บทที่ 1 บ้านไร่บงกช
ณ. บ้านไร่บงกช
บ้านเรือนไทยหลังใหญ่บนเขาโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาบนเนื้อที่สองร้อยกว่าไร่กว้างขวางทั้งที่ราบและภูเขาลูกย่อมๆหลายลูกที่มีทั้งลำใยลิ้นจี่มะม่วงมะปรางและพืชผักผลไม้มากมายนับไม่ถ้วน เจ้าของสวนเป็นหญิงสูงวัยสามีเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุอยู่กับแม่บ้านคนเก่าแก่กับสามีและหลานสาวคนสวยของแม่บ้านเป็นคนดูแลไร่ใหญ่โตแห่งนี้ให้กับแม่นายบัวผัน
“หย๋าเอ้ย อยู่ไหนลูกแม่นายเรียกหาอยู่นะ” เสียงยายแม้นตะโกนเรียกหลานสาวที่กำลังตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานใหญ่ที่แม่นายยกให้เธอเป็นเจ้าของเต็มตัวหลังเรียนจบและมาเป็นผู้จัดการไร่เต็มตัว
“ได้ยินแล้วจ้ายายจ๋า หย๋าจะไปเดี๋ยวนี้จ้า” เสียงหวานตะโกนตอบยายแม้นของเธอแล้วลุกขึ้นเก็บสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายผลไม้ที่ส่งออกไปเก็บบนโต้ะแล้ววิ่งออกไปจากห้อง
“ยัยหย๋า ทำไมไม่เดินลูกจะวิ่งทำไมเป็นสาว..”
“เป็นนางทำไมไม่เป็นกุลสตรีบ้างนะลูก” เสียงหวานพูดต่อล้อเลียนยายแม้นด้วยความสนุกที่ได้แหย่คนแก่เล่นอย่างมีความสุข
“ดู้ดูไอ้หลานคนนี้นี่ ไปเร็วลูกแม่นายเรียกหาไม่รู้ว่ามีธุระอะไร” ยายแม้นบ่นหลานสาวอย่างไม่จริงจังเพราะนางรักมัสหยามาก
“จ้ายายงั้นเดี๋ยวหย๋ามากินข้าวกับยายนะจ้ะ จุ๊บ” พูดจบมัสหยาหอมแก้มเหี่ยวๆของยายแม้นแล้วรีบเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ที่พักผ่อนส่วนตัวของแม่นายตรงชานเรือนยื่นออกมีหลังคาโปร่งลมโกรกเย็นสบายแล้วมองเห็นทิวเขาแนวไร่ที่มีสวนผักผลไม้กว้างใหญ่ของท่านได้อย่างชัดเจนเกือบทั่วทั้งไร่เลยทีเดียว
“แม่นายขาหย๋ามาแล้วค่ะ” เสียงหวานจะนำมาก่อนตัวเจ้าของทุกครั้งเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กเหมือนมัสหยาจะรู้ว่าจะทำยังไงถึงให้ทุกคนรักและเอ็นดูเธออีกอย่างหน้าตาผิวพรรณของมัสหยาก็ไม่เหมือนลูกชาวไร่ชาวสวนเธอเหมือนลูกผู้ดีมีเงินมากกว่าแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใครเพราะแพรไหมไม่ยอมบอก
“มากี่ขาล่ะแม่หย๋า ฮึ” แม่นายบัวผันล้อสาวน้อยของท่านที่เลี้ยงดูฟูมฟักปลูกฝังมาได้ดั่งใจท่านทุกอย่างจึงทำให้ท่านรักมัสหยาเหมือนหลานคนหนึ่งและคนงานในไร่ทุกคนก็รักและให้เกียรติเธอเรียกตามที่แม่นายบอกให้เรียกคุณหย๋า
“โธ่แม่นายขา หย๋าก็มาด้วยสองขานี่แหละค่า แฮะๆ” สาวน้อยจอมทะเล้นตอบแม่นายเบาๆ
แม่นายบัวผันอดขำไม่ได้แม้ท่านจะมีหลานชายหลานสาวแต่ก็อยู่ไกลกันทั้งรักและคิดถึงนานๆถึงจะเจอกันทีอยู่ไม่ทันหายคิดถึงก็กลับกันแล้ว ดีที่ท่านยังมีมัสหยาคอยเหย้าแหย่ให้ท่านหายคิดถึงหลานชายหลานสาวได้มากเลย
“หย๋ายุ่งอยู่หรือเปล่าลูก”
“ไม่ยุ่งค่ะแม่นาย หย๋าตรวจดูบัญชีผลไม้ที่ส่งไปเมื่อเช้าพอดีไปลงที่ตลาดแล้วมันเกินค่ะ พี่เทิดแกโทรมาบอกสงสัยไอ้เขมนับผิดค่ะแม่นาย หย๋าว่าจะหักเงินเดือนมันสักหน่อยไม่งั้นไม่จำค่ะ” มัสหยารายงานแม่นายเสียงแจ๋วๆจนคนที่มาตามลูกพี่สะดุ้งนั่งแมะตรงบันไดจนแม่นายหัวเราะขำลูกพี่กับลูกน้อง
“เอาน่า ปล่อยไปบ้างเถอะลูก อย่าไปหักเงินมันเลยเจ้าเขมมันจะได้มีเงินเก็บไปขอเมียน่ะ” แม่นายพูดอย่างใจดีท่านรู้อยู่แล้วว่ามัสหยาพูดไปอย่างนั้นแหละเพราะอย่างนี้ทำให้คนงานเชื่อฟังเธอ
“ใช่ครับแม่นาย พี่หย๋าเอะอะก็หักเงินอย่างเดียวเลยครับ แล้วลำไยเป็นพันกล่องผมก็ตาลายบ้างสิครับเกินไปนิดหน่อยเองครับ” ไอ้เขมถือโอกาสฟ้องแม่แม่นานเพราะลูกพี่เอาแต่ขู่เขาจนใส้หดแล้วเพราะกลัวไม่มีเงินไปขอน้องพริกหวานลูกสาวพ่อเทิด เขมรัฐ หรือไอ้เขมเป็นลูกชายของลุงสินหัวหน้าคนงานในไร่บงกชรุ่นเดียวกับตาปลั่งของมัสหยาและยังเป็นเพื่อนกันด้วย
“ไม่ต้องมาฟ้องแม่นายเลยไอ้เขมแล้วมานี่มีอะไรล่ะ” สาวน้อยหันไปมองลูกน้องคนสนิทที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกจนเรียนจบปวส.สาขาการเกษตรเหมือนเธอแต่อ่อนกว่าห้าปีแล้วไม่ยอมเรียนต่อกลับมาช่วยงานในไร่
“แม่นายเรียกมาเองจะได้คุยพร้อมกันเลย”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะแม่นาย”
“แม่นายจะให้แม่หย๋ากับเจ้าเขมไปเที่ยวเกาะซิซิลีสักสิบวันดีไหม” แม่นายพูดจบมองสองหนุ่มสาตรงหน้าแล้วยิ้ม
ลูกพี่กับลูกน้องนั่งนิ่งไปคิดไม่ถึงว่าแม่นายจะให้ไปเที่ยวก็อยู่ที่ไร่ก็ได้ไปเที่ยวทั้งยังต้องไปสัมมนาเรียนรู้เกษตรแนวใหม่ที่เชียงใหม่เชียงรายกรุงเทพบ้างแล้วแต่ที่ไหนน่าสนใจอาจารย์ก็จะส่งข่าวมาบอกเสมอจึงทำให้มัสหยากับเขมรัฐได้ไปเรียนรู้กลับมาพัฒนาไร่บงกช
“เอ่อ แม่นายคะหย๋าไม่ไปได้มั้ยคะ”
“นั้นสิครับแม่นาย ผมก็ไม่อยากไปครับ”
“ทำไมถึงไม่อยากไปล่ะแม่หย๋า เจ้าเขมบอกเหตุผลมาสิ” แม่นายถามกลับทั้งสองคนถึงเหตุผลที่ไม่อยากไปเที่ยวซิซิลี
“ก็หย๋าไม่อยากไปเกาะซิซิลีนี่คะ แม่นายให้หย๋าไปประเทศอื่นได้ไหมคะ” มัสหยาทำหน้ายุ่งก็เธอไม่อยากไปเกาะซิซิลีนี่นาไม่อยากไปเจอนายฝรั่งจอมหยิ่งหลานชายแม่นายที่ชอบหาเรื่องเธอทุกครั้งที่มาเยี่ยมแม่นายบัวผันตอนเด็กๆ
“ผมไม่อยากขึ้นเครื่องบินครับ” เจ้าเขมตอบแม่นายก็มันไม่เคยขึ้นเครื่องบินนี่มันก็กลัวสิ
“ฟังนะที่แม่นายให้แม่หย๋ากับเจ้าเขมไปอิตาลีเพราะอยากให้ไปดูงานที่ไร่ของเพื่อนแม่บี๋ว่าทางฝรั่งเขาทำกันยังไงผลผลิตถึงออกมาดีมีคุณภาพแล้วเราจะได้เอามาพัฒนาไร่ของเราให้มันผลิดอกออกผลมาได้มีคุณภาพมากกว่านี้พอผลผลิตดีราคาก็ดีคนงานก็จะมีรายได้เพิ่มหรือแม่หย๋าไม่อยากพัฒนาไร่ของเราให้มันเจริญมากกว่านี้หรือลูก” แม่นายบอกลูกพี่กับลูกน้องที่นั่งฟังตาปริบๆจนท่านอดขำไม่ได้
“ลูกพี่ว่าไงครับ ผมยกให้ลูกพี่ตัดสินใจเลยครับ” เขมรัฐรู้ว่ายังไงลูกพี่ก็ไม่ปฏิเสธแน่นอนและเขาก็ต้องทำใจเรื่องขึ้นเครื่องบินรอก็แล้วกันเพราะดูแล้วแม่นายชนะขาดอยู่แล้ว
“หย๋าไปก็ได้ค่ะ แล้วหย๋ากับไอ้เขมต้องไปอยู่กับแม่บี๋ใช่ไหมคะ” มัสหยาถามเพื่อความแน่ใจเธอไม่อยากเจอนายฝรั่งเพราะรู้จากเซเซียล่าเล่าให้ฟังว่าพี่ชายของเธอไม่ค่อยอยู่บ้านเขาจะอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์หรือไม่ก็คอนโดในเมืองปาแลร์โมหรือไม่ก็ที่กรุงโรมเพราะเขาทำงานเยอะจึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน
“ใช่ลูก แม่บี๋เขาบอกมาเพราะปกติฝรั่งเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปดูงานของเขาหรอกแต่เห็นเป็นเพื่อนกันเขาเลยอนุญาตอีกอย่างก็ไม่ได้เป็นคนชาติเดียวกันด้วยแม่บี๋เลยให้เราสองคนไปศึกษางานเพื่อเอามาพัฒนาไร่ของเราให้ทันสมัยเท่าเทียมกับของฝรั่งเผื่อวันข้างหน้าผลผลิตในไร่ของเราจะมีคุณภาพดีมีราคาดีมากกว่านี้นะลูก” แม่นายเกลี้ยกล่อมหลานสาวนอกไส้ของท่าน
“ตกลงค่ะแม่นาย หย๋าจะไปค่ะแล้วจะให้หย๋ากับไอ้เขมไปเมื่อไหร่คะ”
“อาทิตย์หน้าจ้ะ แม่บี๋เขาจัดการให้หมดแล้วล่ะ” แม่นายยิ้มอย่างพอใจที่มัสหยาตัดสินใจไปอิตาลีท่านอยากให้เด็กดีอย่างมัสหยากับเขมรัฐได้เปิดโลกกว้างไม่ใช่อยู่แต่ในไร่
“แม่นายขาทำไมมันเร็วอย่างนี้ละคะ หย๋าเตรียมตัวไม่ทันหรอกไปเดือนหน้าได้มั้ยคะ” มัสหยาต่อรองกับแม่นายที่ยิ้มให้เธอแล้วส่ายหน้า