๑.๑ คน(เคย)นอกสายตา
๑
คน(เคย)นอกสายตา
เจ็ดปีผ่านไป...
ตอนนี้ตระการตาเรียนอยู่ปีสี่แล้ว เธอมีความสุขขึ้นมากตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย มีสังคมแบบใหม่ มีเพื่อนที่ใจกว้าง สนุกสนานเฮฮา ทำกิจกรรมและเรียนไปด้วยกัน ไม่มีเรื่องให้เครียดให้คิดมาก เหมือนตอนเรียนมัธยม และด้วยความที่เป็นคนสวยบวกกับครอบครัวฐานะดี ทำให้มีคนเข้ามาจีบตระการตามากมายหลายคน แต่เธอก็ยังไม่ตอบตกลงเป็นแฟนกับใครแบบจริงๆ จังๆ เสียที ใครต่อใครต่างมองว่า เป็นเพราะเธอสวยเลือกได้ ทว่าคนเหล่านั้นต่างไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าคืออะไร
“ตวงกลับบ้านเลยป่ะ” อินทุอรซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มถามขึ้น ขณะที่เธอกับเพื่อนๆ อีกสี่ห้าคนเดินออกจากห้องเรียนมาด้วยกัน
“ทำไมเหรออิน”
“เปล่า ว่าจะชวนไปกินชาบูกัน เนี่ย วันนี้ไอ้ปาร์คมันเลี้ยง” อินทุอรบุ้ยปากไปทางปกรณ์ซึ่งอาสาจะเป็นเจ้ามื้อเลี้ยงเพื่อนๆ ในกลุ่ม
“จริงอะ” ตระการตาถามปกรณ์แล้วยิ้มบางๆ
“อื้อ” ปกรณ์พยักหน้า แม้จะเป็นคำตอบรับที่สั้นๆ แต่ก็หนักแน่น
“งั้นเราไปด้วย วันนี้พวกเราจะถล่มปาร์คให้กระเป๋าแห้งเลย” ตระการตาตอบตกลงและยิ้มไปทางคนที่จะเป็นเจ้ามือ เพราะตัวเองก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ บ้าง พ่อกับแม่คงไม่ว่าอะไร และที่ผ่านมาเธอก็เป็นเด็กดีมาตลอด
“เต็มที่ได้เลยตวง วันนี้เราเลี้ยงไม่อั้น” ปกรณ์แอบหัวใจพองโตด้วยความดีใจ เมื่อตระการตาตอบตกลง ความจริงเขาแอบคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวมาสักพักแล้ว โดยที่เพื่อนๆ ในกลุ่มไม่มีใครรู้ ซึ่งถึงแม้ว่าตระการตายังไม่ตอบตกลงคบเขาเป็นแฟน และยังไม่เคยไปไหนมาไหนกับเขาแบบสองต่อสองสักครั้ง แต่เขาก็คือผู้ชายที่เธอสนิทด้วยที่สุดในเวลานี้
“แหงละ แกมันรวย พวกเรากินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก โดยเฉพาะไอ้ตวงที่กินน้อยยังกะแมวดม” กุลจิราแทรกขึ้นบ้าง และนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดทางให้ตัวเองโดนแซว
“ไอ้ตวงมันกินเหมือนแมวดม ส่วนแกกินเหมือนอะไรดี”
“ไอ้ปาร์ค! เดี๋ยวเหอะ อย่างฉันเรียกน้องช้างสมบูรณ์โว้ย” กุลจิราตอบโต้แบบฮาๆ ทำให้บรรยากาศในกลุ่มเต็มไปด้วยความชื่นมื่นขึ้นกว่าเดิม
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงเตรียมเดินทาง โดยกุลจิรากับอินทิราจะนั่งไปกับตระการตา ส่วนปกรณ์ขับคนเดียว แต่ยังไม่ทันจะแยกย้าย เสียงโทรศัพท์มือถือของตระการตาก็ดังขึ้น มือเล็กรีบกดรับเมื่อเห็นว่าคนที่โทร.มาคือแม่ของเธอนั่นเอง
“ว่าไงคะแม่”
“ตวงเลิกเรียนยังลูก” เสียงของคนเป็นแม่แว่วมาตามสาย แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่คุณปาริชาติจะโทร.หาลูกสาวอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงของแม่เหมือนไม่ได้โทร.มาไถ่ถามแบบธรรมดาเหมือนทุกครั้ง
“เลิกแล้วค่ะ แม่มีอะไรคะ”
“ตวงไม่มีธุระต่อที่ไหนใช่มั้ยลูก แม่มีเรื่องจะให้ตวงช่วยหน่อย” มารดาถามและสรุปแบบรวบรัด คล้ายกับมัดมือชกกลายๆ ว่ายังไงซะตระการตาก็ต้องไปทำธุระให้
“เรื่องอะไรเหรอคะ ตวงกำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“แม่จะให้ตวงไปรับพี่ปีย์ที่สนามบินให้หน่อย”
คำว่า ‘พี่ปีย์’ ทำให้หัวใจของตระการตากระตุกผิดจังหวะไปชั่วขณะ นานมากแล้วที่เธอพยายามจะไม่เอ่ยถึงหรือหลีกเลี่ยงที่จะได้ยินชื่อนี้
“ทำไมต้องเป็นตวงคะแม่”
“ก็คนขับรถของคุณพ่อน่ะสิลากลับบ้านฉุกเฉิน เพราะเมียจะคลอดลูก ส่วนคุณยุทธกับคุณวรรณก็พาพี่เตกับหนูดีไปแจกการ์ดที่ต่างจังหวัด แม่ก็เลยต้องรบกวนตวงนี่ละ”
“ทำไมไม่ให้เขามาแท็กซี่ล่ะคะ แท็กซี่เยอะแยะไป” ตระการตาเกี่ยงเพราะไม่อยากเผชิญหน้าและไม่พร้อมจะเจอคนที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างอชิระ
“ได้ไงลูก แม่รับปากคุณวรรณเอาไว้แล้ว ถ้าคุณวรรณรู้ว่าลูกชายเขาต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง ทั้งๆ ที่แม่รับปากเอาไว้ดิบดีแล้วแท้ๆ ว่าจะเป็นธุระให้ แม่คงจะสู้หน้าคุณวรรณไม่ได้”
ตระการตาหนักใจกับคำสั่งของมารดาไม่น้อย อชิระกลับมาจากต่างประเทศในวันนี้ เพื่อมาร่วมงานแต่งของเตชินท์พี่ชายเธอกับอนุรดีน้องสาวของเขา ซึ่งการแต่งงานของทั้งสองจะทำให้บ้านเธอกับบ้านเขาเกี่ยวดองกัน ทำให้เธอกับอชิระต้องกลายเป็นญาติกันโดยปริยาย ทั้งๆ ที่เธอไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเขาสักนิด