๒.๒ ไม่รักไม่ต้อง
ตระการตายื่นมือไปกดปุ่มเปิดเพลง ไม่ถึงวินาทีเพลงอกหักที่เธอฟังบ่อยๆ เวลาที่ขับรถก็ดังขึ้น เนื้อเพลงบรรยายถึงความเจ็บปวดของการแอบรักข้างเดียว และการเป็นคนนอกสายตา
“ไหนว่ามีแฟนแล้ว ทำไมฟังเพลงอกหัก” เสียงทุ้มๆ ขรึมๆ ดังขึ้น ทำให้ตระการตาร้อนตัว เพลงพวกนี้เธอฟังก็เพราะเขา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากให้เขารู้
“มีแล้วฟังไม่ได้หรือไง ถ้าไม่ได้ตวงจะปิด”
ว่าแล้วตระการตาก็จะยื่นมือไปปิด แต่มือข้างนั้นของเธอถูกมือใหญ่ของเขารวบไว้ ทำให้เธอต้องตวัดตาไปจ้องหน้าหล่อๆ ของเขาอย่างไม่พอใจ กำลังจะเอ่ยปากต่อว่าที่เขาถือวิสาสะจับมือ แต่...
“เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่”
หัวใจของตระการตากระตุกวาบ เขาถามเรียบๆ เฉยๆ แต่ทำไมเธอรู้สึกว่าเขากำลังง้อ ง้อ...หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงเจ็ดปี
“พี่ปีย์ทำอะไรให้ตวงโกรธล่ะ ถึงได้ถามตวงแบบนี้” ตระการตาแสร้งไม่เข้าใจคำถามของเขา
“เรากับพี่รู้กันดีอยู่แก่ใจ” เขาหันมามองแวบหนึ่ง เป็นจังหวะที่รถติดพอดี ทำให้สายตาคู่นั้นสามารถจ้องมองเธอได้นานกว่าปกติ
“หึ” ตระการตาสะบัดหน้าพรืดหนี น้ำตาเกือบจะไหลเป็นทางออกมา เมื่อนึกถึงความเลวร้ายที่ตัวเองต้องเผชิญหลังจากที่เขาปฏิเสธการรับดอกไม้จากเด็กสาวอย่างเธอในวันนั้น
“โกรธพี่มากเลยเหรอ โตแล้วก็ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าทำไมวันนั้นพี่ถึงพูดถึงทำแบบนั้น”
“ไม่เข้าใจ ตวงรู้แต่ว่าพี่ปีย์เป็นคนใจร้าย เห็นแก่ตัว กลัวเรตติ้งตก ตวงรู้แต่ว่าตัวเองเคยหลงผิดที่เคยชอบพี่ปีย์ แต่ตวงก็จะไม่ทำผิดซ้ำ ด้วยการพาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ปีย์อีก”
“แย่หน่อยนะ ที่ตอนนี้เราเป็นญาติกันแล้ว ถึงตวงจะไม่อยากยุ่งกับพี่ แต่เราก็คงหนีกันไม่พ้น”
“พ้นแน่ค่ะ ถึงจะเป็นญาติกัน เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกัน”
“พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
คราวนี้ต่างคนต่างเงียบ มีแต่เสียงเพลงอกหักที่ดังคลอเคล้า ตระการตาไม่รู้ว่าอชิระคิดหรือรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ แต่สำหรับเธอ ทำไมมันถึงได้เจ็บแบบนี้ก็ไม่รู้ อยู่ใกล้ก็เหมือนไกลกันร้อยโยชน์ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเธอสามารถลืมความรู้สึกในอดีตทุกอย่างได้หมดสิ้นอย่างที่ปากพูดจริงๆ
และถึงแม้ว่าคนทั้งคู่จะพูดแบบนั้น แต่ดูเหมือนใครหรืออะไรบางอย่าง จะไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เมื่อพ่อกับแม่ของตระการตาจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศอย่างเร่งด่วน เป็นจังหวะเดียวกับที่เตชินท์กับอนุรดียังอยู่ในช่วงฮันนีมูน ทำให้ตระการตาต้องอยู่บ้านเพียงลำพังกับคนรับใช้ ตอนแรกคุณไตรและคุณปาริชาติตั้งใจจะฝากฝังให้อาจารย์อยุทธและอาจารย์วรรณรีช่วยดูแลตระการตา แต่ทั้งสองก็ต้องเดินทางไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดเช่นกัน ดังนั้นคนที่ผู้ใหญ่ไว้วางใจมากที่สุดจึงมีเพียงอชิระคนเดียว หญิงสาวแอบหน้างอเมื่อรู้ว่า พ่อกับแม่ฝากให้เขาช่วยดูแลเธอ เธออยากจะบอกว่าตัวเองโตแล้ว ไม่ต้องเป็นภาระหรือมีใครคอยดูแลก็ได้ แต่ก็ไม่กล้าแย้งผู้ใหญ่
วันนี้เป็นวันหยุด ตระการตาลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ แอบเหงาเล็กน้อย เมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านพร้อมกัน แม้จะมีคนรับใช้แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในครัวและงานบ้าน จะมีก็แค่ป้าอรเท่านั้นที่คอยมาถามไถ่เรื่องการกินอยู่
“คุณหนูจะรับอาหารเช้ามั้ยคะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ ป้าจะทำให้”
“ตวงขอน้ำส้มกับแซนด์วิชก็พอค่ะป้าอร”
“ค่ะคุณหนู คุณหนูรอสักครู่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ป้าอรผละไปเตรียมอาหารเช้า ตามที่ตระการตาบอก จากนั้นไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของตระการตาก็ดังขึ้น เธอมองดูเบอร์ ก่อนจะกดรับเมื่อเห็นว่าคนที่โทร.มาคือปกรณ์นั่นเอง
“ว่าไงปาร์ค”
“วันนี้ว่างมั้ยตวง” เสียงปกรณ์ตอบมาตามสาย ฟังดูเหมือนเพื่อนโทร.หากันปกติ แต่คนโทร.มารู้ดีว่าเขารู้สึกกับตระการตาเกินเพื่อน
“ว่างสิ วันนี้วันหยุด ไม่ได้ทำอะไร พ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ พี่เตก็ยังไม่กลับ”
“งั้นเราชวนไปเที่ยวได้ป่ะ”
“เที่ยวที่ไหน มีใครไปมั่ง อินกับกุลไปด้วยมั้ย”
“เราชวนแกคนเดียว เราจะพาแกไปเที่ยวเขื่อนที่เมืองกาญจน์”
“ทำไมไม่ชวนสองคนนั้นไปด้วยล่ะ หรือว่าชวนแล้วแต่ไม่ว่างกัน”