บทที่ 2 รางวัลคนเก่ง
“ไม่ได้จ้ะ ข้าวของเครื่องใช้ไม่ต้องเอาไปเยอะไปซื้อเอาที่นั่นเลยแม่นายจะให้โบนัสพิเศษคนละก้อนเอาไว้ใช้จ่ายตอนอยู่ที่โน่นเผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเอาเพราะกินอยู่ทุกอย่างแม่บี๋เขาจะจัดการให้ทั้งหมด” แม่นายพูดยึดยาวจนลูกพี่กับลูกน้องคนสนิทรับปากแม่นายเพราะท่านเป็นคนเด็ดขาดพูดคำไหนคำนั้น
“ค่ะแม่นาย /ครับแม่นาย”
“งั้นจะทำอะไรก็ไปกันเถอะแม่นายจะเอนหลังสักหน่อย อ้อ หย๋าเรียกยายแม้นให้แม่นายด้วยนะ” เสียงแม่นายพูดตามหลังมัสหยากับเขมรัฐ ที่ทำหน้ายุ่งเดินลงไปหายายแม้นในครัว
“ยายจ๋า แม่นายเรียกจ้า” ลงบันไดมาก็เจอยายแม้นพอดีมัสหยาจึงบอกให้ท่านขึ้นไปหาแม่นาย
“น้องหย๋าเป็นอะไรคะทำหน้าเหมือนคนท้องผูกเลยค่ะ” พี่แตงถามน้องสาวคนสวยที่ทำหน้าบูดเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับลูกน้องคนสนิทที่ตามติดกันเป็นตังเม
“ก็แม่นายน่ะสิคะ จะให้หย๋ากับไอ้เขมไปเที่ยวบ้านแม่บี๋ที่ซิซิลีน่ะสิคะ” มัสหยาตอบพี่แตงทำหน้าเซ็ง
“ดีสิน้องหย๋า แม่นายใจดีจังเลยพี่อยากไปบ้างอ่ะ” พี่แตงดีใจกับน้องสาวที่เห็นกันมาแต่เด็กจะได้ไปเมืองนอกกับเขา
“แต่หย๋าไม่อยากไปนี่คะ ถ้าหย๋าไปใครจะดูงานที่ไร่ให้ละคะ”
“นั่นสิลูกพี่ งั้นผมอยู่ทำงานแทนให้ลูกพี่ไปคนเดียวก็แล้วกันนะครับ” ไอ้คนกลัวเครื่องบินรีบบอกลูกพี่ทันทีเสนอตัวทำงานให้อย่างแข็งขัน
“นี่ไอ้เขม โอกาสมาถึงแล้วยังเล่นตัวอีกได้ไปเทียวเมืองนอกเมืองนาฟรีๆไม่ชอบเหรอทำไมแม่นายไม่ให้พี่ไปแทนไอ้เขมนะ ฮึ่ยย เสียดายจริงๆ” พี่แตงบ่นให้ว่าที่ลูกเขยเพราะเขมรัฐขยันขันแข็งทำงานรักครอบครัวและเป็นเด็กดีคนหนึ่งถ้าไม่ดีแตกซะก่อนก็คงจะได้เป็นลูกเขยเธอ
“โธ่ แม่แตงครับก็ผมกลัวเครื่องบินนี่ครับเกิดมายังไม่เคยขึ้นเลย เกิดมันลอยอยู่ดีๆแล้วมันตกล่ะน่ากลัวออก” เขมรัฐบอกเหตุผลที่เขาไม่อยากไปเมืองนอก
“เออ ก็จริงของแกนะไอ้เขม ข้าก็ไม่เคยขึ้นเครื่องบินเหมือนกันพูดไปมันก็น่ากลัวเหมือนกันเนาะ” พี่แตงเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อได้ฟังเหตุผลของเขมรัฐ
“ไม่ได้ยังไงแกต้องไปกับพี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ย่ะไอ้น้องเขมที่รัก เพราะมันเป๋นกำสั่งของแม่นายเข้าใจ๋ก่อ” สาวแสบพ่นคำเมืองออกมาเธอทำได้ทุกอย่างขอแค่แม่นายบอกมาจะให้ขึ้นเขาลงห้วยเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณแม่นายที่เลี้ยงดูเธอมา
“แล้วลูกพี่จะบ่นทำไมล่ะครับ”
“พี่ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ เฮ้อ หิวจังพี่แตงมีอะไรให้หย๋ากินบ้างคะ ตั้งแต่เช้าหย๋ากินกาแฟไปแก้วเดียวเองคะ” สาวแสบช่างอ้อนถามพี่แตงที่ทำอาหารไว้พร้อมตลอดเพราะคนที่บ้านนี้กินข้าวไม่เป็นเวลายกเว้นมื้อค่ำที่แม่นายบังคับให้เธอมากินด้วยทุกมื้อ
“ลูกพี่จะไปดูลิ้นจี่ที่จะเก็บพรุ่งนี้มั้ยครับ” ลูกพี่กับลูกน้องนั่งกินข้าวด้วยกันแล้วคุยกันเรื่องงานเพราะไร่บงกชมีมัสหยาเป็นคนจัดการงานของไร่ทั้งหมดส่วนเขมรัฐคอยดูแลเรื่องปุ๋ยเรื่องยาเวลามันออกดอกแล้วแมลงชอบมากินและทำปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อใช้ในไร่ทั้งหมด เด็กหญิงเด็กชายสองคนที่แม่นายเห็นมาตั้งแต่เด็กและส่งเสียให้เรียนหนังสือเข้ามหาวิทยาลัยจนเรียนจบแล้วมาช่วยท่านดูแลบริหารไร่จึงทำให้ท่านภูมิใจในตัวของมัสหยากับเขมรัฐมากที่ไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
“ฮื่อ ไปสิจะได้ดูด้วยว่าจะให้เก็บถึงแปลงไหนเพราะบางแปลงลูกมันยังไม่โตไม่เท่ากันถ้าเก็บไปมันไม่ได้ราคา” ลูกพี่พูดเป็นงานเป็นการและกินอาหารไปด้วย
“แต่ผมว่าเราน่าจะเร่งเก็บลำไยก่อนนะครับ เพราะลิ้นจี่ยังมีเวลาเราไปแค่สิบวันเองกลับมาคงเก็บได้พอดีครับ” ลูกน้องก็รู้งานเวลาทำงานเขมรัฐก็จริงจังกับงานไม่มีเล่นแต่เวลานอกงานเขาก็ทำตัวเป็นเด็กตามลูกพี่ต้อยๆประเภทถึงไหนถึงกัน
พี่แตงฟังลูกพี่กับลูกน้องคุยกันเรื่องงานแล้วยิ้มเธอชอบเขมรัฐก็ตรงนี้แหละเวลาทำงานเขาจริงจังมากไม่มีแหลาะแหละมีความรับผิดชอบสูงไม่กินเหล้าสูบบุหรี่
“ขอบคุณค่ะพี่แตง หย๋าไปทำงานก่อนเย็นๆถึงจะกลับหย๋าว่าจะไปดูน้ำที่ฝายด้วย ฝากบอกยายกับแม่นายด้วยนะคะ” พูดจบมัสหยาก็เดินออกไปพร้อมกับเขมรัฐเพื่อไปดูลิ้นจี่แปลงที่เก็บได้
“ลูกพี่จะเอาคันไหนไปครับ”
“ฉันจะไปกับพี่คล้าวแกก็ขับรถตามมาละกัน” ลูกพี่เดินเลี่ยงไปที่คอกม้าของเธอที่แม่นายซื้อพี่คล้าวให้เป็นของขวัญตอนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ตอนแรกแม่นายจะซื้อรถให้แต่เธอไม่เอาบอกว่ารถที่ไร่มีเยอะแยะแล้วเธอจึงบอกแม่นายว่าอยากได้ม้าเพราะชอบไปขี่ม้าที่ไร่ศรีภักดีของสุปรียา ศรีภักดีหรือปรียาเพื่อนรักบ่อยๆเธอจึงอยากมีม้าเป็นของตัวเองและพยายาจะเก็บเงินซื้อแต่แม่นายซื้อให้ก่อนมัสหยาจึงมีม้าเป็นของตัวเองรวมทั้งคอกม้าที่แม่นายสร้างให้ก็เสียเงินไปเยอะเหมือนกันจนเธอเกรงใจและช่วยทำงานในไร่ให้ท่านเต็มที่
“ไปวิ่งเล่นกันดีกว่านะพี่คล้าว” มือบางแต่หยาบกร้านเพราะทำงานไร่ลูบหัวพี่คล้าวแล้วเอาอาหารเสริมเม็ดเล็กให้มันกินแล้วจูงออกมาจากคอก
“หนูหย๋าจะไปไหนครับ” ลุงกอบคนดูแลม้าถามผู้จัดการไร่ที่มาจูงม้าของเธอออกไป
“หย๋าจะไปดูลิ้นจี่ที่จะเก็บพรุ่งนี้ค่ะแล้วจะเลยไปดูน้ำที่ฝายหน่อยช่วงนี้ฝนไม่ค่อยตกหย๋าว่าจะสูบน้ำขึ้นรดแปลงมะม่วงค่ะ เพราะมันกำลังออกช่อกลัวมันจะร่วงหมดค่ะ” นี่คือมัสหยาที่คุยได้กับทุกคนเพราะในไร่แห่งนี้อยู่กันอย่างพี่อย่างน้องคนงานจะมีแบบอยู่ประจำในไร่และไปกลับเป็นพวกชาวเขาที่หมดฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่ของตัวเองแล้วก็มารับจ้างต่อพวกเขาไม่อยู่นิ่งเฉย
“ให้ลุงไปเป็นเพื่อนมั้ยครับ” ลุงกอบถามสาวน้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงวันนี้เขายังไม่เห็นลูกน้องของเธอเลย
“ขอบคุณค่ะลุงกอบ หย๋าไปกับไอ้เขมค่ะมันขับรถไปก่อนแล้วงั้นหย๋าไปก่อนนะคะ” ร่างเล็กแต่ไม่ได้บอบบางสอดเท้าเข้าไปที่บังโคลนแล้วเขย่งตัวปีนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่วแล้วควบพี่คล้าวให้ไปตามทางที่เข้าไปในแปลงลิ้นจี่
“สวัสดีค่ะลุงสิน” มัสหยาหยุดม้าแล้วปีนลงมาเมื่อเจอลุงสินพ่อของเขมรัฐที่เป็นหัวหน้าคนงานกำลังช่วยคนงานใส่ปุ๋ยชีวภาพรอบโคนต้นลำใยที่เก็บแล้วเพื่อบำรุงให้มันผลิดอกออกผลนอกฤดูกาลได้สมบูรณ์
“หวัดดีหนูหย๋า ลุงเห็นไอ้เขมมันขับรถเข้าไปที่แปลงลิ้นจี่โน่นแน่ะไม่รู้มีอะไรหรือเปล่า”
“หย๋าจะไปดูลิ้นจี่ที่เราจะเก็บพรุ่งนี้น่ะคะ แต่บางต้นลูกมันยังเล็กอยู่หย๋ากับไอ้เขมจะไปดูก่อนค่ะบางทีเราอาจะเลือกเก็บเอาค่ะ”
“ลุงก็ว่าจะให้ไอ้เขมกับหนูหย๋าไปดูเหมือนกัน ลุงว่ารออีกสักสิบวันแล้วค่อยเก็บนะหนูหย๋า”