บทที่ 4 ความหลัง
มัสหยาหยุดพี่คล้าวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นอดีตของเธอกับนายฝรั่งตอนเด็กเธอก็เล่นกับเซเซียล่าทุกครั้งที่มาเที่ยวเมืองไทยพร้อมพ่อแม่และพี่ชาย ลุงเรนกับแม่บี๋ใจดีกับเธอมากจะมีของมาฝากเธอทุกครั้งที่กลับมาเยี่ยมแม่นายบัวผันทุกวันเกิดวันปีใหม่ไทยปีใหม่เมืองเธอก็จะได้ของขวัญมาตลอดแต่ลูเซียโนเป็นคนนิ่งๆเงียบๆไม่สนใจใครทุกครั้งที่มาเมืองไทยเขาจะอ่านหนังสือไม่งั้นก็เล่นเกมไปขี่จักยานบ้างส่วนมากก็จะเล่นกับน้องสาวแต่ถ้ามัสหยามาร่วมวงเมื่อไหร่เขาจะเดินหนีทันที่ไม่เคยเล่นด้วยสักครั้ง
“คุณดอยทำอะไรอยู่ค้ะ” มัสหยาวัยหกขวบถามเด็กชายที่อาวุโสกว่าตอนนั้นลูเซียโนอายุสิบขวบกว่าย่างสิบเอ็ดขวบนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้เพราะมันเงียบดี
“ฉันชื่อลูซ อย่ามาเรียกฉันว่าดอยมีคุณยายคนเดียวเท่านั้นที่เรียกฉันได้แล้วไปไกลๆอย่ามายุ่งกับฉันยัยเด็กขี้ประจบ” ลูเซียโนในตอนนั้นไม่ชอบที่ใครๆก็ให้ความสนใจเด็กกำพร้าตัวเล็กน่ารักที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจมัสหยาแต่หมั่นไส้ที่คุณยายพ่อแม่และน้องสาวของเขาเรียกหาแต่มัสหยา
“ค่าคุณลูซ หย๋าจะไม่เรียกอีกและจะไม่มาใกล้คุณลูซอีกแล้วค่า” เด็กน้อยตัวป้อมน่ารักเบะปากทันทีที่พูดจบแล้วเดินก้มหน้าน้ำตาไหลพรากออกไปจากใต้ต้นไม้ที่เขานั่งอ่านหนังสือ
ลูเซียโนยกมือหมายจะเรียกแต่เขาก็ไม่ทำและคิดว่าเดี๋ยวเธอก็ลืมแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเพราะจนป่านนี้ชายหนุ่มก็ไม่เจอมัสหยาอีกเลยเธอจะคอยหลบหน้าเขาทุกครั้งที่มาเที่ยวที่ไร่ส่วนลูซเซียโนก็ปากหนักไม่ถามถึงมัสหยาอีกเหมือนกันแต่เขาก็จะคอยมองหาเธอตลอด
มัสหยาก็เก่งมากหลบเขาพ้นทุกครั้งจนผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เธอไม่อยากจะไปอิตาลีเลยแต่ขัดแม่นายไม่ได้นี่สิ เฮ้อ หย๋าเอ้ยจะทำยังไงดีไม่อยากเจอนายฝรั่งเลยให้ตายสิ เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ก็เข้าห้องทำงานเพื่อจัดการเรื่องบัญชีจนเสร็จเธอก็ไปหาแม่นายที่มียายแม้นของเธอนั่งคุยเป็นเพื่อน
“หย๋าตรวจแล้วก็พอไม่ต้องเอามาให้แม่นายดูหรอกลูก” แม่นายบอกเด็กในปกครองของท่านอย่างอ่อนโยน
“แม่นายก็ช่วยหย๋าดูหน่อยสิคะ เผื่อหย๋าทำผิดค่ะ” ทุกครั้งเธอจะต้องเอาบัญชีของไร่ในแต่ละวันมาให้แม่นายดูรายรับรายจ่ายของไร่แต่แม่นายก็ดูบ้างไม่ดูบ้างเพราะท่านไว้ใจมัสหยาเด็กที่ท่านเลี้ยงมากับมือ
“เอ้าๆ ดูก็ดู” แม่นายจำใจรับปากว่าจะดูให้คืนนี้แต่เชื่อเถอะพอเข้าห้องไปท่านก็สวดมนต์แล้วหลับพรุ่งนี้ก็เอามาให้มัสหยาเหมือนเดิมสรุปว่าท่านเอาไปวางไว้เฉยๆ
“แม่นายขา หย๋าว่าจะขุดสระเพิ่มแม่นายคิดว่ายังไงคะ”
“ทำไมเราถึงต้องขุดสระเพิ่มล่ะ” แม่นายถามแล้วยิ้มพอจะเดาออกว่าแม่หย๋าของท่านคิดจะทำอะไรปลูกอะไรเพิ่มอีกท่านคิดว่าแค่นี้คนงานทั้งหลายก็พออยู่พอกินกันแล้ว อีกอย่างมัสหยาก็จะเหนื่อยเพิ่มอีกด้วยทำให้ท่านไม่อยากให้เธอทำอะไรเพิ่มอีกไม่ใช่ว่าท่านไม่เห็นด้วย
“เมื่อปีที่แล้วไร่ของเราขาดแคลนน้ำเพราะฝนน้อยและน้ำในสระของเราก็ใช้รดน้ำผักรดต้นไม้ทั้งไร่ไม่พอหย๋าเลยคิดว่าเราน่าจะขุดสระเพิ่มเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ตอนหน้าแล้งค่ะ” เหตุผลของผู้จัดการไร่ฟังขึ้นทำให้แม่นายเห็นด้วย
“ก็ดีนะลูก แม่หย๋าก็ขุดให้มันใหญ่กว่าสระเดิมหน่อยให้เจ้าเขมมันไปจัดการเราก็ดูเฉยๆก็พอรู้มั้ย” แม่นายก็พูดไปอย่างนั้นแหละเพราะท่านไม่เคยห้ามเธอได้สักครั้งแต่จะคอยปรามอยู่บ่อยๆพราะตอนนี้แม่หย๋าของท่านจะห้าวหาญเกินหญิงไปแล้ว
“แล้วอีกอย่างหนึ่งค่ะ” มัสหยามองแม่นายแล้วยิ้มแหยๆให้ท่าน
“อะไรอีกล่ะ” ท่านนึกแล้วว่ามันจะต้องมีต่อเพราะเห็นท่าทางขยุกขยิกของแม่หย๋าแล้วก็ได้แต่ยิ้มในใจ
“หย๋ากับไอ้เขมคิดว่าเราจะเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ไข่เอาไว้กินและแบ่งให้คนงานด้วยค่ะโดยจะแบ่งเวรให้มาดูแลให้อาหารถ้าเราได้ไข่เยอะเหลือกินเราก็เอาไปขายที่ตลาดเอาเงินส่วนนั้นมาซื้ออาหารให้พวกปลาเป็ดไก่ค่ะ แม่นายเห็นด้วยกับหย๋ามั้ยคะ” ใบหน้าหวานรูปหัวใจสีเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะโดนแดดมองแม่นายที่นั่งนิ่งไปอย่างลุ้นๆว่าท่านจะเห็นด้วยกับเธอมั้ย
“อืม เอาเป็นว่าแม่หย๋ากับมาจากบ้านแม่บี๋ก็มาจัดการละกัน” ท่านนึกอยู่แล้วว่าไอ้เด็กสองคนนี่มันไม่อยู่นิ่งกันจริงๆไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนงานของท่านถึงได้เห็นชอบทุกอย่างที่มัสหยากับเขมรัฐเสนอแนะเพราะทุกวันนี้คนงานของท่านไม่ใช่คนบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็มีทีวีดูข่าวดูละครกันทุกบ้านเพราะมัสหยาแนะนำ ทุกคนอยู่กันอย่างพี่อย่างน้องและท่านได้ปลูกบ้านพักให้คนงานเก่าแก่สมัยบุกเบิกไร่กับสามีของท่านให้อยู่ในรั้วเดียวกันจัดสรรให้อยู่จนเกือบจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆแล้วรวมทั้งยายของมัสหยาด้วย แต่ยายแม้นจะอยู่ใกล้บ้านแม่นายมากกว่าคนอื่น
“ขอบคุณค่ะแม่นาย หย๋าคิดว่าแม่นายต้องเห็นด้วยแน่ๆค่ะ” มัสหยายกมือไหว้แม่นายที่มีเมตตากับคนงานทุกคนในไร่ แต่ก็มีบ้างที่ลูกหลานคนเก่าแกบางคนก็ไม่อยากเป็นสาวชาวไร่พอเรียนจบก็ไปทำงานในเมืองหรือในกรุงเทพก็มีหลายคนที่รักความเจริญก้าวหน้าในสังคมเมืองกรุงไม่อยากทำไร่ทำสวนเหมือนพ่อแม่
“ถ้าไม่มีแม่หย๋าสักคน ใครจะมาช่วยแม่นายดูแลไร่นี้กันนะ ตาดอยกับยัยกล้วยก็ไม่สนใจไร่เล็กๆของแม่นายหรอก หย๋าอย่าทิ้งแม่นายนะลูก” แม่นายพูดจบมัสหยาก็คลานเข้าไปกอดท่าน
“แม่นายอย่าพูดอย่างนี้สิคะ ยังไงหย๋าจะดูแลไร่นี้ถึงแม่นายไล่หย๋าก็ไม่ไปค่ะ” คนเก่งของท่านพูดเสียงอู้อี้กับอกของท่านเพราะถ้าไม่มีแม่นายเธอก็ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้
“อิฉันจะอยู่ที่ไร่จนตายค่ะ พวกเราไม่มีวันเนรคุณข้าวแดงแกงร้อนที่แม่นายช่วยเหลือเกื้อกูลมาหรอกค่ะ” ยายแม้นนั่งฟังเรื่องงานของหลานสาวจนจบแล้วพูดกับแม่นาย
“ไปกันใหญ่แล้วสองยายหลานนี่ แม่นายพูดนิดเดียวดูยายแม้นของแม่หย๋าสิ เอ้า พอๆเราจะอยู่ด้วยกันไปจนตายนั่นแหละ เฮ้อ เจ้าน้ำตากันจริงๆ” พูดแล้วท่านก็เช็ดหางตาที่เปียกชื้นอย่างน้อยท่านก็มีคนสานต่องานในไร่บงกชที่ท่านกับสามีรักมากเพราะทำให้ท่านช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีงานทำ
“งั้นอิฉันไปบอกแม่แตงก่อนนะคะเดี๋ยวจะลืมเสียก่อน แม่นายจะไม่ได้กินน้ำพริกลงเรือค่ะ” ยายแม้นไปก่อนหลานสาวที่ยังอยู่คุยกับแม่นายเรื่องขุดสระเลี้ยงปลาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่โครงการใหม่ของเธอจนได้เวลาอาหารค่ำที่วันนี้ยายแม้นอยู่กินข้าวเย็นด้วยเพราะตาปลั่งไปตั้งวงกับลุงสินลุงกอบที่มักจะตั้งวงดื่มกันอาทิตย์ละครั้งตามประสาชาวไร่เป็นประจำ