่ะสิคะ เด็กคนนั้นก็ดูหูตาแพรวพราวอยู่ เห็นมองๆ กันกับแกด้วยนี่ เจ้าโอม จำไม่ได้หรือยังไงกัน น้องมั่นของแกน่ะ” นางอุ่นหันมาค้อน วทัญญูเลยร้องอ๋อยาวอีกคน
“อ๋อ...น้องสุดสวยนั่นเอง แหมจะไปจำได้ยังไงกันป้าอุ่น มาแค่สามวันเท่านั้น ชื่อจริงผมไม่ได้รู้จักอะไรด้วย เรียกกันแต่น้องมั่น น้องมั่น”
“มาทำงานเฉยๆ แล้วไหงแม่คนนี้ถึงบอกว่าพี่ลัน ไม่สิ ฉัน! เอ่อ...เป็นอะไรกับน้องสาวเค้าวะ”
“นั่นน่ะสินาย”
“พวกต้มตุ๋นหรือเปล่านาย” ลุงไข่ว่า
“แต่หน้าตาแบบนั้น ไม่น่าจะเป็นพวกโจรแหะ” อันดามันหรี่ตา แล้วยิ้มน้อยๆ
“อืม...งั้นเรามาทำอะไรสนุกๆ กันมา...”
เขากวักมือเรียกทุกคนไปวางแผนอะไรบางอย่าง ถ้าเด็กนี่...ก็ดูหน้าตาเด็ก ก็ขอเรียกว่าเด็กก็แล้วกัน มาหลอกอะไรเขาล่ะก็...หึ หึ หึ
นายหัวจอมอำ ทำให้แสบจนลืมเป็นโจรเลยล่ะ
........................................................................................................................................................................
“เอ่อ...คือว่า ผมจำได้แล้วล่ะครับ เรื่องทั้งหมด”
‘นายหัวตัวปลอม’
กระแอม แล้วเดินเอามือไพล่หลัง เข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน ซึ่งมีหอมรักผู้เป็นโจทย์ในขามา แต่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กำลังถูกตั้งเป็นจำเลยของบ้าน นั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ มองเขาอยู่ด้วยสายตาไม่พอใจนัก
ขนาดหน้าบึ้ง ร้องไห้หนักจนหน้าแดง ตาแดงขนาดนี้ ก็ยัง...
น่าแกล้งว่ะ...
‘นายหัวตัวจริง’
มองหอมรักอย่างมาดหมาย เขายืนกอดอก มองสถานการณ์ของทั้งคู่อยู่ห่างๆ ใจภาวนาให้วทัญญูเล่นให้สมบทบาท
“แล้วตกลงว่าคุณจะเอายังไง?” หอมรักเชิดหน้า มองผู้ชายของน้องสาว ด้วยสายตาขุ่นๆ
“ผมคิดว่า...ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้ถูกต้อง ตามความต้องการของคุณครับ แต่ผมต้องขอไปเคลียร์งานทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน ผมถึงจะไปกับคุณได้”
“คุณจะรับผิดชอบยัยมั่นใช่ไหม?” เธอยังคงถามคาดคั้น หน้าตาเคร่งเครียดจริงจัง
“ฉันกลัวว่า ยัยมั่นจะคิดทำอะไร เอ่อ...เกี่ยวกับหลาน”
“รับผิดชอบที่คุณพี่ต้องการนี่หมายถึงต้องขนาดไหน เท่าไหร่ครับ?”
วทัญญูเน้นเสียงคำว่าคุณพี่ พลางมองดูเธอด้วยหางตา หอมรักรับรู้ถึงความผิดปรกติในน้ำเสียงนั่น เธอไม่พอใจวูบขึ้นมาเลยทันที
หน็อย...คิดว่าฉันจะมาเรียกร้องค่าเสียหายสินะ ไอ้พวกคนรวย รวยมากนักใช่ไหม? เดี๋ยวเถอะ! จะเรียกเงินไปบริจาคเด็กให้หมด
“เท่ากับที่คุณสมควรจะจ่ายนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ได้เห็นดีกันแน่”
อ้อ...
นางโจรจริงๆ สินะ ดูเถอะ...แววเรียกเงินออกมาล่ะ
นายหัวตัวจริงที่ยืนห่างๆ กำกับอย่างห่วงนายหัวตัวปลอมว่าจะทำไม่สมบทบาท คิดในใจ เขาพยัก หน้าเป็นสัญญาณให้กับวทัญญู ซึ่งวันนี้สมควรได้รับตุ๊กตาทองมาก
“คุณพี่คิดไว้เลยครับ ว่าค่าเสียหายนั้นควรจะเท่าไหร่ คุณพี่อะไรนะครับ เหมือนเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย”
“ฉันชื่อหอมรัก”
เธอทำเสียงเขียว วทัญญูที่แสดงได้ดีเกินกว่าที่นายคาดไว้ พยักหน้า แล้วเอ่ยทวนชื่อเธอ
“คุณพี่หอมรัก คิดได้เลยครับว่าจะเรียกร้องเท่าไหร่ ส่วนผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ แล้วเราจะกลับมาเคลียร์กัน”
“ได้ค่ะ ฉันจะคิดตามสมควรแน่ๆ”
หอมรักโต้ตอบ นึกไม่ชอบนายหัวอันดามันหนักขึ้นไปอีก นี่ตั้งใจจะฟาดหัวเธอด้วยเงินสินะ เดี๋ยวเถอะ...เธอจะเรียกให้สาสมกับความเสียใจของน้องสาวเธอ
เธอมองตามหลังนายหัวตัวปลอม ที่เดินตัวตรงจากไปจนลับตา พลางนึกเข่นเขี้ยวในใจไปด้วย ว่าจะคิดรีดจากเขาสักเท่าไหร่ดี จะทำยังไงให้เขาได้รู้สึกบ้างว่าได้ทำร้ายคนอื่นไว้ขนาดไหน สายตาของเธอทำให้อันดามันมองแล้ว นึกหมิ่นในใจขึ้นมา และคิดว่าเขาควรจะให้บทเรียนแม่สิบแปดมงกุฎนี่อย่างสาสม
“เอ่อ...อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมทำให้เธอตื่นจากภวังค์การคิดคำนวณว่าจะเรียกร้องอีกฝ่ายเท่าไหร่ยังไง หอมรักหันขวับมาทางต้นเสียง สีหน้าของเธอยังคงดูเคร่งเครียดนัก
“มีอะไร”
“คุณมีที่พักหรือยัง”
“ทำไมจะต้องหาที่พักด้วย”
หอมรักขมวดคิ้ว เธอตีความว่าไปเคลียร์งานของประมุกของบ้าน คือแค่ไม่กี่ชั่วโมง
“ต้องหาสิครับ เพราะนายหัวไปที่โรงแรม คงจะอีกราวสองอาทิตย์ถึงจะกลับครับ เอาไปเอามาอาจจะเป็นเดือน”
“หะ?”
หอมรับยิ่งหน้านิ่ว อันดามันมีสีหน้าสะใจเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคต่อไป
“ถ้าคุณจะพักที่นี่ก็ต้องเสียค่าที่พักนะครับ”
“หา!”
หนนี้หอมรักอ้าปากค้าง ชายหนุ่มแบมือมาตรงหน้าเธอ พร้อมกับรอยยิ้มละไม
“คืนล่ะห้าร้อยครับ พร้อมอาหารสามมื้อ ถ้าเกิดว่าไม่พักที่นี่ ก็ต้องข้ามฝั่งกลับไปนะครับ เพราะที่นี่ไม่มีโรงแรม”
“หะ...ห้าร้อย”
หอมรักตาเหลือก อันดามันกำลังกลั้นขำไว้แล้วเต็มที่ แต่ก็ยังแสร้งทำหน้าตาย
“ครับห้าร้อย แต่มีเหมาจ่ายครับ เพราะนายหัวบอกให้ลดให้ได้ เป็นแขก สามวันเหมาพันหนึ่งครับ แต่ต้องจ่ายล่วงหน้านะครับ”
“เอ่อ...”
หอมรักไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่ควักเงินออกมาจากกระเป๋า แล้วก็นับส่งให้อีกฝ่าย นะนั่น...มันคือเงินเกือบจะทั้งหมดที่เหลือของเธอด้วย
เธอมาที่นี่ด้วยความวู่วาม กะจะลากตัวอีตานายหัวอันดามันกลับไปหาน้องสาวเธออย่างเดียว ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ว่ามันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หอมรักกำลังกรอบแกรบ เงินเดือนก็ยังไม่ออก แถมเงินเดือนเธอเป็นเงินสดต้องรับจากหัวหน้างานด้วย เธอผลุนผลันลางานมาก่อนวันเงินเดือนออกหนึ่งวัน เอาไอ้แก่โปเกไปจำนำ...นายช่างทิพย์ตอนแรกส่ายหัวที่เธอเอามันไปขอฝากจำนำ แต่เห็นหน้าตาของหอมรักแล้ว สุดท้ายก็ยอม ด้วยการให้ค่าไอ้แก่มากับเธอห้าพัน
นั่นแหละ เงินเกือบทั้งหมดของเธอที่มาที่นี่
แถมมันก็หมดไปแล้วเกือบสามพันบาท ให้ตานี่ไปอีกพันบาท...
อา...เธอจะทำยังไงดีนะ
มองเงินด้วยสายตาละห้อย แต่เมื่อตัดสินใจจะตื้ออยู่แล้ว เธอก็ต้องทำมันต่อไป ไม่รู้ว่าตานั่นแกล้งหรือว่าจริงเรื่องไปเคลียร์งาน แต่เธอก็จะปักหลักอยู่ที่นี่ล่ะ
อันดามันรับเงินจากเธอแล้ว ก็เอ่ยเชิญเธอให้เดินตามกันไปยังด้านหลังของบ้าน มีกระท่อมหลังน้อยปลูกอยู่ ท่าทางดูโย้เย้ไม่แข็งแรงเท่าไหร่ หอมรักมองมันสลับกับมองหน้าเขา อันดามันผายมือไปยังประตูของกระท่อม ซึ่งเป็นฝาสังกะสีผูกกับเชือกฟางร้อยไว้ ช่างดู...ปลอดภัยระดับติดลบจริงๆ
“นี่ครับที่พัก”
“ฉันจ่ายไปห้าร้อยต่อคืน นี่น่ะเหรอ สิ่งที่ฉันได้รับ”
หอมรักเริ่มโวยวาย อันดามันทำหน้ายิ้มๆ แล้วพยักหน้า
“ครับ ถ้าไม่พักก็กลับไปฝั่งได้นะครับ รับรองว่าแพงกว่าห้าร้อยแน่ๆ”
หอมรักมองกระท่อม มองหน้าคนพามา มองกระท่อม แล้วก็มองหน้าหล่อๆ ของอันดามันอีกหน ไม่รู้ทำยังไงดี นอกจากเดินกระโผลกกระเผลก เข้าไปในกระท่อมอย่างทุลักทุเล อันดามันอดช่วยเธอไม่ได้ เมื่อเห็นเธอพยายามเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก
สภาพภายในดีกว่าสภาพภายนอกนัก อันดามันนึกขอบคุณนางอุ่นกับลุงไข่ ที่ทำงานได้เรียบร้อยรวดเร็ว มีแคร่พร้อมกับชุดที่นอนเรียบร้อยอยู่ที่มุมห้อง หน้าต่างแบบยกเปิดไว้รับอากาศ พื้นคอนกรีตได้รับการเช็ดถูจนสะอาดมีเสื่อพับวางไว้ให้ พร้อมกับชุดกระติกน้ำร้อน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย น้ำดื่มแบบขวด เธอเหลือบตามองหน้าเขา ก่อนจะเอ่ยลอยๆ ว่า
“นี่คือบริการที่พักพร้อมอาหารของพวกคุณใช่ไหม กระท่อมนี่ แล้วก็มาม่า”
“ยี่ห้ออื่นก็มีนะคุณ จะเพิ่มท็อปปิ้งอย่างปลาหมึก กุ้ง หอย ไข่ ผักก็เพิ่มได้ อย่างล่ะห้าบาท นี่คือถูกแล้วนะครับ แต่ถ้าอยากกินหมู ไก่ แพงหน่อย”
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ”
เธอจะปิดประตูใส่หน้าเขา ใจอยากให้เป็นอย่างนั้น แต่สภาพที่อันดามันได้เห็นก็คือ แม่ตัวเล็กพยายามลากประตูมาปิดอย่างทุลักทุเล
“เย็นๆ ถ้าจะไปอาบน้ำ ก็ไปที่บ้านใหญ่นะครับ มีห้องน้ำให้บริการ”
“คิดเงินอีกหรือเปล่า”
เสียงใสตะโกนแหวออกมา อันดามันกลั้นหัวเราะไว้แล้วเต็มแก่ เขากระแอม แล้วตอบเธอกลับไป
“บริการพิเศษฟรีครับผม”
“ย่ะ!”
“หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะลั่นอย่างอารมณ์ดีดังขึ้น เมื่อเขาพ้นมาจากกระท่อมหลังน้อยนั้นแล้ว เรื่องหนนี้ดูเหมือนจะสนุกแหะ ทั้งที่เขากำลังโดนนางสิบแปดมงกุฎหลอกอยู่ก็ตามที
เดี๋ยวพ่อจะเอาให้เข็ดเลย จะได้ไม่กล้าหลอกใครอีก
หน้าใสๆ ตาแบ้วๆ แบบนั้น ไหงถึงต้องมาหลอกคนแบบนี้กันนะ
อันดามันคิดในใจ เขาเดินขึ้นบ้านไป และลองต่อสายถึงพี่ชายอย่างสิมิลัน คนที่โดนกล่าวหาว่าไปปู้ยี้ปู้ยำน้องสาวของเธอ
หอมรัก...
ชื่อของเจ้าหล่อน
ใครตั้งให้กันนะ? ชื่อแปลกหูความหมายน่ารักแบบนั้น
รอยยิ้มยังติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปากของนายหัวหนุ่ม เมื่อนึกถึงแม่สาวสิบแปดมงกุฎตัวแสบ ที่ลงทุนรอนแรมมาหลอกเขาถึงนี่