บทที่ 4
บทที่ 2
ฉัตรทิพย์ไม่อยากให้ถึงวันกำหนดเส้นตายจากผู้เป็นเจ้าของบริษัทแม้แต่นิดเดียว เพราะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แน่นอนว่าคำตอบของเธอคงไม่เป็นที่โสภากับผู้ที่รอคอยคำตอบ
และในวันนี้ก็นั่งทำงานด้วยใจไม่เป็นสุข ราวกับนั่งอยู่บนกองไฟก็ไม่ปาน ดวงตาทั้งคู่จ้องมองงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์สลับกับมองประตูห้องทำงาน เพราะเกรงว่าอรุณีจะมาตามเธอให้ไปพบอัลมาดิโน และคราใดที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก็สะดุ้งตกใจไม่แพ้กัน ยกหูโทรศัพท์มารับแบบกล้าๆ กลัวๆ กลัวว่าคนที่โทร.มาจะเป็นอรุณีหรือไม่ก็อัลมาดิโน
“อยากหนีกลับบ้านจริงๆ” ฉัตรทิพย์พึมพำกับตัวเอง นอกจากหวาดกลัวว่าจะถูกตามตัวให้ไปพบกับอัลมาดิโนแล้ว ยังต้องหลบเลี่ยงการแทะโลมจากถนิตด้วย ซึ่งขยันเดินมาสั่งงานที่โต๊ะของเธอและก็ตีเนียนแตะเนื้อต้องตัวในยามสั่งงาน
ผ่านไปครึ่งวัน ยังไม่ถูกเรียกไปพบ แต่แล้วในตอนบ่าย อรุณีก็มาเรียกฉัตรทิพย์ให้ไปพบอัลมาดิโนในที่สุด
“ฉัตรทิพย์ บอสให้ไปพบเดี๋ยวนี้ รีบๆ ไป บอสรอเธออยู่” อรุณีออกคำสั่งเสียงห้วน จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำ
งานของฉัตรทิพย์ในทันที
คนที่ได้รับคำสั่งถึงกับทำปากกาในมือหล่นลงพื้น มือไม้เย็นเฉียบหน้าถอดสีซีด และขณะลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานลอยมากระทบโสตประสาท
“แหม! อิจฉาพวกกระดังงาลนไฟจริงๆ เช้าหัวหน้ามาหา ตกบ่ายบอสก็เรียกหา ทำไม๊ ทำไมสาวโสดอย่างฉันหรือพวกเธอไม่มีใครสนใจสักคน”
“นั่นนะสิ ไม่มีใครมาสนใจฉันเหมือนกัน แต่กับพวกแม่ม่ายนี่สนใจดีชะมัด”
ฉัตรทิพย์หน้าเสียกับคำเหน็บแนม แม้ไม่มีการกล่าวชื่อของคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อของการชิงชัง แต่เธอก็รู้ว่าพนักงานสาวทั้งสองกำลังพูดถึงเธอ พอเดินพ้นจากห้องทำงานและอยู่ในลิฟต์แล้วก็ต้องบีบมือตัวเองแน่น เพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เมื่อต้องให้คำตอบที่อัลมาดิโนไม่ต้องการ
อัลมาดิโนนั่งสูบซิก้าร์อย่างใจเย็นขณะรอการมาถึงของฉัตรทิพย์ แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าวันนี้ต้องได้รับคำตอบตามที่เขาต้องการ และเขาจะพาฉัตรทิพย์ไปเสวยสุขในวิมานที่เขาสร้างไว้ในทันที แต่! ถ้าหากฉัตรทิพย์ปฏิเสธ เธอก็จะได้รู้ถึงเงื่อนไขใหม่ ที่เธอจะไม่กล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ แม้แต่คำเดียว
“มาแล้วหรือฉัตรทิพย์” อัลมาดิโนเอ่ยถามขณะจ้องมองตั้งแต่นาทีแรกที่ฉัตรทิพย์เดินเข้ามาในห้องทำงาน ดวง
ตาทั้งคู่เผยความหิวกระหายให้เห็นอย่างชัดเจน “นั่งลงที่โซฟาสิ” อัลมาดิโนพยักพเยิดยังโซฟาหนังราคาแพงที่อยู่ตรงมุมห้อง จากนั้นก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งแนบชิดกับร่างบางของลูกน้องด้วย
ฉัตรทิพย์เหลือบสายตามองโซฟา ไม่อยากนั่งบนโซฟาเพราะรู้ว่าจะเป็นการเปิดทางให้อัลมาดิโนแตะต้องตัวเธอได้ง่าย แต่เมื่อไม่มีทางเลี่ยงจึงจำต้องนั่งลงในที่สุด
“ว่ายังไง วันนี้จะตอบรับข้อเสนอของผมได้หรือยัง” ขณะเอ่ยถาม อัลมาดิโนก็ยกมือลูบไล้ทั่วต้นขาที่โผล่พ้นขอบกระโปรง เท่านั้นยังไม่พอ ยังบีบต้นขาของฉัตรทิพย์เพื่อเป็นการยั่วยุปลุกอารมณ์ด้วย
ฉัตรทิพย์พยายามปัดมือของอัลมาดิโนให้พ้นตัว ขณะเดียวกันก็เบี่ยงตัวหนีให้พ้นจากใบหน้าของเจ้านายจอมชีกอ ที่ลดลงเข้าหาใบหน้าของเธอด้วย
“เมื่อไรจะตอบผมสักที” อัลมาดิโนเร่งเร้าเอาคำตอบ ทว่ายังไม่เปิดโอกาสให้ฉัตรทิพย์พูด ก็ออกปากแกมขู่ไปในตัว “หวังว่าผมจะได้รับคำตอบที่ทำให้ชื่นใจ”
“ฉันจะไม่เป็นเมียเก็บของคุณ ไม่ยอมขายศักดิ์ศรีของความคน ไม่ยอมทำผิดศีลธรรมทำลายครอบครัวของคนอื่นด้วยการเป็นเมียน้อยของคุณ”
จากที่ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยแทบตลอดเวลา พอได้รับคำตอบอันไม่โสภา สีหน้าของอัลมาดิโนก็เริ่มมีเลือดวิ่งวนด้วยความโกรธ มือใหญ่ที่ลูบไล้ตรงต้นขาก็เปลี่ยนเป็นขย้ำเต็มแรงขณะเจ้าตัวเค้นถามเสียงห้วน
“ทำไม! ทำไมถึงไม่ยอมเป็นเมียเก็บของผม ศักดิ์ศรีมันกินได้หรือฉัตรทิพย์ เป็นเมียของผม คุณจะสบายทั้งชาติ”
“ฉันยอมลำบาก อดมื้อกินมื้อดีกว่าเป็นเมียเก็บของบอสค่ะ” ฉัตรทิพย์ยืนกรานคำเดิม และก็ต้องนิ่วหน้าเพราะ
ความเจ็บ เมื่ออัลมาดิโนเพิ่มน้ำหนักมือบีบต้นขาของเธอแรงกว่าเดิมจนเจ็บทั่วบริเวณ
“ยอมลำบาก” อัลมาดิโนทวนคำ เริ่มบีบให้ฉัตรทิพย์ทำตามข้อตกลงของตน “นั่นหมายความว่าคุณยอมเตะฝุ่นไม่มีงานทำยังงั้นหรือ”