ตอนที่ : 2 สูญเสีย 2
“ทำไมไม่บอกแม่ล่ะลูก เรื่องแค่นี้เอง” นางเจนจิราตำหนิลูกสาวเล็กน้อย
“ซอกะหางานใหม่ให้ได้ก่อนค่อยบอกค่ะแม่ แต่ก็มามีเรื่องพี่ซูขึ้นเสียก่อน ซอขอโทษนะคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างคนรู้ตัวว่าผิดที่โกหกมารดาไป
“เรื่องงานน่ะช่างมันเถอะซอ แต่เรื่องที่ไปอยู่ที่โน่นกับน่านมันไม่ดีนะซอ”
“รู้แล้วค่ะแม่ แต่ซอขอเวลาจัดการเรื่องน้องวินก่อนนะคะ ตอนนี้ทิ้งไปเลยไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“รีบ ๆ จัดการล่ะ เข้าใจไหม”
“ค่ะแม่”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก มีปัญหาอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอดเวลานะ พ่อเขาก็เปรย ๆ อยู่ แม่ก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย”
“ค่ะแม่”
มารดาโทรมาเร่งให้กลับบ้านแบบนี้ แต่พี่เขยของเจนเนตรยังเมาไม่ได้สติอยู่แทบทุกวัน ผมเผ้ารุงรังหนวดเคราเต็มหน้า เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้าคลุ้งเต็มไปหมด หญิงสาวไม่กล้านำหลานชายตัวน้อยเข้าไปให้อุ้มเลยสักวัน และนั่นก็คือปัญหาใหญ่หากเธอจะทิ้งสองพ่อลูกไปในตอนนี้ จึงตัดสินใจเข้าไปพูดกับนักรบตรง ๆ
“พี่น่านคะ ซอว่าพี่น่านต้องหาคนมาช่วยเลี้ยงน้องวินนะคะ” เจนเนตรอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่พี่สาวเข้าไปรอคลอดแล้ว เพราะเจนนภัทรโทรศัพท์มาให้ลงไปอยู่เป็นเพื่อนระหว่างคลอด หญิงสาวจึงเป็นคนแรกที่ได้อุ้มหลานชาย เพราะคนเป็นพ่อมัวแต่เสียใจอยู่กับศพของภรรยา
“ทำไมคิดว่าพี่ไม่ปัญญาเลี้ยงลูกเหรอซอ” นักรบปรายตาขึ้นมามองน้องเมียแบบคนไม่สบอารมณ์
“ซอไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ แต่พี่น่านดูตัวเองไหมคะสภาพแบบนี้จะเลี้ยงน้องวินได้ยังไง” คนพูดพยายามไม่เอ่ยออกมาตรง ๆ ได้แต่ผายมือให้เขาดูตัวเองเอา
“อย่ามายุ่มย่ามกับเรื่องของพี่ได้ไหมซอ ให้อยู่เลี้ยงหลานได้ก็บุญหัวแล้วนะ” นักรบตาขวางใส่น้องเมีย ซึ่งตอนนี้ริอ่านมาสั่งสอนพี่เขยอย่างเขาได้
“จ้างคนมาเลี้ยงลูกเถอะค่ะพี่น่าน ถือว่าซอขอนะคะ”
เพล้ง ! แก้วเหล้าในมือนักรบถูกปาลงพื้น มีเศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้นบ้าน เจนเนตรสะดุ้งสุดตัวในตอนแรก นึกว่าเขาจะปาใส่เธอเสียอีก
“วุ่นวายกับชีวิตพี่มากไปแล้วนะซอ จำใส่หัวเอาไว้ว่าลูกพี่พี่เลี้ยงเองได้ ขึ้นห้องไปดูหลานเลยไป ! น่ารำคาญชะมัด”
“ซอก็แค่หวังดี”
“ไป !” แก้วอีกใบกำลังจะถูกหยิบขึ้นมา
เจนเนตรรีบหันหลังเดินออกจากห้องนั่งเล่นมาอย่างเหนื่อยใจ เมานิดเมาหน่อยเขาก็พร้อมสติแตกใส่เธออยู่ทุกเมื่อ
ตั้งแต่สูญเสียภรรยาไป นักรบก็พาลใส่เจนเนตรแทบทุกวัน งานการก็ไม่ไปทำทิ้งให้ผู้จัดการไร่ดูแลทุกอย่างแทน ส่วนเจ้าของไร่ก็เอาแต่หมกตัวอยู่ที่บ้านบนเขาของตนเอง อีกทั้งปิดกั้นไม่ให้คนอื่นเข้าไปวุ่นวายอีกด้วย
เจนเนตรเดินขึ้นบันไดบ้านไปอย่างหมดหวัง ที่จะคุยกับคนเมารู้เรื่อง หญิงสาวเปิดห้องนอนของหลานชายเข้าไปอย่างเบามือ เดินไปหยุดอยู่ด้านข้างเตียงนอนเด็ก ใช้นิ้วชี้เขี่ยแก้มยุ้ย ๆ ของน้องวินอย่างแผ่วเบา
‘ทำไงดีพี่ซู ซอจะทำยังไง’
สายตาที่ทอดมองหลานชายนั้นประหนึ่งมองลูกชายของตนเองก็ไม่ปาน ห่วงก็แต่ความปลอดภัยของหลานชายของเธอนั่นแหละ น้องวินร้องไห้เพราะปวดหนักปวดเบาเขายังไม่สนใจ นั่งดื่มเหล้ากลางเสียงร้องไห้ระงมของลูกชายก็ทำมาบ่อยครั้ง ถ้าเธอไปแล้วเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจากความประมาทของเขาล่ะ แค่คิดหัวใจของเจนเนตรก็สลายในทันที เธอไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายแบบนั้นกับใครอีก
ค่ำคืนนี้เจนเนตรหลับตาไม่ได้สักที เพราะเศษแก้วบนพื้นนั่นทำให้เธอข่มตาหลับไม่ลง ก้าวเท้าลงเตียงให้เบาที่สุด เปิดประตูลงไปด้านล่าง เข้าไปในห้องนั่งเล่นแสนโปรดในการดื่มของเขา ห้องที่เขาแทบไม่เปิดหน้าต่างออกเลยสักวัน
คนเมาฟุบหลับบนโซฟา พอมองไปยังพื้นห้องเศษแก้วยังกระจายอยู่บนนั้น หญิงสาวระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุดในการเก็บกวาด จนมั่นใจว่าไม่เหลือเศษแก้วแล้ว เข้าไปปรับอุณหภูมิแอร์ให้เขา หยิบผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตัวให้คนเมา ก่อนเดินออกจากห้องไป ถึงเธอจะทำอะไรนักรบก็ไม่รู้สึกรู้สา พอตื่นเช้าขึ้นมาเขาก็แทบจำอะไรไม่ได้แล้ว
เจนเนตรเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของหลานชาย ปิดไฟแล้วมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของตนเอง ด้านข้างก็เป็นเตียงของหลานชาย หญิงสาวเปิดไฟห้องน้ำเอาไว้ ประตูไม่ล็อกตามคำสั่งของนักรบ นอนแบบนี้มาหลายวันจนชินชา ไม่เคยมีสักครั้งที่นักรบจะเข้ามาดูลูกชายตอนหลับ เธอไม่เคยเห็นเขาเข้ามาในห้องนี้ด้วยซ้ำ หญิงสาวมองหลานชายที่นอนหลับอย่างน่ารักอยู่บนเตียง มองจนดวงตาพร่ามัวและหลับตามลงไปในที่สุด
ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วนักรบยังจมอยู่กับขวดเหล้า ไม่สนใจหาคนมาเลี้ยงลูกเลย เหมือนเขาต้องการตัดขาดจากงานและกันทุกคนไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่นี่
“คุณเจนเนตรครับผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว งานที่ไร่ก็ค้างเติ่งรอคุณน่านแกมาตัดสินใจอยู่ จะทำอะไรก็ไม่ได้เห็นหน้าผมก็ปาขวดเหล้าใส่เลยครับ” ปกรณ์ผู้จัดการไร่วัยสามสิบปลาย ๆ ถอดหมวกออกมาพัดหน้าตัวเองเบา ๆ ระหว่างระบายความรู้สึกอัดอั้นใจให้เจนเนตรฟัง
“ฉันรู้ค่ะคุณปกรณ์ แต่จะให้ช่วยอะไรได้คะ ฉันเองก็ต้องเลี้ยงหลานไปด้วยทำงานบ้านงานครัวไปด้วย ไม่เข้าใจทำไมไม่ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดก็ไม่รู้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เห็นจ้างเขาทำเป็นประจำ” เจนเนตรบ่นกับผู้จัดการไร่ ซึ่งแวะเวียนมาคุยเรื่องงานอยู่วันเว้นวัน แต่นักรบก็ไม่เคยให้เขาได้คุยเรื่องงานด้วยเลยสักครั้ง
“คุณน่านแกคงไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพแกตอนนี้หรือเปล่าครับ ว่าไปก็น่าสงสารนะครับรักกันมากขนาดนั้น จู่ ๆ มาจากกันไปอย่างกะทันหันแกคงทำใจไม่ได้ คุณเจนเนตรก็อย่าเพิ่งทิ้งแกไปเลยนะครับ อยู่ช่วยดูคุณน่านแกหน่อยมีแค่คุณเจนเนตรคนเดียวที่เข้าบ้านหลังนี้ได้นะครับ” ปกรณ์ยิ้มหวานสไตล์หนุ่มชาวเหนือชาวไร่ ซึ่งดูไปแล้วเขาก็หน้าตาดีอยู่ไม่น้อย
“ฉันเองไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหนนะคะ” เจนเนตรพึมพำออกมาเบา ๆ
“ว่าไงนะครับ”
“เปล่า ๆ ค่ะ ไม่มีอะไร”
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณเจนเนตร ดีใจที่ได้เจอคุณบ่อย ๆ นะครับ” ปกรณ์ยิ้มให้หญิงสาวก่อนสวมหมวกแล้วเดินขึ้นรถไป
‘เจอกันบ่อย ๆ ต้องดีใจด้วยเหรอ แปลกคนจัง’
เจนเนตรยืนส่งผู้จัดการไร่จนรถของเขาแล่นลับสายตาไปแล้ว จึงได้หันหลังกลับเข้าบ้าน หญิงสาวมาคิด ๆ ดูแล้วยังไงไม่สามารถให้หลานชายอยู่ตามลำพังกับพ่อแบบนักรบได้ รีบค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และทำการติดต่อไปเพื่อให้เขาเข้ามาประเมินสถานการณ์ของที่นี่
บางทีเธออาจจะมีสิทธิ์พาน้องวินกลับไปเลี้ยงดูที่กรุงเทพฯ ได้ พี่สาวเธอเคยบอกว่าครอบครัวฝั่งนักรบไม่เหลือใครอีกแล้ว มีก็แค่ญาติห่าง ๆ ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่ความหวังลึก ๆ ซึ่งแทบไม่กล้าคิดว่าจะเป็นจริงได้ ความหวังหลักที่เจนเนตรอยากได้คือการเห็นนักรบกลับมาเป็นปกติ และสามารถเลี้ยงดูลูกชายของเขาได้ต่างหาก