บทที่ 3 สาวชาวไร่
“งั้นหย๋าไปดูก่อนนะคะ เดี๋ยวจะกลับมาคุยกับลุงอีกทีนะคะ” หนูหย๋าของลุงสินก็ปีนขึ้นหลังพี่คล้าวอย่างคล่องแคล่วแล้วควบออกไปเพราะเขมรัฐไปถึงก่อนเธอแล้ว
มัสหยาผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งตัวเล็กบอบบางแต่แข็งแรงเหมือนผู้ชายอกสามศอกเพราะเธอเป็นเด็กชาวไร่ที่คลุกคลีกับสวนกับไร่มาตั้งแต่เด็กและหัดทำทุกอย่างจนเธอชอบละเลือกเรียนเกษตรในมหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่และมีชื่อเสียงเรื่องความสามารถจนรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยชอบมาขลุกฝึกงานและมาเรียนรู้ภาคปฏิบัติที่ไร่บงกชเป็นประจำและแม่นายก็สนับสนุนมัสหยาสอนรุ่นน้องของเธอแม้แต่อาจารย์ยังต้องมาขอความช่วยเหลือยามที่จะให้นักศึกษาปฏิบัติจริง
“ว่าไงไอ้เขม แกว่าเรารอก่อนดีมั้ย” ลูกพี่เดินนำไปดูผลลิ้นจี่แปลงที่จะเก็บในวันพรุ่งนี้
“ผมว่าเรารอดีกว่าครับพี่หย๋า ถ้าเก็บตอนนี้เราคงโดนกดราคาดูสิครับบางพวงมันยังติดลูกสีเขียวอยู่เลยครับ” ลูกน้องชี้ให้เธอดูว่ามันยังไม่แก่สียังไม่แดงมากพอที่จะเก็บเลย
“งั้นเราเก็บลำไยก่อนเดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกที่โรงงานว่าเรายังไม่เก็บลิ้นจี่แต่จะเก็บลำใยให้หมดก่อนแล้วค่อยเก็บลิ้นจี่ทีหลัง” ลูกพี่บอกลูกน้องหลังตัดสินใจแล้วว่ายังไม่เก็บลิ้นจี่
“ครับลูกพี่ เดี๋ยวผมจะไปบอกหัวหน้าให้ครับ” ชายหนุ่มเรียกพ่อของเขาว่าหัวหน้าซึ่งเขมรัฐก็ชอบล้อเลียนพ่อของเขาเป็นประจำเมื่อเสร็จเรื่องผลไม้แล้วก็เหลือแปรงผักที่มีคนงานอีกกลุ่มหนึ่งและมีน้องนักศึกษามาฝึกงานช่วยดูแลให้เธอจึงไม่ห่วงมัสหยาใส่ใจเรื่องงานอย่างละเอียดละออทุกงานในไร่
“แกจะไปดูอ่างเก็บน้ำกับพี่หรือเปล่าเขม” ผู้จัดการสาวคนขยันถามลูกน้องที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเพราะเขมรัฐไม่ยอมปล่อยพี่สาวคนสวยที่ไม่สนใจความสวยของตัวเองสักเท่าไหร่ไปไหนคนเดียวแม้ว่าจะอยู่ในไร่ก็ตาม
“ไปสิครับ เดี๋ยวผมขับตามลูกพี่ไปนะครับ” ไอ้เขมบอกลูกพี่เสร็จเขาก็เดินไปที่รถแล้วขับตามมัสหยาไปจนถึงอ่างเก็บน้ำที่แบ่งมาจากไร่ของเพื่อนรัก
“พี่ว่าเราขุดสระน้ำเพิ่มดีมั้ยเขม หน้าแล้งที่ผ่านมาเราเกือบไม่มีน้ำรดผักเลยนะ” เธอหันมาคุยกับลูกน้องที่มองไปทั่วบริเวรรอบสระเก็บน้ำขนาดใหญ่ของไร่
“ดีครับ ผมว่าจะคุยกับลูกพี่ก่อนแล้วเราก็ไปคุยกับแม่นาย” ชายหนุ่มบอกมัสหยาเพราะเขาก็คิดไว้นานแล้วแต่ปีที่แล้วมันแล้งไปจึงทำให้สวนผักได้รับความเสียหายถึงไม่เยอะมันก็เป็นประสบการณ์ให้พวกเขาต้องคิดกันอย่างรอบคอบก่อนจะเสนอแม่นาย
“งั้นเดี๋ยวพี่ค่อยไปคุยกับแม่นายก่อนว่าท่านจะเห็นด้วยกับเราหรือเปล่า”
“หย๋า หย๋า..” สุปรียาเรียกเพื่อนสาวเสียงดังเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของไร่ศรีภักดีมีพี่ชายหนึ่งคนพี่พันหรือ พันแสง ศรีภักดีวัย30ปีแอบชอบเพื่อนรักของน้องสาวแต่ไม่กล้าออกตัวเพราะมัสหยานับถือเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง เขาใจดีช่วยเหลือให้คำปรึกษาทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานกับมัสหยาจึงสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
“อ้าว ปรียาแกมาทำอะไรริมรั้วล่ะนั่น” หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมองก็เห็นเพื่อนรักยืนคู่กับม้าคู่ใจอยู่ริมรั้วก็เดินไปหา
“ฉันพาพี่แบ็คมาวิ่งเล่นได้ยินเสียงรถก็เลยมาดูว่าใครมาทำอะไรแถวนี้น่ะสิ”
“หย๋ามาดูสระน้ำน่ะกำลังคิดว่าจะขุดสระเพิ่มแต่ยังไม่ได้คุยกับแม่นายเลย”
“แกจะขยันไปไหนเนี่ยยัยหย๋า ที่ไร่แกแทบจะไม่มีที่ให้ทำแล้วนะแต่ที่ไร่ฉันยังว่างมากมาทำมั้ยล่ะ คิกๆ”
“ว่าแต่หย๋าที่ไร่แกก็เหมือนกันแหละ เอ่อ ได้ข่าวว่าพี่พันจะทำฟาร์มม้าเหรอปรียา”
“ใช่แก ตอนนี้พี่พันกำลังศึกษาเรื่องม้าอย่างจริงจังแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่เห็นว่ากำลังให้คนออกแบบคอกม้าหรืออะไรของเค้าอยู่นี่แหละ ชอบละสิแก” สุปรียารู้ว่าเพื่อนรักชอบม้าเป็นที่สุด
“ก็ดีไง เผื่อพี่คล้าวไม่สบายหรืออะไรหย๋าจะได้ฝากให้พี่พันช่วยดูให้ไง คิกๆๆ” สุปรียามองเพื่อนรักที่ช่างไม่รู้อะไรเลยและพี่ชายเธอก็ไม่ยอมรุกไม่ยอมจีบอย่างจริงจังสักทีกลัวแต่ว่าถ้าบอกไปความสัมพันธ์พี่น้องที่มีมาแต่เด็กจะไม่เหมือนเดิมขอช่วยเหลือดูแลมัสหยาก็พอแล้ว
“แล้วแกไม่อยากมาเป็นคนไร่ศรีภักดีบ้างเหรอหย๋า” เสียงของสุปรียาดังขึ้นอย่างจริงจังเล็กน้อยจนมัสหยารู้สึกได้
“หย๋ากลัวฟ้าฝ่าว่ะ เป็นพี่น้องกันจะมาคิดอย่างนี้ได้ยังไงแกอย่างพูดให้พี่พันได้ยินนะเดี๋ยวสาวๆของพี่พันจะเข้าใจผิดนะปรียา” มัสหยาตอบเพื่อนทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพันแสงชอบเธอล่ะ แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้จะดีกว่าเพราะเธอรักและนับถือพันแสงเหมือนพี่ชายคนหนึ่งจริงๆและสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วยจึงวางเขาไว้ตรงนั้นมาตลอดและไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสถานะ
“เออ ๆ พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่าล่ะ เราเข้าเมืองกันไหมอาทิตย์นี้ยังไม่ได้ไปรีแล็กซ์เลยอ่ะ เหงาเป็นบ้าเลยไปเมาท์กับนายไผ่กันสักวันดีมั้ยหย๋า” คุณหนูแห่งไร่ศรีภักดีชวนเพื่อนรักไปเที่ยวในเมืองเพราะปกติจะไปกันแทบทุกอาทิตย์แต่สองอาทิตย์มาแล้วที่มัสหยาไม่ได้ไปเพราะที่ไร่บงกชกำลังเก็บผลผลิตจึงทำให้ผู้จัดการไร่คนสวยไม่ว่าง
“วันมะรืนได้ไหมอ่ะแก พรุ่งนี้งานก็เสร็จแล้ว” ผู้จัดการไร่นิ่งคิดแล้วตอบสุปรียาพรุ่งนี้เก็บลำไยเป็นแปลงสุดท้ายและก็เหลือแต่ผักสวนครัวที่มีลุงสินคอยดูแลอยู่จึงไม่มีปัญหาถ้าเธอจะขอแม่นายหยุดสักวัน
“ได้ๆ งั้นแกไปทำงานเถอะ ปรียาจะพาพี่แบ็ควิ่งเล่นอีกสักสองรอบก็กลับบ้านแล้ว บายจ้าคุณผู้จัดการคนสวย”
“บายจ้าคุณหนูปรียา” เมื่อปรียาควบม้าออกไปมัสหยาก็เดินกลับไปหาเขมรัฐที่กำลังมองวิเคราะห์สถานที่จะขุดสระเพิ่ม
“ลูกพี่ผมว่าเราขุดสระใกล้ๆกันดีกว่านะครับแล้วทำร่องน้ำเชื่อมติดกันเวลาเราจะใช้น้ำจะได้ไม่ขุดร่องน้ำเพิ่ม” ลูกน้องถามความเห็นของลูกพี่ที่คุยกับเพื่อนเพลิน
“ดีว่ะเขม ตอนแรกพี่ว่าจะขุดอีกฝั่งหนึ่งเพื่อแยกกันแต่เราต้องขุดร่องน้ำเพิ่มแต่ถ้าทำแบบที่แกว่าเราก็ประหยัดไปเยอะเลย” ลูกพี่เห็นด้วยเพราะไม่งั้นต้องใช้งบเยอะในการขุดร่องน้ำไปหาแปลงผักอีก
“ผมว่าเราเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไข่เพิ่มดีมั้ยลูกพี่ ทำเล้าไก่กลางสระในสระเราก็เลี้ยงปลาเป็นทั้งอาหารและขายได้ด้วยครับ” เขมรัฐเสนอลูกพี่ตามที่เขาคิดไว้เพราะมีประโยชน์กับทุกคน
“แกนี่สรรหามาให้พี่เหนื่อยเพิ่มอีกแล้วนะเขม แต่พี่เห็นด้วยว่ะคนงานในไร่จะได้ประหยัดค่าอาหารกันได้อีกเยอะเลย” ผู้จัดการไร่คนขยันก็มีไอเดียมากมายในหัวเมื่อลูกน้องจุดประเด็นขึ้นมาให้เธอคิดสานต่อเมื่อก่อนเธอก็เคยคิดแต่ทำคนเดียวไม่ไหวแต่ตั้งแต่เขมรัฐมาช่วยงานเธอเต็มตัวก็มีเพื่อนคิดถึงชายหนุ่มจะอายุยังน้อยแต่เขามีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ที่คิดได้ขนาดเธอบางทียังคิดไม่ออกเลย
“งั้นกลับกันเถอะ พี่จะได้ไปคุยกับแม่นายกลับมาจากอิตาลีเราจะได้ลงมือทำกันเลย” ผู้จัดการไร่คนขยันไฟแรงชวนลูกน้องกลับเพราะเธอจะได้ไปเคลียบัญชีให้เสร็จแล้วเอาไปส่งแม่นาย
ลูกพี่กับลูกน้องก็พากันกลับโดยที่มัสหยาขี่ม้าไปตามทางลัดที่เป็นสวนผักที่อยู่ติดแนวรั้วโล่งมองเห็นบ้านหลังใหญ่อยู่ไกลๆ แล้วมองคนงานที่กำลังถอนหญ้าในแปลงผักและทักทายไปตลอดทาง